- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 10 November 2014 16:05
- Hits: 1936
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET ยืนเหนือ 1570”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยปิดอ่อนตัวเล็กน้อย 2.40 จุด ที่ 1578.37 กลุ่มโภคภัณฑ์ (โรงกลั่น, ก๊าซ & น้ำมัน) ปรับขึ้นพยุงตลาดรวมถึงหุ้นที่ได้รับการคัดเลือกเข้าไปคำนวณใน MSCI Thailand คือ DELTA, TUF, EA ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 25 พ.ย.57 นักลงทุนต่างชาติและพอร์ตบล.นำซื้อสุทธิ ส่วนสถาบันในประเทศและรายย่อยขายสุทธิ สำหรับสัปดาห์นี้ ยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่มีนัยสำคัญเข้ามากระตุ้น โดยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.57 ของสหรัฐออกมาดีบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวแต่ก็น้อยกว่าคาด จึงให้น้ำหนักค่อนไปทาง Neutral ส่วนความกังวลกับเศรษฐกิจยูโรโซนที่ซบเซายังคงมีอยู่ แต่ก็มีหวังว่า ECB จะช่วยเร่งกระตุ้นอย่างจริงจังนับตั้งแต่พ.ย.นี้เป็นต้นไป ดังนั้นประเด็นที่มีน้ำหนักในสัปดาห์นี้ยังเป็นเรื่องรายงานผลประกอบการ 3Q57 ที่จะออกมามากเพราะเป็นสัปดาห์เส้นตายของการรายงานงบการเงินประจำไตรมาส 3 รวมทั้งการทยอยซื้อของกองทุน LTF ซึ่งปกติแล้วในเดือนพ.ย.-ธ.ค.ผู้มีรายได้จะซื้อ LTF เพื่อนำไปหักภาษีกันมากขึ้น สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำในวันนี้ คือ HANA
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นมากเป็นบวก โดยมีพื้นที่แนวต้าน 1590, 1600 แต่ยังวางใจไม่ได้เสียทีเดียว การอ่อนตัวของ SET ต่ำกว่า 1555 ดูไม่ดี ควร Stop loss หรือลดพอร์ตตาม แต่หากอ่อนไม่มากก็ยังซื้อเก็งกำไร/ถือต่อได้ หุ้นมีสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ Newhigh ที่แนะนำให้ถือต่อ คือ PS, TPOLY, BMCL, WORK, CKP, RCL ส่วนหุ้นที่เข้ามาใหม่ ได้แก่ PTTGC, UWC, RS, TWP หุ้นที่หลุด List คือGRAND สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ EPCO, JAS, ITD, HANA
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ : ภาคแรงงานยังอยู่ในการฟื้นตัวแม้ตัวเลขจะดีน้อยกว่าคาดก็ตาม ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น214,000 ราย ต่ำกว่าการคาดการณ์ ขณะที่อัตราว่างงานในเดือนต.ค.ร่วงลง 0.1% จากระดับ 5.9% ในเดือนก.ย. มาอยู่ที่ 5.8% ซึ่งต่ำสุดในรอบ 6ปี ปัจจัยที่ติดตาม คือ ยอดค้าปลีก และความเชื่อมั่นผู้บริโภค
• ยูโรโซน : ECB จะเพิ่มการกำกับดูแลธ.พ. นายอันดรีอาส ดอมเบรทสมาชิกในคณะกรรมการกำกับดูแลของธนาคารกลางยุโรป (ECB)เปิดเผยว่า ECB จะเพิ่มการกำกับดูแลและทดสอบโมเดลธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ ปัจจัยติดตาม คือ รายงาน GDP ประจำไตรมาส 3/57
+ จีน : ยอดส่งออกต.ค.57 พุ่งขึ้น 11.6%YoY แตะที่ 2.0687 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนนำเข้าเพิ่ม 4.6%YoY แตะที่ 1.6146 แสนล้านดอลลาร์
• ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งแคบ หลังตัวเลขภาคแรงงานออกมาดีน้อยกว่าคาด โดย DJIA +19.46 จุด หรือ +0.11% ดัชนี NASDAQ - 5.94 จุด หรือ-0.13% ดัชนี S&P500 + 0.71 จุด หรือ +0.03%
• สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเล็กน้อย โดย WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. +74เซนต์ ปิดที่ 78.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT +53 เซนต์ ปิดที่ 83.39ดอลลาร์/บาร์เรล
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX พุ่งขึ้น 2.4% โดยสัญญาส่งมอบธ.ค.+27.2 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,169.8 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
+ MSCI ประกาศให้นำ DELTA-EA-TUF เข้าคำนวณเข้าดัชนีGlobal Standard Indexes โดยไม่มีการตัดหุ้นออก และให้เพิ่ม AIRAEFORL-ICHI-KTIS-PCSGH-SAWAD-SUPER เข้าไปคำนวณในดัชนีGlobal Small Cap Indexes มีผล 25 พ.ย.57 ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่MSCI ใช้พิจารณา ได้แก่ Market Cap, สภาพคล่องในการซื้อขาย,จำนวนหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศสามารถซื้อขายได้ เป็นต้น เราคาดว่าหุ้นที่ได้รับคัดเลือกเข้าไปคำนวณใน MSCI จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะกองทุนที่ลงทุนอิงกับดัชนี MSCI มากขึ้น
• กระทรวงการคลังเร่งผลักดันตั้งนาโนไฟแนนซ์ในเสร็จภายในต้นเดือนธ.ค.57 ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือชาวรากหญ้าเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น ลดภาระหนี้สินนอกระบบ โดยจะดึงธ.ก.ส.และธนาคารออมสินเข้าร่วมปล่อยกู้นาโนไฟแนนซ์กับบริษัทเอกชนที่มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า10 ล้านบาทด้วย ทั้งนี้จะเป็นการปล่อยกู้ให้รายละไม่เกิน 1 แสนบาทโดยไม่ต้องมีหลักประกัน แต่ต้องนำไปใช้เพื่อการประกอบอาชีพ อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 36% ต่อปี หน่วยงานที่กำกับดูแลผู้ประกอบการนานโนไฟแนนซ์คือ กระทรวงการคลังและธปท.
