- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 16 August 2021 23:03
- Hits: 13096
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 16-8-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 16 สิงหาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
ผันผวน :
จับตา GDP ไทย
วันนี้คาด SET แกว่งผันผวน ในกรอบแนวรับ 1,515 จุด และแนวต้าน 1,540 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรดีต่อเนื่อง โดย ATO Picks แนะนำ “SCGP, COM7”
SCGP
เข้าซื้อหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 75 ใน Intan Group ประเทศอินโดนีเชีย คาดช่วยเพิ่มกำไรต่อปีอีกราว 1.3% ผสานกับโครงการต่างๆ ที่ขยายกำลังผลิต และการรวม M&P บริษัทต่างๆ ตั้งแต่ต้นปี คาดจะช่วยหนุนให้กำไรปีนี้เติบโต 33% สู่ระดับ 8,912 ล้านบาท และปี 65 คาดจะโตต่ออีก +19%YoY
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 72 บาท
COM7
คาดอุปสงศ์สินค้ามือถือและอุปกรณ์ IT ยังคงดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี ผสานกับการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี (SG&A/Sale ลดลงต่อเนื่อง) และมีการปรับ Product mix ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 2Q64 ขึ้นสู่ระดับ 13.4% และอัตรากำไรสุทธิทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 5.1%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 68 บาท
INVESTMENT THEME
จับตา GDP ไทย
ความเชื่อมั่นผู้บริโภค US ต่ำสุดรอบเกือบสิบปี : มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 70.2 จากเดือนก่อนหน้าที่ 81.2 จุด ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบสิบปี ส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่า ลงสู่ระดับ 92.5 จุด สอดคล้องกับด้านตลาดพันธบัตรซึ่งพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ -8bps สู่ระดับ 1.278%
คาด 2Q64 GDP ไทย +6.6%YoY : การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศยังคงเป็นประเด็นที่กดดันภาพรวมเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้จะมีการรายงานตัวเลข GDP ไทยช่วง 2Q64 โดยตลาดคาด +6.6%YoY ฟื้นตัวจากฐานต่ำในปีก่อนที่เผชิญกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในระลอกแรก แต่จะชะลอตัวลงจากไตรมาส 1 (-1.1%QoQ) ซึ่งคงต้องติดตามมุมมองของสภาพัฒน์ ที่มีโอกาสปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลง หลังโดนผลกระทบจาก COVID-19 ระลอกใหม่ ทำให้เศรษฐกิจอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าคาด แต่อย่างไรก็ดีท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงต่างๆ คาดภาครัฐฯยังหาแนวทางในการฟื้นเศรษฐกิจ โดยสำหรับการประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันนี้ คาดจะขยายระยะเวลา Lockdown รวมถึงมีการทบทวนมาตรการผ่อนคลาย 4 ธุรกิจที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ได้แก่ 1) ธนาคาร 2) ธุรกิจสื่อสาร ไอที 3) ร้านเบ็ดเตล็ด 4) ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น ซึ่งเป็นข้อเสนอแนะมาจากสมาคมศูนย์การค้าไทย
