- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 19 August 2021 16:42
- Hits: 10672
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 19-8-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 19 สิงหาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
ย่อตัว : อาจส่งสัญญาณลด QE ปีนี้
วันนี้คาด SET ย่อตัว ในกรอบแนวรับ 1,530 จุด และแนวต้าน 1,555 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรขยายตัวดี โดย ATO Picks แนะนำ “WORK, COM7”
WORK
กำไร 1H64 ดีกว่าตลาดคาดจากการประหยัดต้นทุน เป็นกลยุทธ์ปรับตัวที่เหมาะสมในช่วงที่เม็ดเงินโฆษณาชะลอตัว ทำให้กำไรสุทธิรายไตรมาสยืนหลักร้อยล้านบาทได้เหนียวแน่น หนุนภาพกำไรในปี 2564 กลับมาเป็นขาขึ้นในรอบ 4 ปี ผสานปันผลที่ดีและทนทานพอที่จะผ่านวิกฤตไปได้
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22.7 บาท
COM7
คาดอุปสงศ์สินค้ามือถือและอุปกรณ์ IT ยังคงดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี ผสานกับการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี (SG&A/Sale ลดลงต่อเนื่อง) และมีการปรับ Product mix ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 2Q64 ขึ้นสู่ระดับ 13.4% และอัตรากำไรสุทธิทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 5.1%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 70 บาท
INVESTMENT THEME
อาจส่งสัญญาณลด QE ในปีนี้
เศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงผสมผสาน : วานนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯรายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ประจำเดือนกรกฎาคม ปรับตัวลดลง -7%MoM สู่ระดับ 1.534 ล้านยูนิต จากเดือนมิถุนายนที่ +6.3%MoM และแย่กว่าคาดที่ -2.6%MoM โดยมีแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง แต่ทางด้านตัวเลขการอนุญาตก่อสร้าง เดือนกรกฎาคม ขยายตัว +2.6% จาก -5.1% และดีกว่าคาดที่ +1.0% โดยรวมยังคงพบว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะสั้นยังค่อนข้างผสมผสาน แนะติดตามตัวเลขอื่นๆอย่างใกล้ชิด เพราะจะเป็นสิ่งที่บ่งชี้ต่อการตัดสินใจการดำเนินมาตรการในช่วงถัดไป
FED อาจส่งสัญญาณลด QE ภายในปีนี้ : รายงานการประชุม FED ในรอบที่ผ่านมา พบว่ามีการหารือเรื่องประเด็นการปรับลดวงเงิน QE ซึ่งปัจจัยสำคัญของการตัดสินใจจะขึ้นกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สะท้อนจากตัวเลขเงินเฟ้อ และการจ้างงาน ว่าทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ โดยท่าทีของประธาน FED ส่วนใหญ่ประเมิน FED จะส่งสัญญาณปรับลด QE ภายในปีนี้ ซึ่งก็ถือว่าสอดคล้องกับมุมมองล่าสุดของหลายท่านที่ออกมาให้สัมภาษณ์ เช่น นายเจมส์ บูลลาร์ด (St. Louis), โรเบิร์ต แคปแลน (Dallas), เอสเธอร์ จอร์จ (Kansas) ที่มองว่า FED มีโอกาสส่งสัญญาณลด QE ในช่วงเดือนกันยายนนี้ โดยเราเชื่อว่าการส่งสัญญาณอาจกดดันตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกในระยะสั้น แต่การย่อจะจำกัด และถือเป็นโอกาสสะสม เพื่อรอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเด่นชัดในช่วงถัดไป
