- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 01 July 2021 14:58
- Hits: 833
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 1-7-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 1 กรกฎาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
Sideways :
เกาะติด OPEC+
วันนี้คาด SET Sideways ในกรอบแนวรับ 1,580 จุด และแนวต้าน 1,600 จุด เน้นหุ้นกำไร 2Q64ขยายตัวดี โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “GLOBAL, CBG”
GLOBAL
คาดกำไร 2Q64 เพิ่มขึ้น 78% YoY เป็น 902 ล้านบาท ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์รองจาก 1Q64 ที่เป็นไฮซีซั่น แรงหนุนจากทั้งยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น แม้ราคาเหล็กเริ่มปรับตัวลดลง แต่คาดว่ากำไร 3Q63-4Q64 ยังเติบโตสูง YoY ปรับคำแนะนำจาก Trading Buy เป็น ซื้อ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 26 บาท
CBG
คาดแนวโน้มกำไร 2Q64 ขยายตัว QoQ แรงหนุนจากภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้น ผสานกับการปรับสูตรลดน้ำตาล หนุนอัตราการทำกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ในช่วงที่เหลือของปี คาดจะได้เห็นยอดขายในอาเซียน และจีน ฟื้นตัว ผสานผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกัญชงช่วยหนุนเพิ่มเติม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 150 บาท
INVESTMENT THEME
เกาะติด OPEC+
ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯดีกว่าคาด : วานนี้ ADP รายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ประจำเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 6.92 แสนตำแหน่ง มากกว่าที่ตลาดคาดที่ 6 แสนตำแหน่ง บ่งชี้ถึงภาคแรงงานสหรัฐฯยังคงเติบโตได้ดีกว่าคาด สะท้อนสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยง
ราคาน้ำมันดิบแกว่งขึ้น / ติดตาม OPEC+ : การรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ รายสัปดาห์จาก EIA พบว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาสต๊อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมากถึง -6.7 ล้านบาร์เรล ลดลงมากกว่าคาดที่ -4.4 ล้านบาร์เรล สะท้อนถึงความต้องการน้ำมันดิบที่เร่งตัวขึ้น เช่นเดียวกับสต๊อกน้ำมันกลั่น (US Distillate Inventory) ที่ลดลงกว่า -8.6 แสนบาร์เรล รวมทั้งอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่น (US Refinery Utilization) ขยายตัวขึ้น +0.7% มากกว่าคาดที่ +0.39% สะท้อนถึงภาคโรงกลั่นที่มีแนวโน้มดีขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบวานนี้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องราว +0.5% ส่วนวันนี้แนะติดตามเพิ่มเติมสำหรับการประชุม OPEC+ โดยเราคาดว่ามีโอกาสที่กลุ่ม OPEC+ จะเพิ่มกำลังผลิตในเดือนสิงหาคมราว 0.5-1.0 ล้านบาร์เรล แต่อย่างไรก็ดีจากภาวะอุปสงศ์ที่คาดมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นมากอุปทานที่จะเกิดขึ้น จะเป็นปัจจัยที่ช่วยลดผลกระทบได้ ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันดิบโลกยังคงอยู่ในระดับสูง
