- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 August 2021 12:20
- Hits: 10223
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 25-8-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 25 สิงหาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
บาทแข็งสุดในรอบ 3 สัปดาห์
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,570 จุด และแนวต้าน 1,600 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว โดย ATO Picks แนะนำ “KBANK, RBF”
KBANK
นโยบายของ ธปท. คาดจะช่วยให้ NPL Formation และการตั้งสำรองทรงตัว เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร แม้ว่า NIM อาจกระทบบ้าง ในขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างมากส่งผลให้เทรดเพียง PBV 0.65 เท่า และหากมีการเปิดเมืองคาดจะเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารมากยิ่งขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 160 บาท
RBF
แนวโน้ม 3Q64 อาจได้รับผลกระทบจากภาคการบริโภคที่หดตัว แต่เชื่อว่าเป็นโอกาสในการสะสม โดยคาดหวังการฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ 4Q64 จากสัญญาณเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นขึ้น พร้อมทั้งมี Growth driver ในธุรกิจกัญชงและกระท่อมรอต่อยอดการเติบโตในปี 2565-66
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22.6 บาท
INVESTMENT THEME
เงินบาทแข็งสุดในรอบ 3 สัปดาห์
ค่าเงินบาทแข็งสุดในรอบ 3 สัปดาห์ : สัญญาณค่าเงินระยะสั้นเริ่มมีความผันผวนมากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดค่าเงินดอลล่าร์ปรับตัวอ่อนค่าลง ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ต่ำกว่าคาด ทำให้ยังคงมีความไม่แน่นอนต่อถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพลเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่จะกล่าวในการประชุม Jackson Hole 26-28 สิงหาคมนี้ ว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) หรือไม่ ดังนั้นจึงยังคงต้องติดตามผลประชุมอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้จากพัฒนาการเชิงบวกของการที่ FDA สหรัฐฯ ได้ปลดล็อกวัคซีนไฟเซอร์ ให้สามารถใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบ จากเดิมที่ใช้ในกรณีฉุกเฉิน ถือเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าเร็ว โดยล่าสุดทำจุดแข็งสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ระดับ 32.88 บาทต่อดอลล่าร์ ในระยะสั้นอาจต้องระวังกลุ่มส่งออก ซึ่ง Outperform ในช่วงก่อนหน้าอาจมีแรงขายสลับมาสะสมกลุ่มอิงการฟื้นตัวในประเทศมากยิ่งขึ้น
สร้างฐานรอการทะลุ 1600 : ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับขึ้นเด่นจากแนวรับสำคัญที่เส้นค่าเฉลี่ย EMA 200วัน ที่ 1,515 จุด ขึ้นสู่แนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,600 จุด ด้วยแรงซื้อหลักในกลุ่มหุ้นธีมเปิดเมือง (Re-opening Play) เช่น กลุ่มธนาคาร, พลังงาน, ค้าปลีก, ขนส่ง, ท่องเที่ยว เป็นต้น สอดคล้องกับตัวเลขการติดเชื้อในประเทศที่ทรงตัว รวมถึงพัฒนาการด้านวัคซีนที่มีความหวังมากขึ้น โดยหากรักษาโมเมนตัมเช่นนี้ได้ คาดดัชนีจะแกว่งสร้างฐาน และมีลุ้นในการปรับตัวขึ้นทะลุ 1,600 จุด ในช่วงถัดไป
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ยังไม่ผ่าน 1600 จุด โดยมีแรงซื้อมากในกลุ่มพลังงานจากน้ำมันดิบฟื้นตัววันแรกในรอบ 8 วันทำการ โดย SET ปิดที่ 1,586.98 (+4.91 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 1.01 แสนล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.15 แสนล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,358 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 1,465 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 10,664 สัญญา)