MARKET SUMMARY
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่ง Sideways โดยมีแรง Sell on fact ในหุ้นกลุ่ม Mid-Small caps โดย SET ปิดที่ 1,528.32 (-4.39 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.2 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 9.9 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 2,149 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,957 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 2,446
EYES ON
16 ส.ค. GDP 2Q64 ของไทย, ดัชนี US Empire Manufacturing, ยอดค้าปลีก จีน, ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน
17 ส.ค. ยอดค้าปลีก US, ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม US, GDP 2Q64 ของยูโรโซน
18 ส.ค. ยอดสร้างบ้านใหม่ US, FED Minutes, ดัชนี CPI ของยูโรโซน
19 ส.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US
Land & Houses (LH TB)
ผลงานครึ่งปีแรกสดใส
BUY
Share Price THB 7.95
12 m Price Target THB 9.32 (+17%)
Previous Price Target THB 9.20
คงคำแนะนำ ซื้อ เพิ่ม TP เป็น 9.32 บาท
ยอดขายล่วงหน้า/รายได้/กำไรในครึ่งปีแรกเติบโตแข็งแกร่ง 13.5%/27%/32% YoY เราคาดว่าผลการดำเนินงานในระยะสั้นจะอ่อนตัวลงท่ามกลางการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเปิดโครงการใหม่ครั้งใหญ่มูลค่า 9.9 พันล้านบาทในไตรมาส 4/64 เราน่าจะเห็นการฟื้นตัวในไตรมาส 4/64 เราประเมินกำไรปีหน้าเติบโตเป็นเลขสองหลักจากคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จมูลค่า 2 พันล้านบาทซึ่งขายหมดไปแล้วตั้งแต่ปี 62 รวมถึงการเปิดประเทศ อัตราเงินปันผลตอบแทนประจำปีอยู่ที่ 7-8% ถือว่าสูงในระดับต้นๆเทียบกับนักพัฒนาที่จดทะเบียนในตลาด เรา roll over ไปใช้ราคาเป้าหมายปี 65 ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 9.32 บาท
สรุปผลประกอบการ 2Q64 และ 1H64
กำไรไตรมาส 2/64 แตะ 1.87 พันล้านบาท สูงกว่าประมาณการของเรา 13% และสูงกว่าประมาณการของ Bloomberg 5% (รูปที่ 1) กำไรครึ่งปีแรก 3.6 พันล้านบาท (+32% YoY) คิดเป็น 47% ของประมาณการทั้งปีของเรา ความต้องการอสังหาริมทรัพย์แนวราบในตลาดระดับกลางถึงสูงและอัตรากำไรที่ดีขึ้นเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตหลักสองประการ LH ยังคงเป้ายอดขายล่วงหน้า/รายได้ทั้งปีไว้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท (55% ใน 1H64) และ 3 หมื่นล้านบาท (52% ใน 1H64)
แนวโน้มครึ่งปีหลัง
เช่นเดียวกับนักพัฒนารายอื่น ยอดขายล่วงหน้าลดลงตั้งแต่เดือน ก.ค.64 จากตลาดที่ซบเซา LH จึงชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่บางส่วนจาก 3Q64 เป็น 4Q64 โครงการใหม่มูลค่ารวม 9.9 พันล้านบาทจะออกในไตรมาส 4/64 เทียบกับเพียง 3.8 พันล้านบาทในไตรมาส 3/64 ด้วยงบลงทุน (capex) ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท อัตราส่วน D/E สุทธิน่าจะอยู่ที่เกือบ 1 เท่า ซึ่งยังคงต่ำกว่าเงื่อนไขการชำระหนี้ที่ 1.5 เท่า DPS ระหว่างกาล 0.25 บาท (ผลตอบแทน 3%) วัน XD 24 ส.ค. จะช่วยหนุนราคาหุ้น
ปรับประมาณการรายได้
