WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 9-8-2021May

AT THE OPEN (#ATO)

S T R A T E G Y   R E P O R T / 9 สิงหาคม 2564

INVESTMENT STRATEGY

Sideways :

แรงงาน US แข็งแกร่ง

วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,515 จุด และแนวต้าน 1,540 จุด เน้นหุ้นกำไรดี และได้ประโยชน์บาทอ่อน โดย ATO Picks แนะนำ “GFPT, TU”

GFPT

คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q64 โดยกำไร 2Q64 จะฟื้นตัวขึ้น จากยอดขายในประเทศและ Indirect export เพิ่มขึ้น ประกอบกับกำลังการผลิตไก่แปรรูปเพิ่มหลังจากเครื่องจักรใหม่ติดตั้งเสร็จซึ่งจะเริ่มผลิตในเดือน ส.ค. รวมทั้ง McKey มีการส่งออกไก่เพิ่มขึ้น

เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 14.6 บาท

TU

แนวโน้มกำไรแข็งแกร่งใน 2Q64 เติบโตทั้ง QoQ, YoY จากยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งและอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูงและควบคุมต้นทุนได้ดี ขณะที่ Red Lobster ฟื้นตัวได้ดีหลังการเปิดเมือง เราคาดว่ากำไร 3Q64 ดีต่อเนื่อง โดยได้ผลบวกจากเงินบาทอ่อนค่า

   เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 24.0 บาท

INVESTMENT THEME

แรงงาน US แข็งแกร่ง

แรงงานสหรัฐฯแข็งแกร่งต่อเนื่อง : คืนวันศุกร์สหรัฐฯรายงานตัวเลขภาคแรงงานที่ขยายตัวขึ้นอย่างโดดเด่น นำโดย 1) การจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือนกรกฎาคม ที่เพิ่มขึ้น 9.43 แสนตำแหน่ง จากเดือนก่อนหน้าที่ 8.5 แสนตำแหน่ง และดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 8.7 แสนตำแหน่ง 2) อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.4% จาก 5.9% และดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 5.7% 3) รายได้ค่าจ้างต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้น 0.4%MoM ดีกว่าคาดที่ 0.3%MoM จากข้อมูลทั้งหมดสอดคล้องกับตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ที่รายงานออกมาเมื่อวันพฤหัส ซึ่งล้วนบ่งชี้ว่าภาคแรงงานสหรัฐฯยังคงขยายตัวแข็งแกร่งต่อเนื่อง แต่อาจทำให้โอกาสการปรับ QE มากโอกาสสูงขึ้นเช่นกัน

ค่าเงินบาทยังอ่อนต่อเนื่อง : แม้มาตรการภาครัฐฯที่เข้มงวดมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถจะช่วยให้ยอดการติดเชื้อรายวันของไทยมีทีท่าว่าจะลดลง ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่เพิ่ม Downside ให้กับเศรษฐกิจไทยมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 33.438 บาทต่อดอลล่าร์ (อ่อนค่า 11.7% จากต้นปี) อาจกดดันกระแสเงินทุนไหลออก และเป็นปัจจัยเพิ่ม Downside ต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในระยะสั้น โดยแนวรับที่ต้องระมัดระวังคือบริเวณ เส้น EMA200วัน ที่ 1,515 จุด ซึ่งหากหลุดระดับดังกล่าวแนะนำกระชับพอร์ตการลงทุนมากยิ่งขึ้น

MARKET SUMMARY

วันศุกร์ที่ผ่านมา SET ย่อตัวลง ตอบรับความกังวลต่อเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มอ่อนแอ SET ปิดที่ 1,521.72 (-5.94 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.3 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.1 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 2,078 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 136 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 10,960 สัญญา)

EYES ON

จับตาผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 2Q64

9 ส.ค. ตัวเลข CPI ของ จีน

11 ส.ค. ตัวเลข CPI ของ US

12 ส.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซน

13 ส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่น US จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน, ดุลการค้าของยูโรโซน

Global Power Synergy (GPSC TB)

ไซยะบุรีหนุนกำไร

BUY

Share Price               THB 78.50

12 m Price Target     THB 102.00 (+30%)

Previous Price Target THB 102.00

กำไรหลักทรงตัว หนุนโดยไซยะบุรี + รายการพิเศษ

NPAT งวด 2Q64 อยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท (15% QoQ 20% YoY) ผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก คิดเป็น 53% ของประมาณการปี 64 ของเรา กำไร 2Q64 ที่เพิ่มขึ้นมาจากส่วนแบ่งกำไร 371 ล้านบาทจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีจากฝนตกหนักและเงินชดเชยจากค่าประกันโรงไฟฟ้าโกลว์ พลังงานระยะที่ 5 ที่ 310 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้า IPP ถึงแม้ว่า กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า SPP ลดลง เนื่องจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงเหลือ 30% เทียบกับ 32% ในไตรมาส 1/64 ขณะที่ NPAT เพิ่มขึ้นเป็น 15% เทียบกับ 14% คงคำแนะนำ ซื้อ คงราคาเป้าหมายที่ 102 บาท (WACC 8.3%, การเติบโตระยะยาว 2.5%)

