- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 July 2021 13:00
- Hits: 15542
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 13-7-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 13 กรกฎาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
ผันผวน : ปัจจัยในประเทศยังไม่แน่นอน
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบแนวรับ 1,540 จุด และแนวต้าน 1,560 จุด เน้น Selective หุ้นแนวโน้มกำไรเด่น ATO Picks แนะนำ “JMT, AOT”
JMT
คาดกำไรสุทธิ 2Q64 ที่ 290 ลบ. +3%QoQ, +28%YoY มาจาก i) ธุรกิจบริหารหนี้ ยอดเก็บเงินสด +5%QoQ, +19%YoY ii) ธุรกิจติดตามหนี้ทรงตัวในช่วงสถาบันการเงินมีการพักหนี้ iii) ธุรกิจประกันยังอยู่ในระดับคุ้มทุน ในขณะโครงสร้างต้นทุนทรงตัว ส่วน %GPM ดีขึ้นเล็กน้อย
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 53 บาท
AOT
แนวโน้มการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวต่อเนื่องใน 2H64 จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามา และน่าจะได้ sentiment บวกระยะสั้นเพิ่มเติมจากการเปิด อันดามัน Sandbox วันที่ 15 ก.ค. นอกจากนี้ถือเป็นหนึ่งในหุ้น Re-Opening ที่ราคาปรับตัวลงตอบรับประเด็นลบต่างๆไปแล้วพอสมควร
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 74 บาท
INVESTMENT THEME
ปัจจัยภายประเทศยังมีความไม่แน่นอน
ปัจจัยภายในประเทศยังกดดัน: แม้ว่าการยกระดับมาตรการควบคุม COVID-19 จะสร้างความหวังว่าแนวโน้มสถานการณ์ในประเทศจะค่อยๆดีขึ้น แต่ยังคงต้องจับตาจำนวนผู้ติดเชื้อในช่วงอย่างน้อย 14 วัน หลังจากนี้ ซึ่งล่าสุดยังถือว่าทรงตัวสูงแตะระดับประมาณ 9 พันราย ต่อวัน ในขณะที่นโยบายด้านสาธารณสุขก็ยังคงคลุมเครือ แม้ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจะเห็นชอบในแนวทาง 1) ยกเลิกการฉีด Sinovac 2 เข็ม ปรับให้เข็มที่สองเป็น AstraZeneca 2) อนุมัติใช้ Antigen Test Kit ที่ผ่านการรับรองและขึ้นทะเบียน อย. ในสถานพยาบาล และหน่วยตรวจที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการตรวจ RT-PCR แต่อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติยังคงต้องรอความชัดเจนในอีกหลายประเด็น ทั้งจำนวนวัคซีนว่าจะเพียงพอหรือไม่ และในขณะเดียวกันยังต้องจับตาแนวทางการออกมาตรการเยียวยารอบใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีรายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้นในการประชุม ครม. ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนที่เข้ามาช่วยชดเชยเศรษฐกิจไทยที่โดนผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ที่รุนแรง
จับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ: ตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มทรงตัวเพื่อรอปัจจัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดการในคืนนี้ นำโดย อัตราเงินเฟ้อ (CPI) โดย Consensus ประเมินว่าจะขยายตัว 4.9% YoY ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือน พ.ค. ที่ +5.0% อย่างไรก็ดีตลาดน่าจะให้น้ำหนักกับภาคบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยว เดินทาง พักผ่อนในประเทศ ซึ่งเป็นตัวแปรที่บ่งชี้ว่าภาวะ Pent-up Demand ยังคงเป็นตัวเร่งสำคัญต่ออัตราเงินเฟ้อหรือไม่
MARKET SUMMARY
