- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 26 August 2021 13:20
- Hits: 8596
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 26-8-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 26 สิงหาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
Sideways :
เกาะติด Jackson Hole
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,580 จุด และแนวต้าน 1,610 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว โดย ATO Picks แนะนำ “AOT, TEAM”
AOT
จากพัฒนาการเชิงบวกของวัคซีนที่ล่าสุด US ได้ปลดล็อควัคซีนไฟเซอร์คาดจะช่วยให้ภาคบริการทั่วโลกมีความหวังฟื้นตัวมากยิ่งขึ้น ผสานกับประเด็นในประเทศ ที่ศบค.เตรียมหารือปลดล็อคกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มแรงบวกต่อหุ้นเปิดเมืองมากยิ่งขึ้น และเป็นบวกระยะยาวต่อภาคท่องเที่ยว
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 74 บาท
TEAM
กำไรสุทธิ 1H64 ทำได้ตามเป้า และคำสั่งซื้อข้างหน้าที่ยังคงแข็งแกร่งหนุนโมเมนตัมการเติบโต คาดกำไรปีนี้ที่ 200 ล้านบาท ทำจุดสูงสุดรอบทศวรรษ และตั้งฐานก่อนขยายตัว +16%CAGR ในสองปีข้างหน้า ขณะที่ Valuation เทรดเพียง PE 17 เท่ายังถูกกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ PE 24 เท่า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 6.9 บาท
INVESTMENT THEME
เกาะติด Jackson Hole
ราคาน้ำมันดิบยังปรับขึ้น : สหรัฐฯรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ปรับตัวลดลง -2.98 ล้านบาร์เรล ลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดที่ -2.33 ล้านบาร์เรล เป็นแรงหนุนเพิ่มเติมในระยะสั้นต่อราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นเป็นวันที่สาม หลังก่อนหน้านี้ได้ปัจจัยหนุนจากทั้ง FDA สหรัฐฯ อนุมัติใช้วัคซีน Pfizer เต็มรูปแบบ หนุนอุปสงศ์สูงขึ้น รวมถึงอุปทานที่ลดลงในระยะสั้นหลังเกิดเหตุไฟไหม้ที่แท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเมกซิโก
เกาะติดการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown : วันนี้จะมีการประชุม ศบค.ชุดเล็ก คาดจะหารือเกี่ยวกับการคลายล็อก 3 ระยะ ตามที่เอกชนเสนอมา และจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่เพื่อพิจารณา 27 สค.นี้ โดยแผนระยะแรกคาดปลดล็อก 1 ก.ย. ในธุรกิจร้านอาหารจะกลับมานั่งทานได้ 50%, ก่อสร้าง, เฟอร์นิเจอร์, คลินิคทันตกรรม, นวด สปาเฉพาะนวดเท้า, เสริมสวยยกเว้นใบหน้า, ธุรกิจไอที สื่อสาร และธุรกิจเบ็ดเตล็ด ซึ่งหากมีการอนุมัติจริง จะเป็นบวกต่อภาคเศรษฐกิจภายใน แต่ในทางกลับกัน ก็จะต้องระมัดระวังตัวเลขการติดเชื้อที่มีโอกาสกลับมาเร่งตัวขึ้นเช่นกัน
จับตา Jackson Hole 26-28 สค. : เข้าสู่การประชุมสำคัญที่ทั่วโลกต่างจับตามอง คือ การประชุม Jackson Hole ในวันที่ 26-28 สค. แนะติดตามถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวล ประธาน FED ที่จะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่งพอที่จะปรับลดวงเงิน QE แล้วหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆผันผวน แต่เราคาดผลกระทบต่อหุ้นไทยจะค่อนข้างจำกัด และมองเป็นโอกาสซื้อหากตลาดย่อตัวลง