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ปรับตัวขึ้น แรงซื้อเด่นในหุ้นที่อยู่ใน Zone ล่าง เช่นกลุ่มไฟแนนซ์ กลุ่มท่องเที่ยว โดย SET ปิดที่ 1,551.87 (+7.65 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.2 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.3 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 875 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 1,536 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 6,661 สัญญา)
EYES ON
19 ส.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US
Srisawad Corporation (SAWAD TB)
เรียกเก็บค่าธรรมเนียมและโอน opex ไป FM เพื่อชดเชยสินเชื่อชะลอตัว
HOLD
Share Price THB 67.50
12 m Price Target THB 74.00 (+10%)
Previous Price Target THB 78.00
ถือ ลด TP เป็น 74 บาท ชอบ TIDLOR มากกว่า
แม้ว่า SAWAD จะสามารถสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมและโอน opex ไปยัง Fast Money (FM ไม่ได้จดทะเบียน) ได้ แต่เราก็ยังกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของสินเชื่อที่ช้ากว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เราลดคาดการณ์กำไรสะท้อนการเติบโตของสินเชื่อที่อ่อนแอกว่าที่คาด คงแนะนำ ถือ ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 65 ซึ่งลดลงเป็น 74 บาท (P/BV ปี 65 ที่ 3.6 เท่า และ LT ROE 22%) จากเดิม 78 บาท หาก SAWAD สามารถชิงส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อในครึ่งปีหลังกลับมาได้ เราจะมีมุมมองบวกมากขึ้น เราชอบ TIDLOR มากกว่าจากแนวโน้มรายได้ที่ดีกว่าเนื่องจาก NPL coverage สูงกว่าอุตสาหกรรมและมีโอกาสลดการตั้งสำรอง
เปิดตัวสินเชื่อแบบบอลลูนเพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อ
SAWAD ไม่เปิดเผยพอร์ตสินเชื่อของ FM เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ผู้บริหารพอใจกับเป้าหมายสินเชื่อ 2หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 เราเชื่อว่า SAWAD มีแผนจะขยายปริมาณสินเชื่อโดยเสนอเงินกู้ใหม่พร้อมการผ่อนจ่ายแบบบอลลูน ภายใต้แคมเปญนี้ ลูกค้าชำระอัตราดอกเบี้ยเพียง 1.5% ต่อเดือน และไม่ต้องชำระเงินต้นจนกว่าจะสิ้นสุดสัญญา ทั้งนี้ ธปท. ขอให้ธนาคารและ Non-banks หลีกเลี่ยงการปล่อยกู้แบบบอลลูน เนื่องจากเป็นการยากที่ลูกค้าจะชำระเงินต้นทั้งหมดครั้งเดียวเมื่อสิ้นสุดสัญญา
ผลกระทบจำกัดจากค่าธรรมเนียมเรียกเก็บหนี้ใหม่
SAWAD ได้รับผลกระทบจำกัดค่าธรรมเนียมเรียกเก็บหนี้ใหม่ เนื่องจากบริษัทจะปรับวิธีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากลูกค้า เราคาดว่ารายรับค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้น 15% ต่อปีในปีนี้และปีหน้า จากรายได้ค่านายหน้าประกันภัยที่แข็งแกร่งและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับเงินกู้ที่เรียกเก็บจาก FM โดย SAWAD จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการแนะนำเพิ่มเติมและโอน OPEX ไปยัง FM เพื่อหนุนรายได้ ทั้งนี้ FM รายงานพอร์ตสินเชื่อเพียงประมาณ 8 ล้านบาทในไตรมาส 2/64
