- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 20 July 2021 18:26
- Hits: 1359
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 20-7-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 20 กรกฎาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
ย่อตัว :
COVID กดดันทั่วโลก
วันนี้คาด SET ย่อตัว ในกรอบแนวรับ 1,530 จุด และแนวต้าน 1,570 จุด เน้นหุ้นคาดงบ 2Q64 เติบโตดี โดย ATO Picks แนะนำ “SINGER, MCS”
SINGER
คาดกำไร 2Q64 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ 180 ลบ.(+30%QoQ,+60%YoY) จากยอดขายสินค้ายังเติบโตระดับ 20%YoY และกลยุทธ์เน้นช่องทาง Online เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับสินเชื่อ HP-C4C ที่เติบโตได้ดี คุณภาพสินเชื่อยังแข็งแรง เศรษฐกิจในต่างหวัดได้รับผลกระทบน้อยกว่าในเมือง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 50 บาท
MCS
คาดกำไร 2Q64 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ 320 ล้านบาท (+37%QoQ, +42%YoY) จากการส่งมอบงานเหล็กโครงสร้างที่สูง และ มีงานที่ค้างส่งมอบในไตรมาสแรก ผสาน Backlog คาดสูงถึง 1 แสนตัน ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขาย PE ปี 2564 ต่ำเพียง 6.7 เท่า และคาดอัตราปันผลสูงถึง 8.2%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 18.5 บาท
INVESTMENT THEME
COVID กดดันทั่วโลก
แรงขายสินทรัพย์เสี่ยง : การแพร่ระบาดรอบใหม่เริ่มกลับมาเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ส่งผลให้มีแรงขายหนักขึ้นในตลาดหุ้น (Dow -2.1%) และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันดิบ (-6.7%) ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลงสอดคล้องกับเม็ดเงินที่ไหลเข้าพักในสินทรัพย์เปลอดภัย ดังนั้นแนะเพิ่มความระมัดระวัง โดย SET มีแนวรับสำคัญรอบนี้บริเวณ 1500 จุด
คัดสรรหุ้นกำไรดีท่ามกลางตลาดผันผวน : จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ทำให้สภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นค่อนข้างยาก แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงการรายงานผลการดำเนินงานช่วง 2Q64 ดังนั้นถือเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยสะสมหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไรเติบโตเด่นในจังหวะที่ตลาดย่อตัว
15 บริษัทที่คาดกำไรจะทำจุดสูงสุดใหม่ : จากการคาดการณ์ของ MKET Research พบว่าในช่วง 2Q64 มีบริษัทกว่า 38% ที่ MKET Coverage คาดกำไรจะเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY และราว 15 บริษัท จะมีกำไรเติบโตทำสถิติใหม่ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ที่ยังคงรุนแรง นำโดย BCH, CHG, DOHOME, FTREIT, KTC, LEO, MCS, MTC, NER, SINGER, SIS, SONIC, VL, WICE, ZIGA โดยในกลุ่มนี้มีบางบริษัทที่เราคาดว่า กำไรมีโอกาสที่จะทำ All Time High และดีกว่าที่ตลาดคาด เช่น SINGER, SIS, MCS จึงเป็นกลุ่มที่น่าทยอยสะสม
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อตัว ตอบรับสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น โดย SET ปิดที่ 1,556.01 (-18.36) มูลค่าการซื้อขาย 6.7 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.0 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,900 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,156 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 11,974 สัญญา)
EYES ON
19-21 ก.ค. รายงานงบ 2Q64 ของกลุ่มธนาคาร
20 ก.ค. ยอดการสร้างบ้านใหม่ US
21 ก.ค. ส่งออกไทย มิ.ย.