เมื่อวานนี้ SET แกว่งตัวในกรอบแคบรอปัจจัยกระตุ้นใหม่ โดย SET ปิดที่ 1,549.84 (-2.25) มูลค่าการซื้อขาย 7.5 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.5 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,674 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,829 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 843 สัญญา)
EYES ON
13 ก.ค. CPI ของ US, ดุลการค้าของจีน
14 ก.ค. PPI ของ US, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซน, ปธ.เฟดแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา
15 ก.ค. ดัชนี 2Q64 GDP ของจีน, ยอดขายบ้านใหม่ของจีน, ยอดขายปลีกของจีน, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน, ปธ.เฟดแถลงต่อคณะกรรมาธิการประจำสภาผู้แทนราษฎร
16 ก.ค. ดุลการค้ายูโรโซน, CPI ของ ยูโรโซน
Dynasty Ceramic (DCC)
กำไร 2Q64 จะชะลอตัว แต่ยังเด่น
BUY
Share Price THB 3.24
12 m Price Target THB 3.50 (+8%)
Previous Price Target THB 3.50
ประเด็นการลงทุน
เราคาด 2Q64 จะมีกำไรที่ชะลอตัวลงเหลือ 435 ล้านบาท (-12%QoQ, -2%YoY) แม้ว่าจะปรับลดลง แต่ยังเป็นระดับที่ยังเด่น แนวโน้มกำไรปีนี้คาดจะเติบโต 6% สู่ระดับ 1,680 ล้านบาท และ ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อ การใช้สิทธิวอร์แรนท์จะทำให้กำไรต่อหุ้นลดลง 4% เหลือ 0.18 บาท แต่คาดจะเพิ่มปันผลเป็น 100% ของกำไร หรือ เท่ากับ 0.18 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 5.4% มากกว่าปีก่อน 0.17 บาท ราคาหุ้นขึ้นมาใกล้เป้าหมาย 3.50 บาท แนะนำ รอจังหวะซื้อในช่วงอ่อนตัว
คาดกำไร 2Q64 จะชะลอตัวลดลง
ยอดขายในไตรมาส 2Q64 จะถูกกระทบจาก ช่วงโลซีซั่น และ การระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ ทำให้ยอดขายคาดจะปรับลดลงเหลือ 2,202 ล้านบาท (-9%QoQ, -7%YoY) โดยปรับลดลงจากปีก่อน เนื่องจากปีก่อนไม่มีวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นคาดจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 43.2% จาก 42.7% ในไตรมาสก่อน และ 41.8% ในปีก่อน จากการทยอยปรับราคาเพิ่มขึ้น รวมแล้ว เราคาด 2Q64 จะมีกำไรที่ชะลอตัวลงเหลือ 435 ล้านบาท (-12%QoQ, -2%YoY) แม้ว่าจะปรับลดลง แต่ยังเป็นระดับที่ยังเด่น
แนวโน้มผลประกอบการปีนี้คาดจะเติบโต และ ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อ
DCC ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีขนาดใหญ่ลวดลายสวยงาม ทดแทนการนำเข้า ซึ่งมีกำไรดี เช่น กระเบื้องปูพื้นขนาด 60x120ซม. 80x80ซม. และ 40x80ซม. ได้รับการตอบรับอย่างดี เติบโตสูง โดยเฉพาะกระเบื้องนำเข้าจากจีนประสบปัญหาการขนส่งจากที่เรือขาดแคลน ปีนี้แม้ว่าต้นทุนก๊าซจะปรับสูงขึ้น แต่การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และ ปรับเพิ่มราคา จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสามารถรักษาระดับได้ประมาณ 42-43% สำหรับศูนย์รวมวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างหลากหลาย ปี 2563 มีพื้นที่ให้เช่ารวม 80,000 ตรม. มีรายได้ค่าเช่าประมาณ 60 ล้านบาท คาดปี 2564 จะเพิ่มเป็น 85-100 ล้านบาท เราประเมินยอดขายในปี 2564 เท่ากับ 9,019 ล้านบาท โต 6.0% และ คาดจะมีกำไรเท่ากับ 1,680 ล้านบาท เติบโต 6% ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อ ยอดขาย และ กำไร คิดเป็นสัดส่วน 51% และ 55% ตามลำดับ เราคงประมาณการ
หุ้นปันผลดี คาดปีนี้ปันผล100%ของกำไร