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ขึ้นสลับย่อ โดยมีจังหวะทดสอบแนวต้านจิตวิทยาใกล้ 1600 จุด แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ โดย SET ปิดที่ 1,587.79 (-3.64) มูลค่าการซื้อขาย 8.4 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.9 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 3,897 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 746 ลบ. ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 1,972 สัญญา)
EYES ON
1 ก.ค. การประชุม OPEC, ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ สหรัฐฯ, PMI ภาคการผลิตของ ไทย,สหรัฐฯ และยูโรโซน, ISM ภาคการผลิตของสหรัฐฯ, การเริ่มโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
2 ก.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ, ดุลการค้าสหรัฐฯ, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน สหรัฐฯ
Siam Global House (GLOBAL)
คาดกำไรแข็งแกร่งใน 2Q64
BUY
Share Price THB 20.60
12 m Price Target THB 26.00 (+26%)
Previous Price Target THB 26.00
ประเด็นการลงทุน
เราคาดว่ากำไร 2Q64 เพิ่มขึ้น 78% YoY เป็น 902 ล้านบาทซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์รองจาก 1Q64 ที่เป็นไฮซีซั่น เนื่องจากทั้งยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น แม้ราคาเหล็กเริ่มปรับตัวลดลง แต่คาดว่ากำไร 3Q63-4Q64 ยังเติบโตสูง YoY ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ในการทบทวนประมาณการเพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจนทำให้มีอัพไซด์ 26% ไปสู่ราคาเป้าหมาย (DCF) 26 บาท เราจึงปรับคำแนะนำจาก Trading Buy เป็น ซื้อ
คาดกำไร 2Q64 เติบโต 78% YoY
คาดว่ากำไรสุทธิลดลง 7% QoQ ตามผลของฤดูกาล แต่จะเติบโตถึง 78% YoY เป็น 902 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรรายไตรมาสสูงสุดเป็นอันดับสองรองจาก 1Q64 เนื่องจากคาดยอดขายเติบโต 38% YoY เป็น 8,599 ล้านบาท จากการเปิดสาขาใหม่ 5 สาขา YoY และ SSSG คาดว่าค่อนข้างสูงถึง +35% (เทียบกับ -20% ใน 2Q63 และ +13.7% ใน 1Q64) จากการที่สินค้าขายดีแทบทุกกลุ่ม และจากฐานต่ำในปีก่อนที่มีการปิดสาขาบางแห่งในช่วงล็อกดาวน์ เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 158 bps YoY เป็น 25.4% เนื่องจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้น
ผลกระทบจำกัดจากการปิดแคมป์คนงาน
การปิดแคมป์คนงานเป็นการชั่วคราวในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึง 4 จังหวัดในภาคใต้ คาดว่ามีผลกระทบจำกัดต่อยอดขายของ GLOBAL เนื่องจากโครงการก่อสร้างที่หยุดไปส่วนใหญ่ไม่ใช่ลูกค้าของบริษัท และบริษัทไม่มีสาขาในกรุงเทพฯ ส่วนการที่ราคาเหล็กเริ่มปรับตัวลดลงคาดว่ามีผลกระทบส่วนหนึ่งต่อผลประกอบการใน 2H64 อย่างไรก็ดี เราประเมินว่ากำไร 3Q64-4Q64 ยังเติบโตสูง YoY จากทั้งยอดขายและอัตรากำไรเพิ่มขึ้น
แนวโน้มกำไรยังเติบโตดีใน 2H64
ตามคาดการณ์ของเรา กำไรสุทธิ 1H64 เท่ากับ 1,868 ล้านบาท ซึ่งเกือบเท่ากำไรทั้งปี 2563 และมีสัดส่วนเป็น 68% ของประมาณการกำไรปีนี้ ขณะที่แนวโน้มกำไร 2H64 ยังอยู่ในเกณฑ์ดีและเติบโต YoY เราจึงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ในการทบทวนประมาณการเพื่อสะท้อนถึงกำไรที่แข็งแกร่ง
ความเสี่ยง: การล็อกดาวน์ทำให้ต้องปิดสาขา ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ราคาเหล็กลดลงอย่างมีนัยยะ
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
SCG Packaging (SCGP)
ขยายธุรกิจสู่วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์