เราปรับลดประมาณการรายได้ของเราเล็กน้อยสำหรับปี 64-65 (รูปที่ 7) รายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 8% YoY เป็น 7.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นในอัตราสองหลักต่อปีในปี 65 จากธุรกิจหลักเมื่อมีการรับรู้รายได้จากเดอะ คีย์ พระราม 3 คอนโดที่จะสร้างเสร็จ มูลค่า 2 พันล้านบาท (ขายได้ 100%) นอกจากนี้ LH ที่มีธุรกิจในภาคโรงแรมและบริการจะได้รับประโยชน์จากการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง
Vanida Geisler, CPA
(66) 2658 6300 ext 1394
R&B Food Supply (RBF)
กำไรต่ำคาด แต่ปลายปีจะกลับมาอีกครั้ง
BUY
Share Price THB 17.10
12 m Price Target THB 22.60 (+34%)
Previous Price Target THB 22.60
ประเด็นการลงทุน
บริษัทรายงานกำไรปกติ 2Q64 ที่ 105 ลบ.(-1%YoY, -25%QoQ) ต่ำกว่าที่เราคาด 26% และต่ำกว่าที่ตลาดคาด 23% จากยอดขายที่โดนผลกระทบโควิดระลอกที่ 3 และ มาร์จิ้นที่โดนผลกระทบจากราคาวัตถุดิบและค่าขนส่งมากกว่าคาด โดยเรายังคาดแนวโน้ม 3Q64 บริษัทจะสามารถประคองตัวได้ QoQ จากต้นทุนค่าขนส่งที่ดีขึ้น และ ไม่มีตัวถ่วงจากธุรกิจโรงแรมเป็นไตรมาสแรก ขณะธุรกิจกัญชงยังเป็นไปตามแผนเดิม คาดเริ่มทยอยเห็นรายได้ช่วงปลายปี และจะเข้ามาเป็น Growth driver สำคัญให้ในปี 65 ราคาที่ปรับตัวลงมาทำให้ Upside เปิดกว้างอีกครั้ง ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จากซื้อเก็งกำไร ที่ราคาเป้าหมายเดิม 22.60 บาท ด้วยวิธี DCF
กำไร 2Q64 ต่ำกว่าคาด
โดยกำไรที่ต่ำคาดมาจาก (1)ยอดขายที่โตหดตัว -7%QoQ จากเดิมที่คาดว่าจะประคองตัวได้ QoQ สาเหตุหลักมาจากยอดขายในประเทศต่ำกว่าคาด โดยเฉพาะธุรกิจแป้งและซอสที่ลูกค้าปลายน้ำบางส่วนคือร้านอาหารและ Modern trade โดนผลกระทบโควิดระลอกที่ 3 และ (2)อัตรากำไรขั้นต้นหดตัว 170 bps QoQ จากผลกระทบราคาวัตถุดิบซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งในธุรกิจแป้งและซอส และ ธุรกิจสีและกลิ่น ปรับตัวสูงขึ้นกว่าคาด และ (3)ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดกระทบในขานำเข้าวัตถุดิบแม้จะดีขึ้น QoQ แต่ยังกดดันอัตราการทำกำไรอยู่
แนวโน้ม 3Q64 ประคองตัว ส่วนกัญชงยังตามแผน
โดยแม้สถานการณ์โควิด-19 จะยังไม่ดีขึ้นใน 3Q64 แต่คาดกำไรจะสามารถประคองตัวได้ QoQ จาก (1)จะเป็นไตรมาสแรกที่บริษัทไม่ต้องรับผลขาดทุนจากธุรกิจโรงแรม ไตรมาสละราว 16-18 ลบ. จากที่ได้ขายโรงแรมทั้งหมดไปตั้งแต่ 1 มิ.ย. และ (2)ปัญหาการนำเข้าวัตถุดิบมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นต่อเนื่อง QoQ จะช่วยให้ GPM ของบริษัทดีขึ้น ขณะธุรกิจกัญชงยังเป็นไปตามแผน คาดจะเริ่มทยอยรับรู้ยอดขายได้ตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. และจะเป็น Growth driver สำคัญให้กับบริษัทในปี 65
คำแนะนำการลงทุน
ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จากซื้อเก็งกำไร ที่ราคาเป้าหมายเดิม 22.60 บาท ด้วยวิธี DCF (WACC 8%, G.3%) โดยมองราคาหุ้นในระยะสั้นอาจจะถูกกดดันด้วยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด และสถานการณ์โควิดที่ยังกดดันกลุ่มการบริโภคใน 2Q-3Q64 แต่มองเป็นจังหวะทยอยสะสม ด้วย Upside ราคาหุ้นกลับมาเปิดกว้างอีกครั้งนึง กับบริษัทที่พื้นฐานระยะยาวไม่ได้เปลี่ยน สามารถคาดหวังการฟื้นตัวได้ตั้งแต่ 4Q64 พร้อมทั้งมี Growth driver ในธุรกิจกัญชงและกระท่อมรอต่อยอดการเติบโตในปี 65-66
