- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 07 June 2021 17:55
- Hits: 5174
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 7-6-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 7 มิถุนายน 2564
INVESTMENT STRATEGY
ฟื้นตัว :
จับตาการฉีดวัคซีนในไทย
วันนี้คาด SET ฟื้นตัว ในกรอบแนวรับ 1,605 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรดี โดย ATO Picks วันนี้แนะ “DOHOME, CPN”
DOHOME
คาดกำไร 2Q64 จะปรับตัวขึ้นทั้ง QoQ, YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่ จาด SSSG ของ DOHOME ในช่วงเดือน เม.ย. - พ.ค. จะขยายตัวเด่น 37-39%YoY ผสานกับอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นคาดจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ YoY จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและการปรับ Product mix
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 28 บาท
CPN
คาดกำไรมีโอกาสฟื้นตัวได้ใน 3Q64-4Q64 จากพัฒนาการเชิงบวกของการฉีดวัคซีนที่คาดจะเร่งตัวขึ้นเด่นตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป หนุนลูกค้ากลับมาได้เร็วเหมือนช่วงเปิดเมืองในปีก่อน และส่วนลดค่าเช่าลดลง ขณะที่การเปิดโครงก่ารใหม่ เป็นไปตามแผนหนุนการเติบโตระยะยาว
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60 บาท
คำชี้แจง: บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) อาจมีธุรกรรมกับ บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา (CPN)
INVESTMENT THEME
จับตาการฉีดวัคซีนในไทย
การจ้างงานนอกภาคเกษตร US เพิ่มขึ้นแต่ต่ำกว่าคาด : การรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 5.59 แสนตำแหน่ง เร่งขึ้นจากเดือนเมษายนที่ขยายตัวเพียง 2.66 แสนตำแหน่ง แต่อย่างไรก็ดียังต่ำกว่าที่ตลาดประเมินไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 6.75 แสนตำแหน่ง ซึ่งส่งผลให้ตลาดดูเหมือนคลายกังวลระยะสั้นต่อการปรับลด QE แต่เราเชื่อว่ายังคงต้องจับตาการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ อย่างใกล้ชิด เช่น การรายงานดัชนี CPI สหรัฐฯ เดือนพฤษภาคม และยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ในวันที่ 10 มิถุนายน ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ใช้ประกอบในการพิจารณาการตัดสินใจประเด็น QE ในการประชุมกลางเดือนนี้
เกาะติดสถานการณ์การฉีดวัคซีนในไทย : สัปดาห์นี้คาดตัวเลขการฉีดวัคซีนในไทยจะเร่งตัวขึ้นมาก จากปัจจุบันที่มีการฉีดไปแล้วราว 2.5 ล้านคน คิดเป็น 3.6% ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด ซึ่งหากพัฒนาการของการฉีดวัคซีนดีขึ้นเรื่อยๆ ก็จะส่งผลให้แนวโน้มการติดเชื้อในประเทศจะค่อยๆลดลงในช่วงถัดไป ซึ่งนำมาสู่การฟื้นตัวของความเชื่อมั่นในประเทศ หนุนภาคเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในช่วงถัดไป
MARKET SUMMARY
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่งย่อตัว แรงกดดันต่อตัวเลขเศรษฐกิจ US ที่ขยายตัวดี เพิ่มโอกาสต่อการปรับลด QE โดย SET ปิดที่ 1,611.53 (-6.02) มูลค่าการซื้อขาย 1.06 แสนล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.01 แสนล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย3,573 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 5,195 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 11,583 สัญญา)
EYES ON
7 มิ.ย. ดุลการค้าจีน (พ.ค.)
8 มิ.ย. ดุลการค้าสหรัฐฯ (เม.ย.), 1Q64 GDP ของยูโรโซน
9 มิ.ย. ดัชนี CPI จีน (พ.ค.)
