- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 18 May 2021 19:26
- Hits: 1147
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 18-5-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 18 พฤษภาคม 2564
INVESTMENT STRATEGY
ฟื้นตัว :
เน้นหุ้น 2Q64 เติบโตต่อ
วันนี้คาด SET ฟื้นตัว กรอบแนวรับ 1,540 จุด และแนวต้าน 1,570 จุด เน้นหุ้นแนวโน้ม2Q64 ดีต่อ โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “WICE, CK”
WICE
คำชี้แจงสำคัญ : บมจ. หลักทรัพย์เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) อาจมีธุรรมร่วมกับ บมจ.ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE)
กำไรสุทธิ 1Q64 ที่ 81.6 ลบ. ทำสถิติใหม่ 5 ไตรมาสติดต่อกัน และคาดจะมีไตรมาสที่ 6 (2Q64) จากกิจกรรมนำเข้า-ส่งออกของบริษัทลูกที่ตั้งอยู่ใน จีน ฮ่องกง และ สิงคโปร์ ผสานธุรกิจขนส่งข้ามพรมแดน (Cross boarder โดย ETL) ในเส้นทาง จีน-ไทย-สิงคโปร์ ก็ได้รับความนิยมสูงมาก
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 8.8 บาท
CK
คาดผลประกอบการปกติช่วงที่เหลือของปีจะดีขึ้น จากมีปันผลจาก TTW เข้ามาช่วยไตรมาสละ 232 ล้านบาท ในไตรมาส 2Q64 และ 3Q64 อีกทั้งส่วนแบ่งกำไรของ CKP คาดจะดีขึ้น จากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนในไตรมาสสอง ส่วนวันนี้ติดตามการประมูลรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22 บาท
INVESTMENT THEME
เน้นหุ้น 2Q64 เติบโตต่อ
งบไตรมาส 1 กำไรรวมเติบโตดี : ผ่านพ้นช่วงการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนประจำไตรมาส 1Q64 แล้ว พบว่ามีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 2.61 แสนล้านบาท (+45%QoQ, +129%YoY) โดยส่วนใหญ่รายงานกำไรดีกว่าที่ตลาดประเมินไว้ โดยพบว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไร 1Q64 เติบโตทั้ง QoQ, YoY เช่น ปิโตรเคมี, พลังงาน, เหล็ก, วัสดุก่อสร้าง, ยานยนต์, อสังหาฯ, ไฟแนนซ์, บรรจุภัณฑ์, อิเล็กทรอนิกส์, และสินค้าเกษตรฯ ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ผลประกอบการรวมของกลุ่มขาดทุน เช่น กลุ่มขนส่ง และท่องเที่ยว ซึ่งได้รับผลกระทบหลักจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่ฟื้นตัว
เน้นหุ้นคาด 2Q64 ทำ All Time High ต่อจาก 1Q64 : สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีหลายบริษัทที่สามารถทำกำไรสุทธิ 1Q64 ทำจุดสูงสุดใหม่รายไตรมาส หนุนให้ราคาหุ้นมีทิศทางที่ปรับตัวขึ้น โดยเราเชื่อว่าหลายบริษัทยังมีแนวโน้มของผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องและมีโอกาสจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้ในช่วง 2Q64 หลังทำจุดสูงสุดใน 1Q64 ถือเป็น sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อ โดยกลุ่มที่เราคาดว่ามีแนวโน้มกำไรทำ All Time High ต่อเนื่อง เช่น กลุ่มโลจิสติกส์ (WICE, SONIC) กลุ่มไฟแนนซ์ (ASK, MTC), กลุ่มค้าปลีก (SINGER), กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (XO) เป็นต้น
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อแล้วฟื้นตัว ตอบรับสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศที่ยังลุกลาม โดย SET ปิดที่ 1,549.16 (-0.32) มูลค่าการซื้อขาย 9.9 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 9.7 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 382 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 5 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 5,952 สัญญา)
EYES ON
18 พ.ค. ยอดอนุญาตก่อสร้างUS, เริ่มสร้างบ้านใหม่ US, 1Q64 GDP ยูโรโซน
19 พ.ค. รายงานการประชุม FED รอบที่ผ่านมา, สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ, CPI ยูโรโซน
20 พ.ค. ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US
21 พ.ค. ยอดการส่งออกไทย, PMI ภาคการผลิตและบริการของ US และยูโรโซน, ยอดขายบ้านมือสอง US
AAPICO Hitech (AH)
กำไร 1Q64 เด่น ปรับประมาณการขึ้น
T-BUY
Share Price THB 24.60
12m Price Target THB 28.00 (+14%)
Previous Price Target THB 21.80
ผลประกอบการ 1Q64
AH ประกาศผลประกอบการ 1Q64 มีกำไรสุทธิที่สูงเด่น 411 ล้านบาท (+162%QoQ, +28%YoY) ถ้าหากหักกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 102 ล้านบาท จะมีกำไรปกติที่ยังเด่นเท่ากับ 308 ล้านบาท (+15%QoQ, +153%YoY) มากกว่าที่เราคาดไว้เท่ากับ 250 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากยอดขายที่เติบโตจากปีก่อน 5,586 ล้านบาท (0%QoQ, +14%YoY) อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น 12.1% จาก 7.4% ในไตรมาสก่อน และ 10.2% ในปีก่อน ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารควบคุมได้ดี 390 ล้านบาท (-2%QoQ, 0%YoY) ดอกเบี้ยจ่ายลดลงเหลือ 87 ล้านบาท (-10%QoQ, -7%YoY) จากการทยอยคืนเงินกู้ และ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนดีขึ้น 87 ล้านบาท (+27%QoQ, +17%YoY)