DCC-W1 ได้ครบกำหนดในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมามีการใช้สิทธิ 926 ล้านหุ้น ได้เงินเข้ามา 1,065 ล้านบาท เราคาดจะเพิ่มปันผลเป็น 100% ของกำไร หรือ เท่ากับ 0.18 บาทต่อหุ้น มีเงินปันผลตอบแทน 5.4% คงแนะนำ ซื้อลงทุน ประเมินราคาเป้าหมาย 3.50 บาท บนฐานค่าเฉลี่ย 10 ปีของ Dividend Yield – 1SD = 5%
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
JMT Network Services (JMT)
โตแกร่งกลางมรสุม
BUY
Share Price THB 44.00
12 m Price Target THB 53.00 (+23%)
Previous Price Target THB 53.00
ประเด็นการลงทุน
JMT ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ชนะท่ามกลางวิกฤต นอกเหนือจากปริมาณหนี้เสีย (NPL) ที่มีอุปทานส่วนเกิน (Oversupply) ณ ปัจจุบัน จะเอื้อต่อการเติบโตในฝั่งซื้อหนี้เพื่อรอวัฏจักรเศรษฐกิจฟื้นตัวในปี 2565 เป็นต้นไป ในฝั่งการจัดเก็บหนี้ทำได้ดี และมีผลกระทบอย่างจำกัด ด้วยลักษณะของหนี้ไม่มีหลักประกันที่สร้างกระแสเงินสดได้สม่ำเสมอ (Recurring) ทั้งฐานเดิม-ลงทุนใหม่ต่อเนื่อง จะสะท้อนบนการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 40% ในสองปีข้างหน้า สูงกว่าอุตสาหกรรม
คาดกำไร 2Q64 เท่ากับ 290 ลบ. +3%QoQ,+28%YoY
- i) ธุรกิจบริหารหนี้ ประเมินยอดเก็บเงินสดที่ 1,050 ลบ. +5%QoQ,+19%YoY เนื่องจากฐานลูกหนี้กว่า 90% มีรายได้ประจำ แม้ลูกหนี้บางส่วนราว 10% ในธุรกิจท่องเที่ยวต้องการความช่วยเหลือชั่วคราว แต่ถูกชดเชยด้วยการเติมพอร์ตหนี้ฯ ใหม่ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว +27%YoY เริ่มรับรู้รายได้ จึงยังเห็นภาพรวมรายได้มีทิศทางเติบโต ii) ธุรกิจติดตามหนี้ทรงตัวในช่วงสถาบันการเงินมีการพักหนี้ iii) ธุรกิจประกันยังอยู่ในระดับคุ้มทุน ขณะโครงสร้างต้นทุนยังใกล้เคียงไตรมาสก่อน จากการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยติดตามหนี้ ทำให้ %GPM ดีขึ้นเล็กน้อยที่ 72% +40bps คาด 2Q64 มีกำไรสุทธิ 290 ลบ. สูงเป็นอันดับสองเทียบกับ 4Q63 ที่ทำได้ 330 ลบ.
อยู่บนเส้นทาง All time high เช่นเดิม
ประเมินกำไร 1H64 คิดเป็น 39% ใกล้กับสถิติในอดีต อิงกับเป้าทั้งปี 1,479 ลบ. +41%YoY โดยโมเมนตัมกำไรจะเดินหน้าทำสถิติใหม่รายไตรมาสเช่นในอดีต (1Q<2Q<3Q<4Q) ตามกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมดใน 1H64 คาดจะไม่น้อยกว่าปีก่อนที่ 7-8 พันลบ. หนุนมาร์จิ้นสูงขึ้นต่อ
ขณะแผนเข้าลงทุนหนี้ฯใหม่ 6 พันลบ. เดินหน้าขยับจาก 30% ใน 1Q64 เป็น 50% ในช่วงกลางปี มีโอกาสสูงที่จะได้ตามเป้า ทั้งนี้เรายังพบว่า หนี้เสียฯที่ถูกนำมาประมูลขายมีจำนวนมากเกินกว่ากำลังซื้อของผู้ซื้อรวมกัน ทั้งยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นปลายปีจากการระบาดฯ เราจึงคงมุมมองบวกต่อไปถึงปี 2565-66 ที่หนี้ฯจะกลับเข้าประมูลซ้ำ เป็นโอกาสของบริษัทที่จะเข้าลงทุนได้ไม่น้อยกว่าปีนี้ จนสถานการณ์คลี่คลายลงจากการเร่งฉีดวัคซีน ยอดเก็บหนี้ที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยหนุนกำไรสุทธิของ JMT ทำสถิติใหม่ได้ต่อใน 2 ปีข้างหน้าที่ 2,043/2,785 ลบ. +36-38%YoY
คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 53.00 บาท
ประเมินราคาเหมาะสม (รวม JMT-W3) ปี 2564 เท่ากับ 53.00 บ./หุ้น อิง P/E’64 เท่ากับ 40 เท่า อิง PEG 1x บนอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสม (2Yr-CAGR) 40% ในปี 2564-66 แม้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แต่ด้วยอัตราการเติบโตกำไรที่โดดเด่น จะทำให้ P/E ลดลงเหลือ 29 เท่า ในปี 2565 เราเห็น JMT สมควรที่จะมี premium เมื่อเทียบกับกลุ่มการเงินด้วยกัน (ลิสซิ่ง-จำนำทะเบียนฯ) ที่เทรดบน P/E 20-25 เท่า เนื่องจากกลุ่มบริหารสินทรัพย์ฯไม่มีประเด็นกดดันจากการแข่งขันที่สูง และนโยบายภาครัฐที่เข้าควบคุมอัตราดอกเบี้ย-พักหนี้