10 มิ.ย. ดัชนี CPI สหรัฐฯ (พ.ค.), ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย (พ.ค.), การประชุม ECB
BTS Group (BTS)
ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
T-BUY (Prior:HOLD)
Share Price THB 9.50
12 m Price Target THB 10.60 (+12%)
Previous Price Target THB 10.80
ประเด็นการลงทุน
เราปรับเพิ่มคำแนะนำจาก ถือ เป็น “ซื้อเก็งกำไร” แม้ว่าเราจะปรับราคาเหมาะสมลง 2% เป็น 10.60 บาท/ หุ้น ซึ่งหลักๆมาจากสะท้อนมาจากราคาเหมาะสมที่ลดลงของ VGI (อ่าน VGI “เริ่มลุ้นการฟื้นตัวได้แล้ว” 2 มิ.ย. 64) และ ผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของ BTSGIF รวมถึง dilution effect ที่อาจเกิดขึ้นจาก BTS-W6 แต่ทว่าราคาเองก็หุ้นได้ปรับตัวลงมาจนเปิด upside 12% แล้ว ขณะที่ Sentiment การลงทุนจากประเด็นการทยอยฉีดวัคซีนของประเทศไทย กำลังหนุนการเก็งกำไรในระยะสั้นนี้ได้
เป้าหมายปี 2564/65 ไม่ตื่นเต้น แต่โครงสร้างภายในกำลังดีขึ้น
BTS ตั้งเป้ารายได้รวมราว 2.8 หมื่น ลบ. ลดลง -19% YoY และต่ำกว่า Bloomberg consensus ประมาณการไว้ราว 10% ซึ่ง รายได้ที่ลดลงนั้น เกิดจากงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (เสร็จไปแล้ว) และสายสีชมพู-สีเหลือง มีความคืบหน้ากว่า 75% ไปแล้ว ทำให้การรับรู้รายได้ค่าก่อสร้างช่วงที่เหลือจึงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดีการที่รายได้ก่อสร้างมีสัดส่วนลดลงจาก 72% ของรายได้รวมในปี 2563/64 สู่ราว 50% ในปีนี้ จะมีข้อดีคือ เราคาดจะดึงให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ฟื้นจาก 18.4% เป็น 21.5% และหากการฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผนของรัฐบาล เราคาดว่า GPM จะฟื้นกลับสู่ระดับ 40.4% ในปี 2565/66 ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด และพาให้กำไรปกติฟื้นจาก 720 ลบ.ในปี 2563/64 สู่ 2.1 พัน ลบ.ในปี 2564/65 และ 3.2 พัน ลบ.ในปี 2565/66
ปรับราคาเหมาะสมลง 2% จาก VGI BTSGIF U และ Dilution BTS-W6
เราปรับสะท้อน dilution effect จากการออก BTS-W6 (ราคาแปลงสภาพ 9.90 บาท อายุ 1 ปี อัตราแปลง 1: 1 จำนวน 658.4 ล้านหน่วย) เข้าไปเต็มจำนวน รวมถึงสะท้อนมูลค่าของ VGI, BTSGIF และ U เข้าไปในราคาเหมาะสมของ BTS ส่งผลให้ราคาเหมาะสมปี 2564/65 ลดลง 2% สู่ 10.60 บาท/ หุ้น (ดูรายละเอียดในหน้า 2)
ติดตามความเสี่ยงของสายสีชมพู-เหลือง และลูกหนี้ภาครัฐ
รถไฟฟ้าสายสีชมพู และ เหลือง มีมูลค่ารวมกัน 2.69 บาท/ หุ้น โดยการเปิดให้บริการที่ล่าช้า หรือ พฤติกรรมการเดินทางที่เปลี่ยนไปหลังวิกฤตโควิด-19 อาจส่งผลต่อมูลค่าเหมาะสมรวมได้ ขณะที่ BTS อยู่ระหว่างเจรจากับ กทม. เพื่อขอรับชำระหนี้ค่ารับจ้างเดินรถ 1 หมื่น ลบ. และค่างานติดตั้งระบบเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายอีก 1.9 หมื่น ลบ. รวมเป็น 2.32 บาท/ หุ้น โดย BTS เชื่อว่า กทม. จะชำระหนี้เหล่านี้ได้ จึงยังไม่ได้ตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนไว้ โดยระหว่างหาข้อสรุป BTS ได้ย้ายหนี้เหล่านี้ไปบันทึกไว้ในสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน
Jaroonpan Wattanawong
(66) 2658 6300 ext 1404
M.C.S. Steel (MCS)
ได้งานใหม่เพิ่ม 3 โครงการ 51,600 ตัน
BUY
Share Price THB 15.00
12 m Price Target THB 18.50 (+23%)
Previous Price Target THB 18.50
ประเด็นการลงทุน
MCS ประกาศได้งานใหม่เพิ่ม 3 โครงการ 51,600 ตัน หนุน Backlog ขึ้นเป็น 1 แสนตัน และ เตรียมจะประกาศโครงการใหม่ๆ สำหรับอนาคตอีก 2-3 โครงการที่อยู่ระหว่างเจรจา ทำให้ MCS มี Backlog จะรับรู้ยาวถึงปี 2566 แนวโน้มผลประกอบการปี 2564 จะเด่นต่อคาดกำไร 1,031 ล้านบาท โต 8% หุ้นซื้อขาย P/E ต่ำ และ ปันผลดี คงแนะนำ ซื้อ ประเมินเป้าหมาย 18.50 บาท
ประกาศได้งานใหม่เพิ่ม 3 โครงการ 51,600 ตัน
MCS แจ้งตลาด ช่วงเช้าวันนี้ (7 มิ.ย.) บริษัทได้เซ็นสัญญารับจ้างผลิตงานใหม่จำนวน 3 โครงการ มีปริมาณน้ำหนักงานรวม 51,600 ตัน โดยโครงการแรก มีปริมาณน้ำหนักงาน 15,200 ตัน (รวมงานเพิ่มเติมแล้ว) มีระยะเวลาผลิตระหว่างเดือน ม.ค.65-ต.ค.65 มีลูกค้า คือ Kajima Corporation โครงการที่สอง มีปริมาณน้ำหนักงาน 14,800 ตัน (รวมงานเพิ่มเติมแล้ว) มีระยะเวลาผลิตระหว่างเดือน ธ.ค.64-ก.ย.65 มีลูกค้า คือ Shimizu Corporation และ โครงการที่สาม มีปริมาณน้ำหนักงาน 21,600 ตัน (รวมงานเพิ่มเติมแล้ว) มีระยะเวลาผลิตระหว่างเดือน มี.ค.65-ก.พ.66 มีลูกค้า คือ Obayashi Corporation ทำให้ Backlog เพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนตัน ทั้งนี้ MCS เตรียมจะประกาศโครงการใหม่ๆ สำหรับอนาคตอีก 2-3 โครงการที่อยู่ระหว่างเจรจา
แนวโน้มผลประกอบการปีนี้ และ ปีหน้าจะเด่นต่อเนื่อง
MCS มี Backlog ปัจจุบันสูงถึง 1 แสนตัน และเตรียมจะประกาศโครงการใหม่ๆ อีก 2-3 โครงการ รองรับรายได้ถึงปี 2566 ทำให้แนวโน้มผลประกอบการปี 2564-2566 จะเด่น โดยแนวโน้มปี 2564 จะรับรู้โครงการ Toranormon Azabudai และ Toranomon 1,2 chome อย่างเต็มที่มากขึ้น และ เป็นงานประเภท S-Grade ซึ่งมีกำไรดี คาดจะทำให้กำไรช่วงที่เหลือของปีเติบโตดีขึ้น สำหรับประเด็นที่ราคาเหล็กปรับขึ้นจะไม่มีผลกระทบเนื่องจากปัจจุบันมีสต็อกเหล็ก 42,000 ตัน และ อยู่ระหว่างขนส่งอีก 7,000 ตัน รองรับงานในมือปัจจุบันที่จะส่งมอบทั้งหมดแล้ว เราคงประมาณการประเมินยอดรับรู้รายได้เท่ากับ 4,502 ล้านบาท เติบโต 5.9% คาดจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,031 ล้านบาท โต 8%
หุ้นซื้อขาย P/E ต่ำ และ ปันผลดี
ราคาหุ้น MCS ปัจจุบันยังซื้อขายด้วย Valuation ที่ถูก P/E ปี 2564 เท่ากับ 6.9 เท่า เงินปันผลตอบแทน 7.9% เราคงแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 เท่ากับ 18.5 บาท บนฐาน Average P/E - 0.5*SD เท่ากับ 8.6 เท่า
ความเสี่ยง : ภาวะการสร้างตึกสูงในประเทศญี่ปุ่น / ค่าเงินเยนเทียบกับบาท
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web