EYES ON
25 ส.ค. งาน Thailand Focus (25-27), ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US
26 ส.ค. การประชุม Jackson Hole (26-28), US GDP2Q64 (ครั้งที่2), ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US
27 ส.ค. ตัวเลข PCE ของ US, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ US
MK Restaurant (M)
คาดหวังการฟื้นตัวได้ปลายปี
BUY
Share Price THB 53.75
12 m Price Target THB 58.00 (+9%)
Previous Price Target THB 58.00
ประเด็นการลงทุน
บริษัทรายงานขาดทุนใน 2Q64 ที่ -99 ลบ. (+60%YoY, -211QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราคาด จากการเริ่มเห็นผลกระทบของโควิดระลอก 3 และเริ่มกลับมาใช้มาตรการห้ามทานอาหารในร้านบางส่วน กดดันทั้งยอดขายและมาร์จิ้นบริษัท และคาดจะเห็นแนวโน้มการขาดทุนเพิ่มขึ้น QoQ ใน 3Q64 จากผลกระทบโควิดระลอก 4 และการใช้มาตรการล็อกดาวน์จากภาครัฐที่เข้มงวดขึ้น ทำให้เรามีการปรับประมาณกำไรปี 64-65 ลง 82% และ 19% ตามลำดับเพื่อสะท้อนภาพดังกล่าว แต่เรามองปัจจัยลบส่วนใหญ่ได้สะท้อนในราคา และ มี Downside จำกัดในเชิงราคาหุ้นแล้ว โดยมองเป็นจังหวะทยอยสะสม กับบริษัทที่มีสภาพคล่องแข็งแกร่งสามารถฝ่าวิกฤตไปได้ และอยู่ในหุ้นธีมเปิดเมืองที่จะเริ่มคาดหวังการฟื้นตัวได้ตั้งแต่ 4Q64 โดยเรายังคงราคาเป้าหมายเดิมที่ 58 บาท จากการปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 65 คงคำแนะนำ “ซื้อลงทุน”
ผลประกอบการ 2Q64 พลิกมาขาดทุน
แม้บริษัทจะมียอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ที่ +40%YoY แต่มาจากฐานที่ต่ำ Full lockdown ในปีก่อน โดยบริษัทมียอดขายหดตัว -19%QoQ ถูกกดดันจากผลกระทบโควิดระลอก 3 และมีมาตรการห้ามทานในร้านอาหาร 16 วันในพื้นที่สีแดงเข้ม 6 จังหวัด ทำให้ต้องพึ่งการขายผ่าน Food delivery มากขึ้น ซึ่งมีมาร์จิ้นต่ำ กดดัน GPM ลดลง 100 bps QoQ ขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่บริษัทคือ Fixed cost และได้ lean ตัวเองไปมากแล้วในโควิดระลอก 1-2 ลดต่อได้จำกัด ทำให้เห็นภาพยอดขายลดลงมากกว่าต้นทุน และเผชิญกับการขาดทุน
3Q64 คาดขาดทุนเพิ่ม และจะกลับมามีกำไรใน 4Q64
โดยใน 3Q64 บริษัทเผชิญกับสถานการณ์ที่หนักขึ้น QoQ ทั้งจากโควิดระลอก 4 และมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้นในพื้นที่ 29 จังหวัด เทียบ 6 จังหวัดใน 2Q64 ทำให้คาดจะเห็นผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้น QoQ โดยคาดจะเริ่มกลับมาคาดหวังกับการฟื้นตัวและมีกำไรได้ตั้งแต่ 4Q64 หากสถานการณ์โควิดดีขึ้นและสามารถเปิดประเทศได้ตามแผน โดยบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมรับกับ Pent-up demand ที่จะกลับมา หากเริ่มมีการเปิดร้านอาหารคือ (1)พนักงาน 100% ของบริษัทได้รับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส และคาดจะครบ 2 โดสทุกคนภายในเดือนก.ย. จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกค้านั่งทานในร้านมากขึ้น (2)เตรียมออกสินค้าใหม่หนุนยอดขาย ในกลุ่มเครื่องดื่มนมเพื่อสุขภาพ สรรพคุณช่วยเรื่องความจำและการนอนหลับ และ (3)เตรียมแผนพร้อมนำแหลมเจริญไปบุก CLMV หากเริ่มมีการเปิดประเทศ
Valuation