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
TPI Polene (TPIPL)
กำไร 2Q64 ทำสถิติ และมากกว่าคาด
BUY
Share Price THB 1.72
12 m Price Target THB 2.50 (+45%)
Previous Price Target THB 2.50
ผลประกอบการ 2Q64
ผลประกอบการ 2Q64 โดดเด่น และโตสูง 1,791 ล้านบาท (+54%QoQ, +170%YoY) โดยผลประกอบการปกติทำสถิติสูงสุดใหม่ และมากกว่าที่เราคาดหมายไว้จะมีกำไร 1,200 ล้านบาท ยังได้แรงหนุนสำคัญจาก ธุรกิจปิโตรเคมี 2Q64 ดีขึ้นอีก เนื่องจากสเปรด EVA – Ethylene ที่ยังอยู่ในระดับสูงเกิน 1,400-1,500 เหรียญ/ตัน และ รับผลบวกเต็มที่ใน 2Q64 จากราคาที่ปรับขึ้น เพราะไตรมาสแรกจะมี Lag ในการปรับราคา ทำให้ EBITDA ธุรกิจปิโตรเคมีพุ่งขึ้นเป็น 1,450 ล้านบาท (+60%QoQ, +371%YoY) ธุรกิจปูนซีเมนต์-วัสดุก่อสร้าง จะเข้าสู่ช่วงโลซีซั่น และ การแพร่ระบาดของ Covid-19 แต่การปรับปรุงประสิทธิภาพทำให้ EBITDA ลดลงไม่มาก 448 ล้านบาท (-2%QoQ, -14%YoY) ธุรกิจพลังงานจะได้แรงหนุนจากโรงไฟฟ้า TG8 กลับมาผลิตเต็มที่มากขึ้น และ มีการติดตั้ง Boiler B13-B15 เสร็จ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต EBITDA เพิ่มขึ้นเป็น 1,512 ล้านบาท (+7%QoQ, +9%YoY)
แนวโน้มผลประกอบการ
แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังจะชะลอตัวจากครึ่งปีแรก โดยสเปรด EVA – Ethylene มีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงจากกำลังการผลิตใหม่ แต่จะยังอยู่ในระดับสูงจากความต้องการสูง และ TPIPL สามารถผลิตในเกรดที่สูงขึ้น สำหรับธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างจะถูกกระทบจากการล็อกดาวน์ไซต์งานก่อสร้างในเดือน ก.ค. และ การแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่รุนแรงขึ้น ส่วนธุรกิจพลังงานคาดจะเติบโตต่อเนื่องจากประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยกำไรครึ่งปีหลังจะชะลอตัวจากครึ่งปีแรก แต่จะยังโตจากปีก่อน อย่างไรก็ตามกำไรครึ่งปีแรกคิดเป็นสัดส่วนถึง 75% ของประมาณการทั้งปี ทำให้ประมาณการของเรามีอัพไซด์ ซึ่งเรา คาดกำไรปีนี้ 3,927 ล้านบาท เติบโต 162%YoY
คำแนะนำการลงทุน
ราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation ที่ถูก ซื้อขาย P/E ปี 2564 ต่ำเพียง 8.7 เท่า EV/EBITDA 8.2 เท่า และ มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 6% เราประเมินราคาเป้าหมาย 2.50 บาท บนฐาน ค่าเฉลี่ย 10 ปี Forward P/E ของกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเท่ากับ 14 เท่า แล้วหักด้วยคดีฟ้องร้อง คงแนะนำ ซื้อ
ความเสี่ยง
ถูกฟ้องร้องทำเหมืองแร่นอกประทานบัตรเรียกร้องค่าเสียหาย 6 พันล้านบาท (ดูรายละเอียดในหมายเหตุประกอบงบ) / ธุรกิจปูนซีเมนต์มีอุปทานส่วนเกินและแข่งขันสูง / ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในตลาดโลก / โรงไฟฟ้า adder จะหมดอายุในปี 2565 และ 2568 แต่ยังขายไฟได้ต่อที่ราคาฐาน และ กำลังได้โรงไฟฟ้าใหม่เข้ามาทดแทน
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