•/- ก.คลังยอมรับว่าจ่ายเงินชดเชยชาวนาฤดูการผลิต 57/58 วงเงิน 4หมื่นล้านบาทล่าช้า (จ่ายไร่ละ 1,000 บาท จำนวนไม่เกิน 15 ไร่) เนื่องจากมีกระบวนการตรวจสอบหลายขั้นตอน รัฐบาลกำลังเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ ทั้งนี้เดิมคาดว่าจะจ่ายเสร็จภายในพ.ย.57 แต่ถึงขณะนี้แล้วคาดว่าคงไม่ทัน
ความเห็น DBS Retail Research : เราคาดว่ากำลังซื้อในต่างจังหวัดช่วง4Q57 ยังฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก ยกเว้นพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวที่จะเห็นความคึกคักชัดเจน อย่างไรก็ตาม มีความหวังว่าในปี 58 จะดีขึ้นหลังเม็ดเงินชดเชยชาวนาเข้าสู่ระบบ มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรสวนยางพารา การใช้จ่ายและลงทุนเกิดเป็นรูปธรรมและกระจายไปในต่างจังหวัดได้มากขึ้น เรายังคงแนะนำทยอยซื้อลงทุนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและลงทุนในต่างจังหวัดโดยเฉพาะจังหวะราคาอ่อนตัว เช่น CPALL (ราคาพื้นฐาน 48 บาท), DCC(ราคาพื้นฐาน 65 บาท) เป็นต้น
• กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : คาดสินเชื่อปี 58 โตไม่มาก ธุรกิจเช่าซื้อยังท้าทาย ผู้บริหาร BBL คาดว่าสินเชื่อจะเติบโตไม่สูงในปี 58 โดยตั้งเป้าหมายเติบโต 1.5 เท่าของ GDP ที่ประเมินว่าขยายตัว 3-4% หรือราว4.5-6.0% นำโดยสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับโครงการรัฐ ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อ ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวถึงอย่างน้อยถึง 3Q-4Q58 ทาง DBS คาดกำไรสุทธิกลุ่มธ.พ.ปี 58 ขยายตัว 10% ใกล้เคียงกับปีนี้ หุ้น Top Pick เป็น KBANKรองลงมาเป็น KTB, SCB
• คาราบาวกรุ๊ป (CBG) เสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 250 ล้านหุ้น ราคาIPO อยู่ในช่วง 26-28 บาท (มีส่วนลด 10-20% จาก P/E กลุ่มที่ 20-30เท่า) เสนอขายประชาชนทั่วไป 12-14 พ.ย.และเข้าซื้อขายใน SET 21 พ.ย.นี้บริษัทมีแผนนำเงินจากเพิ่มทุนไปชำระคืนหนี้ 4.25 พันล้านบาทและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน บริษัทมีส่วนแบ่ง 20% ของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่ประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาทในปีนี้ Key Growth คือ 1. การขยายตลาดไปยังประเทศ CLMV (ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในกัมพูชา คาดจะเพิ่มรายได้ส่งออกเป็น 50% ใน 2-3 ปีข้างหน้าจากปัจจุบันที่ 30%), 2. ลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ด้วยการใช้ขวดที่ผลิตเอง (กำลังผลิต 1.2 พันล้านขวดต่อปี), 3.ดอกเบี้ยจ่ายลดลง
+ TMT : รายงานกำไรสุทธิ 3Q57 เท่ากับ 81 ล้านบาท ทรงตัว YoYโดยรายได้ลดลง 12%YoY เป็น 3.0 พันล้านบาท จากปริมาณขายลดลง17%YoY เพราะภาวะเศรษฐกิจและภาคก่อสร้างยังซบเซา แต่ส่วนหนึ่งได้ชดเชยจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 6%YoY อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 6.7%ใกล้เคียงกับ 3Q56 ซึ่งอยู่ใน Range ด้านต่ำของภาวะปกติของบริษัท บริษัทควบคุม SG&A ได้ดี โดยหลักเป็นการลดค่าใช้จ่ายโฆษณาลงในช่วง
เศรษฐกิจไม่ดี แนวโน้ม 4Q57 และปี 58 คาดว่าจะค่อยๆ ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของภาคก่อสร้าง & เศรษฐกิจไทย ในเบื้องต้นเห็นว่ามีโอกาสที่จะปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 57 ลงสะท้อนมาร์จิ้นที่ต่ำกว่าคาด ทั้งนี้บริษัทจะมีAnalyst Meeting บ่ายวันนี้และเราจะ Update ให้ทราบต่อไป ส่วนคำแนะนำยังคงให้ถือลงทุน TMT จุดเด่น คือ จ่ายปันผลสูง (Yield ประมาณ7-8% ต่อปี) ราคาพื้นฐาน 11 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]