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปลายปี 65 ที่ 58 บาท ด้วยวิธี DCF(WACC 9%, G.2%) โดยแม้เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 64-65 ลง 82% และ 19% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนผลกระทบโควิดระลอก 3-4 แต่มองปัจจัยลบส่วนใหญ่ได้สะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว และมองเป็นโอกาสทยอยสะสม ในหุ้นที่มีสถานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net cash และมีสภาพคล่องทน Cash burn ได้มากกว่า 1 ปี และอยู่ในธีมหุ้นเปิดเมืองที่จะเริ่มคาดหวังการฟื้นตัวได้ตั้ง 4Q64
Thanatphat Suksrichavalit
(66) 2658 5000 ext 1401
Thanalop Preedamanoch
(66) 2658 5000 ext 1511
TOA Paint (Thailand) (TOA)
Covid-19กระทบ3Q64 แต่4Q64&64จะโต
BUY
Share Price THB 33.25
12 m Price Target THB 40.00 (+20%)
Previous Price Target THB 40.00
ประเด็นการลงทุน
แนวโน้มผลประกอบการ ไตรมาส 3Q64 จะถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างหนักในไทย และ เวียดนาม แต่แนวโน้ม 4Q64 คาดจะกลับมาเติบโตเด่นหลัง Covid-19 ผ่อนคลาย และเป็นช่วงไฮซีซั่นของการทาสีอาคาร และ รวมปี 2564 คาดจะเติบโต TOA ได้ทยอยปรับราคาขึ้นจะทำให้อัตรากำไรช่วงที่เหลือของปีดีขึ้น และ ขยายสู่วัสดุก่อสร้างครบวงจรมากขึ้น TOA มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินสดในมือ และ เงินลงทุนระยะสั้นสูง 7.8 พันล้านบาท เราคาดจะจ่ายปันผลปีนี้เพิ่มเป็น 0.60 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 1.8% เราประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 40 บาท บนฐาน Forward P/E เฉลี่ยประมาณ 35 เท่า เราคงแนะนำ ซื้อลงทุน
ผลประกอบการ 3Q64 จะถูกกระทบจาก Covid-19
TOA จัดประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวาน (24 ส.ค.) ผู้บริหารระบุ ไตรมาส 3Q64 จะถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างหนักในไทย และ เวียดนาม คือ ในไทยเดือน ก.ค. มีการปิดแคมป์คนงานและไซต์งานก่อสร้าง ปิดโมเดิร์นเทรดบางสาขา ล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข็ม ทำให้ยอดขายลดลงมากกว่า 10%YoY แต่เดือน ส.ค. ยอดขายกลับมาทรงตัวได้ และ คาดจะฟื้นตัวในเดือน ก.ย. ส่วนเวียดนาม การล็อกดาวน์ นครโฮจิมินห์ ส่งผลกระทบบ้าง แต่ไม่รุนแรงเนื่องจากโรงงานของ TOA อยู่นอกเมืองยังสามารถส่งของได้ รวมแล้วผู้บริหารประเมิน 3Q64จะติดลบประมาณ10%YoYต้นๆ
ไตรมาส4Q64จะกลับมาเติบโต รวมปี2564คาดจะเติบโต
ผู้บริหารคาดแนวโน้มไตรมาสสี่จะกลับมาโตมากกว่าสองหลัก หลังจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ผ่อนคลายลง รวมปีนี้แนวโน้มยอดขายจะเติบโตน้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% โดยผู้บริหารคาดจะเติบโตหลักเดียวปลายๆ ผลประกอบการครึ่งปีแรก ยอดขาย และ กำไรคิดเป็นสัดส่วน 51%/52% ของประมาณการทั้งปี เราคงประมาณการ แนวโน้มยอดขายในปี 2564 เราคาดจะเติบโต 7.5% สู่ระดับ 17,518 ล้านบาท และ คาดจะมีกำไรเท่ากับ 2,327 ล้านบาท เติบโต 14%
ทยอยปรับราคาขึ้น และ ขยายสู่วัสดุก่อสร้างครบวงจรมากขึ้น
TOA ได้ทยอยปรับราคาขายขึ้นเพื่อชดเชยต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น คือ ไตรมาสสองประมาณ 20% ของพอร์ต ไตรมาสสามประมาณ 30-40% ของพอร์ต และ ไตรมาสสี่คาดจะปรับขึ้นรวมกันกว่า 80% ของพอร์ต รวมราคาที่ปรับขึ้นประมาณ 3-8% จะช่วยให้อัตรากำไรขั้นในช่วงที่เหลือของปีดีขึ้น และ TOA ได้ขยายธุรกิจตลาดวัสดุก่อสร้างครบวงจรมากขึ้นช่วยเสริมการเติบโต เช่น กระเบื้อง อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และ เครื่องมือต่างๆ คาดปีหน้าจะช่วยเพิ่มยอดขายประมาณ 300-500 ล้านบาท การเปิดตัวโมเดลธุรกิจใหม่ “MEGA PAINT & HOME” ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและบริการจากทีโอเอครบวงจร แบบ One stop service ตั้งเป้าจะเปิดในปีนี้ 15 สาขา เพื่อสนับสนุนการเติบโต
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