- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 13 August 2021 13:45
- Hits: 11566
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 13-8-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 13 สิงหาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
ย่อตัว : ตัวเลข US ผสมผสาน
วันนี้คาด SET ย่อตัว ในกรอบแนวรับ 1,520 จุด และแนวต้าน 1,550 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรดีต่อเนื่อง โดย ATO Picks แนะนำ “EPG, OSP”
EPG
รายงานงบ 2Q64 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 448 ล้านบาท (+11%QoQ, +492%YoY) ดีกว่าคาด 8% แรงหนุนจากยอดขายที่ขยายตัวดี เราปรับเพิ่มประมาณการยอดขายและกำไรปี 2564/65 ขึ้น 9%/13% ตามลำดับ คาดกำไรทั้งปีจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1,652 ล้านบาท โต 36%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 15 บาท
OSP
รายงานกำไร 2Q64 ดีตามคาดแรงหนุนจากยอดขายในประเทศเติบโต 9%YoY และต่างประเทศโตจากฐานต่ำ +76%YoY ผสานอัตรากำไรขั้นต้น +273 bpsYoY เป็น 36.3% จากการที่เตาหลอมขวดแก้วที่ปิดซ่อมบำรุงได้กลับมาผลิต และโรงงานที่เมียนมาร์มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 45 บาท
INVESTMENT THEME
ตัวเลข US ผสมผสาน
เงินเฟ้อสหรัฐฯ กดดันดอลล่าร์อ่อนค่า : สหรัฐฯรายงานตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไป ประจำเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 5.4%YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น +4.3%YoY เพิ่มด้วยอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +4.5%YoY โดยพบว่าราคาสินค้าหลายตัว เริ่มลดความร้อนแรงลง เช่นราคารถยนต์และรถบรรทุกมือสอง รวมถึงราคาตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น จากตัวเลขดังกล่าวอาจทำให้ตลาดเริ่มมีความไม่แน่นอนต่อการส่งสัญญาณการตัดสินใจ FED เกี่ยวกับการปรับลด QE ซึ่งประธาน FED จะมีถ้อยแถลงในการประชุม Jackson Hole สิ้นเดือนนี้ ประเด็นดังกล่าวจึงทำให้ค่าเงินดอลล่าร์ เริ่มกลับมาอ่อนค่าลง และหนุนค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า โดยล่าสุดค่าเงินบาทแกว่งที่ระดับ 33.17 บาทต่อดอลล่าร์
แต่ภาคแรงงานสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง : สัญญาณการฟื้นตัวของภาคแรงงานสหรัฐฯยังคงโดดเด่นต่อเนื่อง โดยล่าสุดตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.75 แสนราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 3.85 แสนราย (ปรับลดลง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน) ส่งผลให้การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงที่บ้านเราหยุดทำการค่อนข้างผสมผสาน ดังนั้นจึงแนะนำให้จับตาการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯอย่างใกล้ชิดในช่วงที่เข้าใกล้การประชุม Jackson Hole มากขึ้นเรื่อยๆ
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่งลง รับแรงกดดันจากภาพเศรษฐกิจไทยที่ยังมีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดย SET ปิดที่ 1,532.71 (-9.91 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.9 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.2 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 3,017 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 824 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 111 สัญญา)
EYES ON
จับตาผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 2Q64
12 ส.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซน
13 ส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่น US จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน, ดุลการค้าของยูโรโซน
AP (Thailand) (AP TB)
ผลประกอบการครึ่งปีแรกแข็งแกร่ง
BUY
Share Price THB 7.80
12 m Price Target THB 10.00 (+28%)
Previous Price Target THB 9.80
คงแนะนำ ซื้อ TP ใหม่ 10.0 บาท