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่งขึ้น โดยตลาดยังคงมีความคาดหวังต่อการคลาย Lockdown ในช่วงถัดไป โดย SET ปิดที่ 1,600.49 (+13.51 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 93 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.01 แสนล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 3,607 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 737 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 4,994 สัญญา)
EYES ON
25-27 ส.ค. งาน Thailand Focus (25-27)
26 ส.ค. การประชุม Jackson Hole (26-28), US GDP2Q64 (ครั้งที่2), ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US
27 ส.ค. ตัวเลข PCE ของ US, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ US
CP All (CPALL)
กดดันในระยะสั้น แต่จะฟื้นตัวได้เร็ว
BUY
Share Price THB 61.50
12 m Price Target THB 68.99 (+11%)
Previous Price Target THB 67.00
ประเด็นการลงทุน
เราปรับประมาณการกำไรลงสะท้อนถึงผลประกอบการ 3Q64 ที่ถูกกดดันจากการล็อกดาวน์ แต่คาดว่า CPALL จะสามารถฟื้นตัวได้เร็วและมีนัยสำคัญหากมีการเปิดเมือง เนื่องจากเป็นผู้นำตลาดใน 3 ธุรกิจทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าส่ง และไฮเปอร์มาร์เก็ต ประกอบกับการขายทาง O2O เติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปรับโครงสร้างการเงินช่วยลดภาระดอกเบี้ย เรายังคำแนะนำ ซื้อ โดย Rollover ราคาเป้าหมายเป็นปีหน้าเท่ากับ 68 บาท (DCF, WACC 7.2%, G.4%)
ปรับลดประมาณการกำไรสะท้อนช่วงเวลาท้าทายใน 3Q64
เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2564-2565 ลง 33% และ 13% ตามลำดับ สะท้อนถึงกำไร 2Q64 ต่ำกว่าคาดและผลกระทบจากการล็อกดาวน์ โดยคาดว่ากำไรปกติ 3Q64 จะถูกกดดันจากการระบาดของโควิดและเคอร์ฟิว ซึ่งกระทบต่อเวลาเปิดร้าน (ปิด 20.00-04.00) ในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม โดยมีร้านเซเว่นฯ ประมาณ 70% ของสาขาทั้งหมด อย่างไรก็ดี การรีไฟแนนซ์คาดว่าจะประหยัดดอกเบี้ยจ่ายเกือบ 300 ล้านบาท/ไตรมาส ตั้งแต่ 3Q64 เป็นต้นไป
ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปิดเมือง
กำไรของ CPALL มีโอกาสฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญหากมีการเปิดเมืองใน 4Q64 ซึ่งจะทำให้จำนวนลูกค้าเข้าร้านเพิ่มขึ้น ประกอบกับทั้ง MAKRO และโลตัส ก็จะฟื้นตัวได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งคาดว่า C.P. Retail Holding ซึ่งทำธุรกิจโลตัสจะรีไฟแนนซ์เงินกู้ 1.3 แสนล้านบาท ส่งผลให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง ซึ่งเราคาดว่าโลตัสจะกลับมาทำกำไรได้ใน 4Q64 ส่วนกรณีที่ CPALL มีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจ Logistics และสื่อ คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการ แต่คาดว่าจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายใน 4Q64
การขายทาง O2O และ Banking Agent ช่วยลดผลกระทบจากการล็อกดาวน์
CPALL ยังคงตั้งเป้าเปิดสาขา 700 สาขาในปีนี้ โดยเชื่อว่ายังมีพื้นที่ที่บริษัทสามารถเปิดสาขาใหม่ได้อีกมากโดยเฉพาะในต่างจังหวัด ยอดขายทาง O2O (7 Delivery, All Online) มีสัดส่วน 10-13% ของยอดขายร้านเซเว่นฯ QTD และมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจเคาน์เตอร์เซอร์วิสยังเติบโตได้จากธุรกิจ Banking Agent มี Transaction เพิ่มขึ้นทุกไตรมาส (ผู้บริโภคไม่อยากไปธนาคารซึ่งมีคนหนาแน่น) ซึ่งช่วยชดเชย Transaction ของการจ่ายบิลค่าน้ำค่าไฟ และค่าตั๋วที่น้อยลง อีกทั้งช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าเข้าร้าน