ลดกำไรปี 64-65 ลง 4-5% สะท้อนสินเชื่อชะลอตัว
เราปรับลดคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 64-65 ลง 4-5% เพื่อสะท้อนการหดตัวของสินเชื่อ 10% ในปีนี้ โดยในไตรมาส 2/64 สินเชื่อ SAWAD ลดลง 16% YoY จากการรวมบัญชี FM หากไม่รวมสินเชื่อ FM สินเชื่อเติบโตทรงตัว YTD ในครึ่งปีแรกเทียบกับเป้าหมายของบริษัทที่ 20% ในปีนี้ ในแง่บวก เราลดคาดการณ์การตั้งสำรองเป็น 75 ล้านบาท (ต้นทุนเครดิต 20bp) เนื่องจาก SAWAD วางแผนที่จะปล่อยการตั้งสำรองที่ BFIT (ไม่มีคำแนะนำ) เพื่อรองรับรายได้ในปีนี้ นอกจากนี้ เรายังปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ opex เป็น -11% จาก 8% เนื่องจาก opex ที่โอนไปยัง FM ที่สูงกว่าที่คาดไว้ในไตรมาส 2/64
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
Synnex (Thailand) (SYNEX)
กำไร 2Q64 ดีกว่าคาด
HOLD
Share Price THB 24.80
12 m Price Target THB 25.40 (+4%)
Previous Price Target THB 16.10
ประเด็นการลงทุน
ผลประกอบการ 2Q64 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด 11% จากประเมินว่าจะทรงตัว QoQ ด้วยอัตรากำไรที่สูงขึ้นกว่าคาด ขณะภาพในครึ่งปีหลังแนวโน้มกำไรจะรักษาฐานจากอุปสงค์ที่ยังแกร่งจนถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Apple ที่จะเร่งกำไรอีกครั้ง ทั้งนี้บริษัทได้เสริมกลยุทธ์ด้วยการหาโอกาสเข้าลงทุนใน Startup ที่จะเข้าเสริม Ecosystem ในอนาคต จะเป็น Upside risk จากประมาณการกำไรในปี 2564-65 ที่เราปรับขึ้นเฉลี่ย 10% อย่างไรก็ตามราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมา +60%YTD สะท้อนภาพผลประกอบการ แม้เราปรับใช้ราคาเหมาะสมสำหรับปี 65 ที่ 25.40 บ./หุ้น อิง P/E 25 เท่า ณ ค่าเฉลี่ยในอดีต 5 ปี +3SD จึงคงคำแนะนำ ถือ
กำไรสุทธิ 2Q64 เท่ากับ 211 ลบ. +14%QoQ,+27%YoY
ในงวด 2Q64 บริษัทมีรายได้การขาย 8.4 พันลบ. -3%QoQ,-4%YoY อ่อนตัวลงตามยอดขายสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ Apple และ Android รุ่นอื่นที่เปิดตัวน้อยในไตรมาส อย่างไรก็ดีกลุ่ม PC,Notebook และสินค้า IT อื่นยังมีอุปสงค์ที่แข็งแรงหนุนทั้ง WFH,Cryptocurrency,Gaming แม้สถานการณ์สินค้าขาดตลาดยังใกล้เคียงไตรมาสก่อน ขณะในแง่ GPM 4.81% ดีขึ้นกว่าตลาดคาดราว 100 bps จาก Product mix ที่ดีขึ้น (สัดส่วนมือถือลดลง) และการต่อรองที่ลดลง ขณะ SG&A/Sale 2.52% ระดับใกล้เคียงเดิม ทำให้ NPM สูงขึ้น +38bps เท่ากับ 2.52%
แนวโน้มกำไรรักษาระดับในครึ่งปีหลัง ปรับกำไรขึ้น 9-13%
ภาพรายได้และกำไรใน 3Q64 ทรงตัวเทียบ QoQ สินค้ากลุ่ม PC ยังแข็งแรง ตามคำสั่งซื้อคงค้างที่ต่อเนื่องไปถึงปลายปี ก่อนที่กำไรจะเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง QoQ ใน 4Q64 จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Apple ทั้ง iPhone 13(5G),iPad,iWatch และอื่นๆ เป็นปัจจัยหนุนยอดขายสำหรับตลาดระดับกลาง-บน ที่เชื่อว่ายังมีศักยภาพในแง่กำลังซื้อ นอกจากนี้บริษัทได้เข้าลงทุน 60% ใน Startup ‘SWOPMART’ เพื่อพัฒนาและให้บริการ e-commerce platform สำหรับการซื้อขายสินค้า IT,สมาร์ทโฟนมือสองที่มีมูลค่าตลาด 5 หมื่นลบ.ต่อปี วางงบลงทุนราว 100 ลบ.