กำไร 2Q64 อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาทตามคาด ส่งผลกำไรครึ่งปีแรก 2.5 พันล้านบาท (+37% YoY) คิดเป็นเกือบ 60% ของประมาณการทั้งปีของเรา เนื่องจากธุรกิจอสังหาฯ แนวราบเติบโตแข็งแกร่งและอัตรากำไรที่ดีขึ้น เราคาดว่ากำไร 3Q64 จะเพิ่มขึ้น QoQ ด้วยรายได้ที่รับรู้จากงานในมือจำนวนมากทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม เรา roll over ไปใช้ราคาเป้าหมายปี 65 ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 10.0 บาท อิง P/E เฉลี่ย 5 ปีที่ 7 เท่า (รูปที่ 7) ทั้งนี้ ผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยเป็นหลัก ซื้อขายที่ PE 7-8 เท่า ต่ำกว่า PE ของผู้พัฒนาที่มีทรัพย์สินหลากหลาย
ผลประกอบการ 2Q64 และ 1H64
ยอดขายล่วงหน้า/รายได้จากที่อยู่อาศัยสำหรับ 2Q64 อยู่ที่ 9.85 พันล้านบาท/7.8 พันล้านบาท รวมยอดครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.78 หมื่นล้านบาท/1.67 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 50% ของเป้าหมายทั้งปี อัตรากำไรขั้นต้นสำหรับครึ่งปีแรกดีขึ้นเป็น 32% จาก 31.6% ในครึ่งปีแรก 63 ในขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อการขายลดลงเหลือ 16.5% จาก 20.2% ในครึ่งปีแรก 63 อัตรากำไรสุทธิจึงเพิ่มขึ้นเป็น 14.7% จาก 13.9% ในครึ่งปีแรก 64
แนวโน้มครึ่งปีหลัง
AP มียอดพรีเซล 2.5 พันล้านบาทในเดือนกรกฎาคม ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 พันล้านบาท/เดือนในไตรมาส 3/63 และ 2.7 พันล้านบาทในไตรมาส 2/63 การปิดกรุงเทพฯ/ปริมณฑล และยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว AP จึงปรับลดมูลค่าการเปิดโครงการใหม่จาก 4.3 หมื่นล้านบาทในช่วงต้นปี 64 เหลือ 3.75 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน (4.1 พันล้านบาทในครึ่งปีแรก 64, 1.64 หมื่นล้านบาทใน 3Q64 และ 1.7 หมื่นล้านบาทใน 4Q64), -17% YoY ทั้งนี้ ยอดขายล่วงหน้า 7 เดือนแรกของปี 64 อยู่ที่ 2.07 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 58% ของเป้าหมายทั้งปี ด้วยอัตราส่วน D/E สุทธิที่ 0.6 เท่า AP จึงสามารถเร่งการซื้อที่ดินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆมากขึ้นในปีหน้า
ประมาณการณ์กำไร
เนื่องจากผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของ AP มียอดพรีเซล/รายได้แตะ 50% ของเป้าหมายทั้งปีแล้ว เราจึงคงประมาณการไว้ เราพบว่าประมาณ 80-85% ของรายได้ที่อยู่อาศัยในปีนี้มีงานในมือจำนวน 3.37 หมื่นล้านบาทรอบรับไว้แล้ว (รูปที่ 5) เราปรับลดประมาณการกำไร 65/66 ลง 3%/6% จากความล่าช้าในการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ อาจส่งผลกระทบต่อกระแสรายได้ในอนาคต อัพไซด์ คือ การเปิดเมือง ในขณะที่ดาวน์ไซด์ ได้แก่ แนวโน้มมหภาคที่อ่อนแอ ขาดความเชื่อมั่น และความล่าช้าของการเปิดโครงการใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเป้าหมายรายได้/ยอดขายล่วงหน้า
Vanida Geisler, CPA
(66) 2658 6300 ext 1394
Osotspa (OSP)
กำไร 2Q64 อยู่ในเกณฑ์ดีตามคาด
BUY
Share Price THB 34.75
12 m Price Target THB 45.00 (+29%)
Previous Price Target THB 45.00
ผลประกอบการ 2Q64
กำไรสุทธิ 2Q64 ใกล้เคียงกับที่คาด 820 ล้านบาท (-18% QoQ, +2% YoY) หากไม่รวมเงินปันผลรับจากบริษัท Unicharm ใน 2Q63 และ 1Q64 กำไรจะเติบโต 17% QoQ และ 23% YoY เนื่องจากยอดขายเครื่องดื่มในประเทศเพิ่มขึ้น 9% YoY จาก M-150 และ C-vitt ขายดี โดยยังมี่ส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่ยอดขายเครื่องดื่มในต่างประเทศเติบโตถึง 76% YoY เป็น 1,228 ล้านบาท จากฐานต่ำ รวมทั้งใช้กลยุทธ์การขายและกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 273 bps YoY เป็น 36.3% จากการที่เตาหลอมขวดแก้วที่ปิดซ่อมบำรุงได้กลับมาผลิต และโรงงานเครื่องดื่มในเมียนมาร์มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น
แนวโน้มผลประกอบการ