ความเสี่ยง: การขยายเวลาล็อกดาวน์ SSSG ฟื้นตัวช้ากว่าคาด
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
Energy Absolute (EA)
เรื่องราวของ EV ลุ้นกันยาวๆ
BUY
Share Price THB 63.00
12 m Price Target THB 47.50 (-25%)
Previous Price Target THB 47.50
ประเด็นการลงทุน
แม้กำไร 1H64 จะคิดเป็น 40% ของประมาณการปีนี้ของเรา และ 43% ของ Consensus แต่โมเมนตัมกำไรที่กำลังดีขึ้น HoH จากการเข้าสู่ฤดูกาลผลิตกระแสไฟฟ้า, ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และการเริ่มมีรายได้จากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ตั้งแต่ไตรมาส 3 ทำให้เราคงประมาณการกำไรไว้ตามเดิม โดยทิศทางของบริษัทยังคงเกาะกระแส EV ที่โลกกำลังมุ่งไป ทำให้อุปสงค์ในราคาหุ้นจึงสูงตลอดเวลา อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาสะท้อนทิศทางปีนี้แล้ว โดยซื้อขายที่ P/E21F 36.8x สะท้อนเป็น PEG 1.6x ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์เราแนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวจะเหมาะสมกว่า คำแนะนำก่อนหน้า “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 64 ที่ 47.50 บาท อิง P/E 25.5x ส่วนราคาเหมาะสมปี 65 นั้น เราอยู่ระหว่างพิจารณาไปพร้อมๆกับติดตามความคืบหน้าของการปฏิรูปรถเมล์ ขสมก. ซึ่งจะมีผลอย่างมีนัยสำคัญประมาณการปี 2565
ไตรมาส 2 กำไรหด -15.7% QoQ จากฤดูกาล และ COVID-19
EA มีกำไรสุทธิ 2Q64 ที่ 1.2 พัน ลบ. หดตัว -15.7% QoQ และขยายตัวเล็กน้อย +3.6% YoY ต่ำกว่าตลาดคาด 4% โดยการหดตัวลงจากไตรมาสแรก เกิดจากผลของฤดูกาลเหมือนทุกปีสำหรับโรงไฟฟ้าโซล่าร์ฟาร์ม ผนวกกับราคาขายไฟต่อหน่วยที่ลดลง -1.85% YoY ขณะที่หน่วยธุรกิจไบโอดีเซลแม้ราคาขายจะดีขึ้น +44.8% YoY แต่ก็ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ปริมาณขายหด -13.9% YoY ส่วนธุรกิจ PCM เพิ่งเริ่มต้นจึงมีรายได้เพียง 24 ลบ.
แนวโน้ม 2H64 จะดีกว่า 1H64
เราคาดว่ากำไร 3Q64 จะไต่ขึ้นจาก Low season ได้จาก (1) แผนการส่งมอบรถบัส 100 คัน (ล่าสุดส่งไปแล้ว 48 คัน) คิดเป็นส่วนเพิ่มของรายได้ราว 15% หรือ กำไรส่วนเพิ่มราว 5-10% จากฐานกำไรเดิม และอีก 400 คันใน 4Q64 ที่อยู่ระหว่างเจรจาขั้นตอนสุดท้าย (2) EA กำลัง refinance หนี้ 2 หมื่น ลบ. คาดประหยัดภาระดอกเบี้ยได้ 70 ลบ. / ไตรมาส และ (3) EA กำลังทยอยเปลี่ยนแผงโซล่าร์ทดแทนของเดิม 200MW จากกำลังการผลิตตามสัญญา 278MW ผบห.คาดผลผลิตไฟฟ้าจะเพิ่มสุทธิ 10% ในช่วงต้น 4Q64 ซึ่งแม้ว่าการเริ่ม COD โรงผลิตแบตฯจะล่าช้าข้ามไป 4Q64 และจะเกิดค่าเสื่อมเข้ามารบกวน แต่ ผบห.มองว่าไม่มีนัยสำคัญ
สตอรี่ EV รออีกเพียบ
EA เปิดเผยแผนเจาะตลาด EV truck ในปีหน้า โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพาร์ทเนอร์ค่ายรถยนต์ต่างๆ ซึ่งเรามองว่าน่าสนใจ เพราะเหล่านี้เป็นเมกกะเทรนด์ของโลกยานยนต์ และเป็นตลาดที่ใหญ่ในไทย อีกทั้งยังสอดคล้องกับแผน EV ของไทยอีกด้วยที่เป้ารถ EV truck & bus 31,000 คัน ภายในปี 2568 และ 4.3 แสนคัน ในปี 2578
Jaroonpan Wattanawong
(66) 2658 6300 ext 1404
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