สอดคล้องกับกำไรสุทธิใน 1H64 ที่ทำได้สูงถึง 396 ลบ. +33%YoY เราจึงปรับประมาณการยอดขาย +5% และ GPM +200bps ที่ 4.5% ดีขึ้นตามส่วนลดสินค้าที่ลดลง ทำให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2564-65 เพิ่มขึ้น 9-13% อยู่ที่ 813/860 ลบ. +27/+6%YoY ตามลำดับ
คงคำแนะนำ ถือ ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2565 เท่ากับ 25.40 บาท
แม้เราปรับราคาเหมาะสมสำหรับปี 2565 ขึ้นเป็น 25.40 บ./หุ้น โดยอิง P/E 25 เท่า (5Yr-Average P/E +3SD) ใกล้กับกรอบล่างของกลุ่มค้าปลีก ยังคงดูสูงเทียบกับการเติบโตกำไรเฉลี่ย (CAGR) 16% ในสองปีข้างหน้า และมี Upside เหลือราว 4% เราคงคำแนะนำ ถือ โดยความสำเร็จจากการกลยุทธ์การลงทุนในบริษัทใหม่เป็นส่วนเพิ่มของประมาณการที่น่าติดตามในปีหน้า บริษัทประกาศจ่ายปันผล 1H64 0.18 บ./หุ้น เทียบได้กับอัตราปันผล 2% ต่อปี
Thanatphat Suksrichavalit
(66) 2658 5000 ext 1401
Thanachart Capital (TCAP TB)
หุ้นปันผลเด่น
HOLD
Share Price THB 34.00
12 m Price Target THB 37.00 (+9%)
Previous Price Target THB 37.00
ถือ เพื่อรับผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดี
แม้ว่า TCAP จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน TTB (ถือ TP 1.1 บาท) และ THANI (ไม่มีคำแนะนำ) ในครึ่งปีแรก แต่เราเชื่อว่า TCAP จะยังคงจ่ายเงินปันผลได้แน่นอนที่ 3 บาท/หุ้น สำหรับปี 2564-2565 เนื่องจากเงินสดคงเหลือในระดับสูงที่ 6.5 พันล้านบาท (6.2 บาท/หุ้น) ซีอีโอระบุว่าเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) ของ TCAP เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 18 ปีที่ผ่านมา (ดูรูปที่ 3) คงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมายที่ 37 บาท เราคาดว่า TCAP จะประกาศจ่ายเงินปันผลครึ่งปีแรก 1.2 บาท/หุ้น เราชอบ TISCO (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 110 บาท) มากกว่า TCAP เนื่องจากแนวโน้มกำไรสูง ระดับเงินทุนที่แข็งแกร่ง และคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี
ตั้งเป้าสินเชื่อโต 2 พันล้านบาท/ปี ผ่านธนชาตพลัส
ผู้บริหารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อที่ 2-3 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 (เทียบกับ 1 พันล้านบาทในไตรมาส 2/64) และคาดว่าอัตราผลตอบแทนเงินกู้จะอยู่ในช่วง 10-15% ทั้งนี้ TCAP ได้จัดตั้งธนชาตพลัส (Tplus) เพื่อดำเนินธุรกิจสินเชื่อโดยเน้นสินเชื่อที่มีหลักประกันในกลุ่ม SME ในไตรมาส 1/64 โดยสินเชื่อ TCAP เติบโต 2% YoY และ 3% QoQ เนื่องจากเงินกู้จาก THANI และ Tplus ในขณะที่การลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 5.2% YTD จากการลงทุนเพิ่มเติมใน TTB
คาดฟื้นตัวล่าช้าออกไปอีก 3-6 เดือน
CEO คาดว่าจะฟื้นตัวช้าๆ ในครึ่งปีหลังและโมเมนตัมการฟื้นตัวจะดีขึ้นในปี 2565 เนื่องจากบริษัทโฮลดิ้งบางแห่งของ TCAP อาศัยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของโควิด ผู้บริหารระบุว่าการเติบโตของสินเชื่อ THANI น่าจะดีขึ้นเล็กน้อยในครึ่งปีหลังและอาจจะดีดตัวขึ้นเมื่ออัตราการติดเชื้อที่ลดลง ในแง่ลบ โมเมนตัมของรายได้ MBK (ไม่มีคำแนะนำ) จะกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ช้ากว่าที่คาดไว้ เนื่องจากการระบาดระลอกใหม่
เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน TTB และ THANI ใน 2Q64
TCAP เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน THANI จาก 57.5% ในไตรมาส 3/63 เป็น 59.8% ในไตรมาส 2/64 บริษัทยังได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน TTB จาก 20.1% เป็น 21.2% ในไตรมาส 1/64 และ 22.2% ในไตรมาส 2/64 เราเชื่อว่า TCAP สามารถเพิ่มสัดส่วนใน TTB ได้ถึง 23% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับธนาคาร ING เราคาดว่าสัดส่วนที่สูงขึ้นของ THANI และ TTB จะช่วยเพิ่ม ROE ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม เราเห็นผลกระทบที่จำกัดต่อรายได้และ ROE สำหรับ TCAP เนื่องจากทั้ง THANI และ TTB ยังคงตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อและต้นทุนสินเชื่ออย่างระมัดระวัง เนื่องจากความไม่แน่นอนสูงในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแอ
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