โรงไฟฟ้า IPP กำไรเพิ่มขึ้น แต่ SPP ลดลง

การส่งไฟฟ้าทั้งหมดของ IPP ลดลง 6% QoQ + 4% YoY กำไรขั้นต้น 2Q64 เพิ่มขึ้น 33% QoQ เป็น 1.4 พันล้านบาทจาก AP ที่สูงขึ้น (76% เทียบกับ 59%) จาก GHECO-One (ซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ในไตรมาส 1/64) และโรงงาน GIPP (100% เทียบกับ 76%) GHECO ยังคงมีการหยุดทำงาน 20 วันในเดือนพฤษภาคม ขณะที่ กำไรขั้นต้นของ SPP ลดลง 6% QoQ เป็น 4 พันล้านบาท แม้ว่าปริมาณการส่งไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 12% เนื่องจากมาร์จิ้นลดลง (28% เทียบกับ 34% ในไตรมาส 1/64) ปริมาณ IU ยังคงดีอยู่แม้ว่าโควิดจะกลับมาระบาดระลอกใหม่ในประเทศไทย พอร์ตโฟลิโอ IU ของ GPSC ส่วนใหญ่มาจากบริษัทในกลุ่มปิโตรเคมีซึ่งมีอัตราการดำเนินการเต็มอัตราในไตรมาส 2/64 ค่าซ่อมบำรุง SPP เพิ่มขึ้น 337 ล้านบาท เนื่องจากหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนของ Glow Energy CFB3 (17 วัน) และค่าธรรมเนียมสัญญาบริการระยะยาว (TSA) ของ Glow Energy ระยะที่ 5

3Q64 – มาร์จิ้น SPP กดดัน ไซยะบุรีปัจจัยหนุนหลัก

ผลการดำเนินงานของ SPP ในไตรมาส 3/64 คาดว่าจะอ่อนตัวต่อเนื่องจากแรงกดดันด้านอัตรากำไรขั้นต้นอย่างต่อเนื่องและการจ่ายไฟที่ลดลงเนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในโรงงานเคมี ราคาก๊าซในไตรมาส 3/64 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2-3% เป็น 267 บาท/mmbtu ขณะที่ถ่านหิน (พอร์ต 7%) คาดว่าจะคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น คาดว่า ERC จะคงอัตราค่า Ft ไว้ที่     -15.32 สต. ในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลัง คาดว่าโรงงานเคมี (PTTGC และ IRPC) จะหยุดซ่อมบำรุง แต่อาจมีการเลื่อนกำหนดไปในปีหน้า ทั้งนี้ กำไรจากไซยะบุรีจะเป็นปัจจัยหนุนหลักในไตรมาส 3/64 เนื่องจากเป็นช่วงพีคของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ขณะที่โรงไฟฟ้า WTE ที่ระยอง (9.8MW) COD ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 และผลประกอบการทั้งหมดจะรับรู้ในไตรมาส 3/64  

การลงทุนใน Avaada สะท้อนในไตรมาส 3 เป็นต้นไป

การลงทุนใน Avaada เสร็จสมบูรณ์ (พลังงานแสงอาทิตย์ในอินเดีย – ดำเนินการ 1.4GW, 2.3GW อยู่ระหว่างการพัฒนา, COD 64-65) ส่วนแบ่งรายได้จะสะท้อนให้เร็วที่สุดใน 3Q64 ส่วนแบ่งกำไรปกติทั้งปีจาก Avaada ไปยัง GPSC คาดว่าจะอยู่ที่ 800-900 ล้านบาท (ดอกเบี้ยสุทธิ) สำหรับครึ่งปีหลัง เราประเมินที่ 300 ล้านบาท  

Kaushal Ladha, CFA

[email protected]

(66) 2658 5000 ext 1392  

Star Petroleum Refining (SPRC TB)

GRM ต่ำกว่าคาด

HOLD

Share Price               THB 8.70

12 m Price Target     THB 8.80 (+1%)