Thanatphat Suksrichavalit
(66) 2658 5000 ext 1401
NR Instant Produce (NRF)
รอรับครึ่งปีหลังที่โดดเด่น
BUY
Share Price THB 10.20
12 m Price Target THB 11.00 (+8%)
Previous Price Target THB 11.00
ประเด็นการลงทุน
คาดบริษัทมีกำไรสุทธิ 2Q64 ที่ 19 ลบ.(-9%YoY, -9%QoQ) และกำไรปกติที่ 72 ลบ. (+53%YoY, +4%QoQ) โดยแม้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น เข้ามากดดันอัตราการทำกำไร แต่จะถูกชดเชยด้วยยอดขายที่คาดจะโตทำ All Time High ในไตรมาสนี้ และคาดแนวโน้มกำไรใน 2H64 จะเด่นกว่า 1H64 จากโรงงาน Plant-based ที่ UK คาดจะเริ่มรันการผลิตได้ภายในเดือนส.ค. และพลิกมามีกำไรภายในสิ้นปี และดีล M&A ในธุรกิจ E-commerce ที่รอการปิดอย่างน้อยอีก 3 ดีล มองเป็นโอกาสสะสมเพื่อรอรับกับผลประกอบการที่จะเด่นในครึ่งปีหลัง คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11 บาท
กำไรปกติขยายตัวทั้ง YoY และ QoQ
โดยแม้ไตรมาสนี้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากทั้ง (1)ต้นทุนวัตถุดิบ หอมแดง และ พริก ที่ปรับตัวขึ้น QoQ และ (2)ต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น จากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาด ทำให้บริษัทต้องช่วยลูกค้าจ่ายค่าตู้คอนเทนเนอร์ที่ปรับตัวสูงขึ้น กดดันอัตราการทำกำไร แต่ชดเชยได้ด้วยยอดขายที่คาดจะโตเด่นทำ All Time High (+54%YoY,+7%QoQ) จาก (1)ออเดอร์ Ethnic food (82%ของรายได้) ใน US, EU ยังแข็งแกร่งแม้เริ่มมีการเปิดประเทศ (2)เข้าสู่ High Season การส่งออก และ (3)รวมรายได้จาก Prime Lab ที่ซื้อเข้ามาเมื่อ 1Q64 เต็มไตรมาส ทำให้โดยภาพรวมกำไรปกติยังสามารถขยายตัวได้ทั้ง YoY และ QoQ
คาดกลับมาโตเด่นใน 2H64
จาก (1)โรงงาน Plant-based ที่ UK (กำลังการผลิตราว 10 เท่าเทียบกับที่มีปัจจุบัน) คาดเริ่มรันการผลิตได้เต็มที่ภายในเดือนส.ค.นี้ และคาดจะเห็นยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการมีลูกค้ารอส่งออเดอร์อยู่แล้ว และ พลิกมีกำไรได้ภายใน 4Q64 จากปกติขาดทุนไตรมาสละราว 10 ลบ. (2)มีดีล M&A ในธุรกิจ E-Commerce รอการปิดอย่างน้อย 3 ดีล ซึ่งจะมีขนาดไม่น้อยกว่าที่เกิดขึ้นในครึ่งปีแรก หรือราว 10-15% ของกำไร และ (3)การขยายสู่ธุรกิจ Terpene Flavors กับบริษัท Loxley ที่จะนำเข้าสารให้กลิ่นเทอร์ปีนมาผลิต OEM ในไทย และมี Loxley เป็นผู้จัดจำหน่ายหาลูกค้า เป็น Upside ให้รายได้อีกเล็กน้อยราว 10-20 ลบ.
Valuation
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11 บาท ด้วยวิธี DCF (WACC 7.7%, G.3%) โดยเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มระยะยาวของบริษัท ที่หากสามารถบรรลุเป้าการลงทุน 3 พันลบ.ภายในปี 2565 ได้ตามแผน (Net gearing จะขึ้นมาเป็น 1 เท่า ไม่กระทบต่อการเพิ่มทุน) จากทั้งการตั้งโรงงาน Plant-based ในจีน 1H65 และในไทย 2H65 รวมถึงการ M&A ในบริษัท E-commerce เพิ่มเติม จะทำให้มี Upside บนประมาณการกำไรปี 65 เราอยู่อีกราว 30%
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
Thanalop Preedamanoch
(66) 2658 5000 ext 1511
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