- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 13 November 2014 17:06
- Hits: 1537
บล.กรุงศรี : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มและปัจจัยการลงทุนวันนี้
หลีกเลี่ยง หรือ ขาย
ตลาดภูมิภาควานนี้ปิดขึ้น/ลงคละกัน โดย SET ยังปรับฐานต่อเนื่องวานนี้ เป็นการทรงตัวบวกภาคเช้า 4 จุด ทดสอบที่ 1575 จุดแต่ลดลงหลังจากนั้นปิดตลาดที่ 1562.03 จุด (-9.17 จุด, -0.58%) มีเพียงกลุ่มอาหารขึ้นสวนทางตลาด และลดลงมากสุดเช่น อสังหาฯ อิเล็กทรอนิกส์ มีเดียส์ ท่องเที่ยว ยานยนต์ มูลค่าการซื้อขายยังถือว่าอยู่ในระดับสูงที่ 51,390 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติสลับซื้อสุทธิ 505 ล้านบาท (1-12 พ.ย. ซื้อสุทธิ 5064 ล้านบาท, 1 ม.ค.-12 พ.ย. ขายสุทธิ 14,828 ล้านบาท) กองทุนในประเทศยังขายสุทธิต่อเนื่องอีก 1,217 ล้านบาท (1-12 พ.ย. ซื้อสุทธิ 2,163 ล้านบาท, 1 ม.ค. -12 พ.ย. ซื้อสุทธิ 45,935 ล้านบาท
ปัจจัยการลงทุนวันนี้
ญี่ปุ่นเตรียมเลื่อนการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มแบบขึ้นบันไดออกไปอีก 1 ปีครึ่งจาก 8% เป็น 10% ในเดือนเม.ย.ปี 60 พร้อมขอให้มีการจัดเลือกตั้งทั่วไปในเดือนธ.ค.นี้
เวิลดิ์แบงก์คาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะฟื้นตัวอย่างช้าๆสหรัฐฯจะเป็นประเทศที่ส่งแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ขณะที่ยูโรโซน จีน และญี่ปุ่นยังคงชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดและจะเป็นตัวหน่วง และคาดการณ์จีดีพีไทยในปี 58 จะอยู่ที่ 3.5-4% ยังเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำกว่าศักยภาพของประเทศที่จะเติบโตได้ 5-6% โดยปัจจัยหนุนในการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีหน้ามาจากการฟื้นตัวของการส่งออก การลงทุนภาค รัฐฯ และมองแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยจะเริ่มปรับตัวขึ้นในกลางในปี 58 ตามทิศทางเฟด
ไทยมียอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ส.ค.จำนวน 5,65 ล้านล้านบาทหรือ 46.5% ของ GDP และเทียบกับเงินสำรองระหว่างประเทศที่ US$167,523 ล้านหนี้ต่างประเทศมีสัดส่วน 6.7% ของเงินสำรองระหว่างประเทศแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพทางด้านการเงินไทย หนี้สาธารณะ แบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 97.24% และหนี้ระยะสั้น 2.76% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้างสะท้อนถึงความสามารถของรัฐบาลในการระดมทุนระยะยาว และความมั่นคงของฐานะการคลังไทย
เช้านี้ราคาน้ำมันเบรนท์ปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปีเช้านี้ที่ US$80.7/bbl สะท้อนความอ่อนแอด้านอุปสงค์และบอกได้ถึงทิศทางเงินเฟ้อที่จะอยู่ในระดับต่ำลงและเศรษฐกิจยังอ่อนแอในฝากยุโรป
วานนี้ตลาดปรับฐานทางลงหลังจากทรงตัวได้หนึ่งวัน (สวนทางกับเงินบาทอ่อนค่า) เราประเมินว่าการปรับฐานของดัชนีและหุ้นรายตัวจะยังผูกติดกับตลาดในระยะสั้นและยังมีความเสี่ยงสูงต่อการเข้าซื้อเก็งกำไรสั้นเช่นกัน แนะนำรอดูการปรับฐานต่ออีกวัน หรือขายทำกำไร (แนะนำขายเชิงเทคนิค KTB, QH, CK)
แนวโน้มการลงทุนสำหรับระยะกลาง
ถือหุ้น 10%
เราถือครองหุ้นเหลือ 10% และถือเงินสด 90% โดยจำนวนหุ้นที่ถือครองอยู่ 2 บริษัทคือ HMPRO, และ ADVANC
Accumulate: -- รอสะสมหุ้น
Trading: เลือกซื้อหุ้นเก็งกำไรเหนือ 1570 จุด ต่ำกว่า รอ
เปรียบเทียบดัชนี
สถานะพอร์ตจำลอง (เริ่มวันที่ 25 พ.ย. 56)
พอร์ตหุ้น 10% ถือเงินสด 90%
ผลตอบแทนพอร์ตจำลอง (30%) = +0.4%
ผลตอบแทนถือเงินสด (70%) = +1.8%
ผลตอบแทนรวม (100%) = +2.2%
ผลตอบแทนตลาด SET = +15.5%
พอร์ตลงทุน KSS ได้รับรู้กำไรจากการลดพอร์ต 5 ครั้งในวันที่ 2 ก.ย. ลดจาก 70% เหลือ 60% (ส่วนต่างขาดทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก -0.7%)
วันที่ 5 ก.ย. จาก 60% เหลือ 50% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +3.3%)
วันที่ 16 ก.ย. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 50% เหลือ 30% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +5.9%)
วันที่ 24 ก.ย. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 30% เหลือ 20% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +1.7%)
วันที่ 15 ต.ค. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 200% เหลือ 10% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 0%)
รวมการรับรู้ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากการลดพอร์ต 4 ครั้งคิดเป็น +10.2%
Analysts
Kasamapon Hamnilrat Registration No. 17622
Apisak Limthumrongkul Registration No. 13130