การล็อกดาวน์อาจกดดันผลประกอบการ 3Q64 อย่างไรก็ดี OSP ยังมีแบรนด์แข็งแกร่งซึ่งมีความได้เปรียบในการแข่งขันในช่วงที่ตลาดเครื่องดื่มชะลอตัว และจะฟื้นตัวได้เร็วเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง รวมทั้งคาดว่าจะมีการออกสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดขายในต่างประเทศยังมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดี อีกทั้ง โครงการ Fit Fast Firm ช่วยลดต้นทุนได้ต่อเนื่องโดยบริษัทยังคงเป้าหมายการประหยัดต้นทุนแล่ะค่าใช้จ่าย 1,000 ล้านบาทในปีนี้
คำแนะนำการลงทุน
กำไรสุทธิ 1H64 คิดเป็น 47% ของคาดการณ์กำไรปีนี้ เรายังคงประมาณการเดิม ฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็นเงินสดสุทธิ โดยบริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผล 1H64 จำนวน 0.45 บาท/หุ้น (XD 24 ส.ค.) คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 1.3% แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 45 บาท
ความเสี่ยง
ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น การเพิ่มภาษีเครื่องดื่ม เงินบาทแข็งค่าอย่างมีนัยยะ การขยายไปต่างประเทศไม่ประสบความสำเร็จ ประเด็นการเมืองในเมียนมา
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
Quality Houses (QH TB)
หวังว่าจะดีขึ้นในปี 65
HOLD
Share Price THB 2.20
12 m Price Target THB 2.35 (+7%)
Previous Price Target THB 2.44
ให้น้ำหนัก “เท่าตลาด” ราคาเป้าหมายใหม่ 2.35 บาท
ผลประกอบการครึ่งปีแรก ในแง่ยอดขายล่วงหน้า/รายได้/กำไรลดลงเล็กน้อย YoY เป้าหมายปี 2564 ของบริษัทสำหรับยอดขายล่วงหน้า/รายได้ที่ 9.2 พันล้านบาทจึงน่าจะพลาด เราปรับลดประมาณการรายได้ของเราลงพอสมควรสำหรับปี 2564-65 โดยรายได้ในปีนี้อาจลดลง YoY ก่อนที่จะฟื้นตัวในอัตราเลขสองหลักในปีหน้า เรา roll over ไปใช้ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 2.35 บาท (รูปที่ 6) ด้วยอัตรา D/E สุทธิ 0.54 เท่า QH สามารถจ่ายเงินปันผลสูงได้อย่างยั่งยืน โดยให้ผลตอบแทน 5-6% ต่อปี เราชอบ AP Thailand (AP, Buy, TP:THB10) ซึ่งเป็นเจ้าตลาดและซื้อขายด้วย 5.7x P/E และอัตราปันผลสูงกว่าที่ 6.5%
ผลประกอบการ 2Q64/1H64
กำไร 2Q64 เป็นไปตามประมาณการของเราและ Bloomberg ที่ 482 ล้านบาท (+5% YoY, +12% QoQ) ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญคือการเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการและอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอดขายล่วงหน้า/รายได้/กำไรในครึ่งปีแรกลดลง 11%/2%/6% YoY ยอดขายล่วงหน้าและรายได้สำหรับครึ่งปีแรกคิดเป็น 42-43% ของคาดการณ์ทั้งปีของบริษัท
แนวโน้มครึ่งปีหลัง
ยอดขายพรีเซลล์ในช่วงสองสามสัปดาห์แรกของเดือนก.ค.ยังคงดีอยู่ด้วยยอดขายล่วงหน้า 150-160 ล้านบาทต่อสัปดาห์ แต่อัตราการขายได้อ่อนตัวลงเกือบ 50% จากสิ้นเดือน ก.ค.จนถึงปัจจุบัน ดังนั้น QH จึงชะลอการเปิดตัวโครงการพฤกษ์ภิรมย์มูลค่า 2.8 พันล้านจาก 3Q64 เป็น 4Q64 ทั้งนี้ จากการเปิดโครงการใหม่ 2-3 โครงการและงานในมือเพียงเพียง 795 ล้านบาท QH ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการขายที่อยู่อาศัยในโครงการที่มีอยู่ซึ่งมีมูลค่า 4.15 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลัง
หั่นประมาณการกำไร
เราปรับลดประมาณการรายได้ของเราเล็กน้อยสำหรับปี 2564-65 (รูปที่ 7) เนื่องจากรายได้ที่ลดลงกว่าที่คาดไว้จากทั้งภาคธุรกิจที่อยู่อาศัย โรงแรมและบริการ ดังนั้น กำไรปี 2564 น่าจะลดลง 6% YoY เหลือ 1.99 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรจะเติบโตเป็นเลขสองหลักในปีหน้าโดยได้แรงหนุนจากการเปิดเศรษฐกิจไทยอีกครั้ง ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยวและการบริการ ปีหน้า QH คาดว่าจะเปิด 5 โครงการ รวมมูลค่า 7-8 พันล้านบาท มากกว่าปีนี้ที่เปิด 3 โครงการ มูลค่า 5.6 พันล้านบาท เราปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 2.35 บาท จาก 2.44 บาท
Vanida Geisler, CPA
(66) 2658 6300 ext 1394
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