BUY
Share Price THB 62.00
12 m Price Target THB 72.00 (+16%)
Previous Price Target THB 58.00
ประเด็นการลงทุน
ทำสัญญาซื้อหุ้นบ.วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ในสเปนได้ข้อสรุปปลาย 3Q64 และ ใน 3Q64 จะได้ข้อสรุป M&P อีก 2 กิจการ คือ DuyTan และ Intan รวมแล้วจะช่วยเพิ่มยอดขายต่อปี 1.2 หมื่นล้านบาท และ ยังเสริมด้วยการขยายกำลังการผลิตอีก 5 โครงการ ทำให้ผลประกอบการปี 2564-65 เติบโตสูง ปรับประมาณการเพิ่มขึ้นอีก ทำให้ราคาเป้าหมายใช้วิธี DCF บนสมมิตฐาน WACC 8% และ L-T terminal growth 3.2% เพิ่มขึ้นเป็น 72 บาท จากเดิม 58 บาท แนะนำ ซื้อช่วงอ่อนตัว หลังหุ้นขึ้นมาแรง
ทำสัญญาซื้อหุ้นบ.วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ในสเปน
SCGP ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 85% ใน Deltalab, S.L (หรือ “Deltalab”) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical Supplies and Labware) ที่จดทะเบียนในประเทศสเปน คาดจะเสร็จสิ้นในปลาย 3Q64 Deltalab เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ เชี่ยวชาญด้านการผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์คุณภาพสูงในยุโรป โดยมีผลิตภัณฑ์กว่า 15,000 หน่วยและปริมาณการผลิต 250 ล้านชิ้นต่อปี มีการส่งออกสินค้าหลายรายการไปยัง 125 ประเทศทั่วโลก ในปี 2563 Deltalab มีรายได้ 2,800 ล้านบาท และมีสินทรัพย์ 2,100 ล้านบาท การลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ในการดูแลรักษาสุขภาพและแนวโน้มการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุซึ่งส่งผลให้ความต้องการในการตรวจรวมถึงวินิจฉัยโรคสูงขึ้นทั่วโลก อุตสาหกรรมของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์ ขนาดตลาดประมาณ 8.1 แสนล้านบาท ในยุโรป และ 1.5 ล้านล้านบาท ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
การควบรวมกิจการ (M&P) 3 บริษัทจะช่วยเพิ่มยอดขาย 1.2 หมื่นล้านบาท
ใน 3Q64 SCGP จะได้ข้อสรุปเข้าซื้อกิจการและเป็นพันธมิตร (M&P) เพิ่มอีกสองแห่งหลังจากที่ประกาศก่อนหน้านี้ คือ Duy Tan Plastic ผู้ผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสแบบคงรูป (Rigid Packaging) ชั้นนำในเวียดนาม ปี 2563 มีรายได้ประมาณ 6,100 ล้านบาท และ Intan Group เป็นหนึ่งในผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกในอินโดนีเซีย ปี 2563 มีรายได้ ประมาณ 3,057 ล้านบาท เมื่อรวม Deltalab การ M&Psจะช่วยเพิ่มยอดขายรวมต่อปีประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท และ ยังบวกด้วยการเติบโตสูง
แนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตสูง ปรับประมาณการขึ้น
SCGP มี 5 โครงการที่ขยายกำลังการผลิตที่จะทยอยเสร็จในปีนี้ และ ต้นปีหน้า จะช่วยเพิ่มยอดขายรวม 1.1 หมื่น ล้านบาท โดยจะรับรู้ในปีนี้ประมาณ 3 พันล้านบาท และ เมื่อรวม SOVI 2 พันล้านบาท และ Go-Pak 3 พันล้านบาท ซึ่งรับรู้ตั้งแต่ต้นปี รวมถึง M&P 3 บริษัท จะทำให้ โดยยอดขายปีนี้จะเติบโต 20% สู่ระดับ 111,938 ล้านบาท และ มีกำไรปกติท่ากับ 8,912 ล้านบาท เติบโต 33% เราปรับประมาณการปี 2565 ขึ้น จะทำให้ยอดขายโต 16% สู่ระดับ 129,730 ล้านบาท และ มีกำไร 10,573 ล้านบาท โต 19%
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Maria Lapiz
(66) 2257 0250
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