22 ก.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ยอดขายบ้านมือสอง US, การประชุม ECB
23 ก.ค. PMI ภาคการผลิตและบริการของ US และ ยูโรโซน
Ichitan Group (ICHI)
โตได้...ไม่แคร์โควิด
BUY
Share Price THB 12.10
12 m Price Target THB 16.60 (+37%)
Previous Price Target THB 16.60
ประเด็นการลงทุน
คาดบริษัทรายงานกำไรปกติ 2Q64 ที่ 155 ลบ. (+7%YoY, +29%QoQ) จากยอดขายยังโตได้ท่ามกลางภาวะโควิด-19 ด้วยปัจจัยเฉพาะตัว มีการออกสินค้าใหม่, ช่องทางขายผ่านร้านโชห่วยยังโตดี, รับรู้รายได้ OEM จากลูกค้าเป็นไตรมาสแรก และตลาดส่งออกที่ฟื้นได้ไวกว่าในประเทศ ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาดในโรงงานหนุน GPM ขยายตัวได้ อีกทั้งแนวโน้มช่วงที่เหลือของปีคาดเห็นกำไรโต YoY ทุกไตรมาสจากมีลูกค้า OEM เข้ามาเพิ่ม, ยอดขายตลาดต่างประเทศเร่งตัวขึ้นต่อ และ สินค้ากัญชงมีโอกาสเป็น S-curve ใหม่ให้ตอนปลายปี มองราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาพร้อมโควิด-19 เป็นโอกาสสะสม ด้วยคาดบริษัทได้รับผลกระทบที่จำกัดและฟื้นได้ไวกว่ากลุ่มการบริโภคในประเทศ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16.60 บาท
คาดกำไร 2Q64 โตได้ทั้ง YoY และ QoQ สวนทางโควิดระบาด
ด้วยคาดยอดขายยังเติบโตดี (+7%YoY, +14%QoQ) จาก (1)มีการออกสินค้าใหม่ทั้งน้ำด่าง 8.5 ผสมใบแปะก๊วยและเครื่องดื่มผสมเทอร์ปีน หนุนยอดขายเพิ่ม (2)การขายผ่านร้านโชห่วยหรือ Traditional trade (47%ของช่องทางขาย) เติบโตดีชดเชยช่องทางขาย Modern trade ที่หดตัว จากได้ประโยชน์มาตรการคนละครึ่งของภาครัฐ (3)รับรู้รายได้ OEM กับลูกค้า King power เป็นไตรมาสแรก และ (4)ตลาดส่งออกหลักอย่างกัมพูชาเริ่มฟื้นตัว +25%QoQ จากการร่วมทำโปรโมชั่นกับ Distributor และกัมพูชามีอัตราการฉีดวัคซีนทำได้ไวกว่าไทย ที่ 32% ของประชากร ทำให้ภาพรวมคาดเห็นอัตราการใช้กำลังการผลิตสูงขึ้น หนุน GPM ขยายตัว
ช่วงที่เหลือของปีคาดกำไรโต YoY ทุกไตรมาส
แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีแม้ยังเจอผลกระทบโควิด-19 แต่คาดเห็นการเติบโต YoY ทุกไตรมาสจาก (1)มีรับรู้รายได้ OEM จาก Asahi ลูกค้ารายที่ 2 ที่จะเริ่มเข้ามาใน 3Q64 จะหนุนให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นต่อ QoQ (2)ตลาดอินโดนีเซีย ยังมั่นใจเป้าส่วนแบ่งกำไรปีนี้ทีอย่างน้อย 30 ลบ. จากล่าสุดได้ Product champion ตัวที่ 2 คือ Brown Sugar milk และกำลังอยู่ในเฟสขยายช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่ม และ (3)Upside ในสินค้ากัญชงจากทั้งของบริษัท และ ลูกค้า OEM ที่จะเข้ามาเสริมช่วง 4Q64
Valuation
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16.60 บาท ด้วยวิธี DCF(WACC 10.7%, G.3%) โดยผลกระทบโควิด-19 ยังถือว่าอยู่ในประมาณการของเราที่เดิมทำไว้แบบอนุรักษ์นิยม (1H64E คิดเป็น 44% ของกำไรทั้งปี) แต่ในระยะสั้นคาดมีแรงกดดันจาก Consensus ที่จะปรับลดประมาณการกำไรลง ซึ่งเรามองเป็นจังหวะให้สะสม กับบริษัทที่มีปัจจัยเฉพาะตัวโดดเด่น ได้รับผลกระทบจำกัดและฟื้นได้ไวกว่ากลุ่มการบริโภคในประเทศ และมี Upside risk ในธุรกิจกัญชงและกระท่อม ที่จะมาต่อ S-curve ให้ธุรกิจ Functional drink ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
Thanatphat Suksrichavalit
(66) 2658 5000 ext 1401
Thanalop Preedamanoch
(66) 2658 5000 ext 1511
Srinanaporn Marketing (SNNP)