Previous Price Target THB 8.80

GRM ได้รับผลกระทบ ผลประกอบการต่ำคาด 14%

กำไรสุทธิหลังหักภาษี NPAT ไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 773 ล้านบาท (-61% QoQ, -32% YoY) ผลประกอบการต่ำกว่าเราคาด 14% และต่ำกว่าตลาดคาด 22% ค่าการกลั่นตลาดลดลง 0.88 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 2.6 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เนื่องจากส่วนเพิ่มของน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล (Murban: OSP 1.8-1.9 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล) ชดเชยส่วนต่างราคาน้ำมันที่ดีขึ้น ขณะที่ตลาดคาดการณ์ทรงตัว QoQ สำหรับผลการดำเนินงาน SPRC ยังคงมีกำไรเล็กน้อย Accounting GRMลดลง 4.03 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 6.64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากกำไรจากสต็อกลดลงในไตรมาสนี้ ราคาน้ำมันดิบ ดูไบ 2Q64 เพิ่มขึ้น 12% เป็น 67 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 30% ในไตรมาส 1/64 ยอดขายเพิ่มขึ้น 9% QoQ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณลดลง 1.4% มาอยู่ที่ 135kbd (อัตราใช้กำลังผลิต 77%) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 12% จากการตั้งสำรองพนักงานที่สูงขึ้น SPRC ประกาศงดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เนื่องจากกำไรสะสมติดลบ เราคาดว่ากำไรสะสมจะกลับมาเป็นบวกในปี 65

สเปรดน้ำมันเบนซินโตแรง น้ำมันอากาศยานฟื้นตัว

สเปรดน้ำมันเบนซิน น้ำมันเครื่องบินและดีเซลเพิ่มขึ้น 38%, 39% และ 11% QoQ เป็น 9.89 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล 4.49 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 5.24 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ราคาน้ำมันเบนซินยังคงทำได้ดีกว่าเนื่องจากเป็นฤดูการเดินทางและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศตะวันตก เทียบกับกลุ่ม SPRC มีพอร์ตน้ำมันเบนซินที่ 30% ในขณะที่ดีเซลและน้ำมันอากาศยานคิดเป็น 42% และ 3% ในไตรมาส 2/64 น้ำมันอากาศยานได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากแอฟริกาและสหรัฐอเมริกา ขณะที่การผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางในยุโรปก็ส่งผลบวก ระดับสินค้าคงคลังของน้ำมันกลั่นระดับกลางในระดับภูมิภาคยังคงสูง (ตั้งแต่ มี.ค. 63) กดดันการฟื้นตัวของค่าการกลั่น เราพบว่าระดับน้ำมันเบนซินในภูมิภาคกำลังเพิ่มขึ้น สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี

โควิด19 ยังเป็นความเสี่ยงสำคัญ ขณะส่วนเพิ่มของน้ำมันดิบพุ่ง

จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในไทยที่เพิ่มขึ้นกระทบอุปสงค์น้ำมัน กดดันโรงกลั่น ปริมาณน้ำมันกลั่นอยู่ที่ 135kbd ใน 2Q64 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 4% เราคาดว่าปริมาณจะทรงตัวที่ 135kbd ใน 3Q64 เนื่องจากผู้ป่วยโควิดที่ยังเพิ่มขึ้น โดยปริมาณจะเพิ่มขึ้นใน 4Q64 แม้ว่าฤดูการเดินทางในฝั่งตะวันตกน่าจะหนุนส่วนต่างราคาน้ำมันในไตรมาส 3/64 แต่เราเห็นความเสี่ยงในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น โดยระดับสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้น + การทำลายอุปสงค์ในอินโดนีเซีย (ผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาค) เนื่องจากการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 เราคาดว่าแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตะวันออกกลางจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 3/64 (ME คิดเป็น 85% ของพอร์ต SPRC) Aramco ได้เพิ่ม OSP ประจำเดือนกรกฎาคม/สิงหาคม/กันยายนที่ขายให้เอเชีย 20/80/30 เซ็นต์

คง ถือ รอสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น

เราคงคำแนะนำ ถือ คงราคาเป้าหมายไว้ที่ 8.8 บาท (1.4X P/B ปี 64 ที่ 1.4 เท่า) แม้ว่าเราจะชอบ SPRC มากกว่า TOP เนื่องจากฐานะการเงินที่แข็งแกร่งกว่า (net D/E ที่ 0.2 เท่า) และน้ำมันเบนซิน แต่เราพบว่าปัจจัยหนุนในครึ่งปีหลังมีจำกัด ในมุมมองของเรา การฟื้นตัวของค่าการกลั่นยังคงไม่ชัดเจนท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มว่าจะทำให้ตลาดผิดหวัง ระดับสินค้าคงคลังที่ยังสูงและการระบาดระลอกใหม่ของ Covid19 ในภูมิภาคจะยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ

Kaushal Ladha, CFA

[email protected]

(66) 2658 5000 ext 1392

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!