พร้อมเติบโตจากฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง
BUY
Share Price THB 9.20
12 m Price Target THB 13.50 (+37%)
คำชี้แจงที่สำคัญ : บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ของ บมจ. ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP)
ประเด็นการลงทุน
SNNP มีสินค้าหลากหลายและมีแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่ง สนับสนุนด้วยโรงงานผลิตและเครือข่ายการกระจายสินค้ากว้างขวางซึ่งทำให้การบริหารห่วงโซ่อุปทานมีประสิทธิภาพสูง บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ การขยายฐานการผลิตไปยังกัมพูชาและเวียดนามจะผลักดันการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เราคาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรต่อปี (CAGR) ในช่วง 5 ปีข้างหน้าที่ 41% และประเมินมูลค่ากิจการที่ 12,963 ล้านบาท หรือ 13.50 บาท/หุ้น
มีแบรนด์แข็งแกร่ง และอยู่ในตลาดที่เติบโต
SNNP เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน โดยมี Portfolio สินค้าหลากหลายและมีแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะ เบนโตะ เจเล่ และโลตัส การมีโรงงานผลิตสินค้าเองทำให้มีความยืดหยุ่นในการผลิตและบริหารต้นทุนวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งมีเครือข่ายจัดจำหน่ายสินค้าครอบคลุมทั่วประเทศภายใต้กิจการร่วมค้าโดยมีช่องทางการจัดจำหน่าย ทาง Modern Trade และ Traditional trade นอกจากนั้น บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตโดยคาดการณ์ CAGR ในช่วงปี 2563-2568 ของตลาดขนมขบเคี้ยวที่มีส่วนประกอบของปลาหมึก ในไทย 12.6% และตลาดเยลลี่พร้อมดื่ม 9.6% ตลาดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของกลุ่มประเทศ CLMV อยู่ที่ 9.1% และ 9.0%
คาดการณ์ CAGR ของกำไร 41% ในช่วง 5 ปี
เราประเมิน CAGR ของกำไรในช่วง 5 ปีข้างหน้าที่ 41% จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในประเทศจากสินค้าเบนโตะ เจเล่ และโลตัส ประกอบกับการเติบโตของยอดขายในต่างประเทศซึ่งมีโอกาสเติบโตสูงจากการมีฐานการผลิตในกัมพูชาและเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตดี อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนยอดขายต่างประเทศ การเพิ่มสัดส่วนยอดขายทาง Traditional trade การออกสินค้าใหม่ รวมถึงการปรับกลยุทธ์ของสินค้าเดิมซึ่งช่วยส่งเสริมให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น และการประหยัดต้นทุนการผลิตจากการขยายฐานการผลิตไปในกัมพูชาและเวียดนาม บริษัทยังได้ประโยชน์จาก Economies of scale ตามยอดขายที่เติบโตขึ้น ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายลดลง
ประเมินมูลค่ากิจการเท่ากับ 12,963 ล้านบาท
เราประเมินมูลค่าหุ้น SNNP ด้วยวิธี DCF สะท้อนถึงผลการดำเนินงานในระยะยาวและการลงทุนของในเวียดนาม โดยให้สมมติฐาน WACC 7.7% และ Terminal growth 2% ได้มูลค่ากิจการ 12,963 ล้านบาท คิดเป็น 13.50 บาท/หุ้น ซึ่งเทียบเท่า PE ปี 2565 ที่ 29 เท่า ซึ่งได้ premium เมื่อเทียบกับ PE เฉลี่ยของกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มในไทยที่ระดับ 22 เท่า เนื่องจาก SNNP มีแนวโน้มการเติบของกำไรสูงกว่าและการมี Portfolio สินค้าหลากหลายแบรนด์
ความเสี่ยง: การแข่งขัน ต้นทุนการผลิต การลงทุนในต่างประเทศ อัตราแลกเปลี่ยน
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