แนวโน้มผลประกอบการ
ผู้บริหาร AH ประเมินยอดผลิตรถยนต์ไทยปี 2564 จะฟื้นตัวเด่น 1.7-1.8 ล้านคัน เติบโตประมาณ 20% สำหรับยอดขายของ AH จะเติบโตตามอุตสาหกรรม โดย AH ได้คำสั่งซื้อส่วนเพิ่ม และ บริษัทลูกในต่างประเทศ คือ จีน โปตุเกสมีการเติบโตสูง ทำให้ยอดขายของ AH ปีนี้จะเติบโตมากกว่า 20% และ คาดยอดขายจะมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท จากกำไรไตรมาส 1Q64 ที่สูงเด่นมากกว่าคาด เราปรับประมาณการเพิ่มขึ้นอีก คาดยอดขายเท่ากับ 20,950 ล้านบาท เติบโต 22% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,116 ล้านบาท เติบโต 655%YoY ส่วนกำไรปกติเท่ากับ 1,013 ล้านบาท เติบโต 594%YoY กำไรปกติไตรมาสแรกคิดเป็น 30% ของประมาณการทั้งปี โดยเราประเมินผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีจะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรก
คำแนะนำการลงทุน
ราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation ที่น่าสนใจ ซื้อขาย P/E ปี 2564 ที่ต่ำ 8.6 เท่า P/BV 1 เท่า และ อัตราเงินปันผลตอบแทน 5.1% เราประเมินราคาเป้าหมายบนฐานค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปี ประมาณ 9.9 เท่า ได้เท่ากับ 28 บาท เพิ่มจากเดิม 21.8 บาท (ราคาก่อน XD) จากประมาณการที่ปรับขึ้น เราคงแนะนำ TRADING BUY โดยในอดีต AH มีผลประกอบการค่อนข้างผันผวน
ความเสี่ยง
การแพร่ระบาดของ Covid-19 ทั่วโลกยังไม่ผ่อนคลาย / ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ / แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในและต่างประเทศยังมีความไม่แน่นอน
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
- Karnchang (CK)
1Q64 พลิกมามีกำไรจากรายการพิเศษ
T-BUY
Share Price THB 17.00
12m Price Target THB 22.00 (+29%)
Previous Price Target THB 22.80
ผลประกอบการ 1Q64
CK ประกาศผลประกอบการ 1Q64 พลิกมามีกำไรสุทธิเท่ากับ 208 ล้านบาท ดีกว่าไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 114 ล้านบาท และ ปีก่อนที่ขาดทุน 112 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาสนี้มีรายการพิเศษเงินชดเชยดอกเบี้ยจากค่างานก่อสร้าง 382 ล้านบาท ถ้าหากหักรายการนี้จะมีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนเท่ากับ 175 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่เราคาดหมายไว้จะขาดทุนเท่ากับ 150 ล้านบาท ผลการดำเนินงานปกติที่ขาดทุนเนื่องจาก ยอดรับรู้รายได้อยู่ในระดับต่ำ 2,937 ล้านบาท (-19%QoQ, -45%YoY) ผลจาก Backlog ที่ต่ำ ส่วน อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 8.3% เทียบกับ 7.6% ในไตรมาสก่อน และ 8.9% ในปีก่อน ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน BEM และ CKP ลดลงจากไตรมาสก่อนเหลือ 160 ล้านบาท (-36%QoQ, +936%YoY)
แนวโน้มผลประกอบการ
แม้ว่า Backlog จะต่ำ เราคาดผลประกอบการปกติช่วงที่เหลือของปีจะดีขึ้น เนื่องจากจะมีปันผลจาก TTW เข้ามาช่วยไตรมาสละ 232 ล้านบาท ในไตรมาส 2Q64 และ 3Q64 นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรของ CKP คาดจะดีขึ้น จากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนในไตรมาสสองหนุนกำไรของโครงการไซยะบุรีดีขึ้นอย่างมาก โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 มีการเก็บน้ำไว้เต็มเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าในปีนี้ เราคงประมาณการคาดรายได้จากธุรกิจก่อสร้างจะลงเหลือ 15,000 ล้านบาท ลดลง 10%YoY อย่างไรก็ตามส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน BEM และ CKP จะดีขึ้น ทำให้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจะเพิ่มเป็น 1,380 ล้านบาท เติบโต 61% ดังนั้น รวมแล้วปี 2564 คาด CK จะมีกำไรเท่ากับ 888 ล้านบาท เติบโต 45%YoY สำหรับงานประมูลโครงการขนาดใหญ่ CK มีแนวโน้มจะได้งานใหม่หลายโครงการจะหนุน Backlog เพิ่มขึ้นมากกว่าสองแสนล้านบาท และ เข้าสู่ New S-Curve
คำแนะนำการลงทุน
ราคาหุ้น CK ปัจจุบันซื้อขายบน Valuation ที่ถูก คือ P/BV 1.0 เท่า อยู่บริเวณ Forward P/BV-2SD ระยะ 10 ปี ที่ 1.0X ในขณะที่ CK มีเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของประเทศ คือ BEM, CKP และ TTW มีมูลค่าถึง 5.9 หมื่นล้านบาท หรือ คิดเป็น 35 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีแนวโน้มเติมโตในระยะยาว และ ช่วยเพิ่มงานให้ CK รวมถึงเพิ่มส่วนแบ่งกำไร และเงินปันผล ประเมินเป้าหมาย โดยวิธี Sum of the Part เท่ากับ 22 บาท คงแนะนำ TRADING BUY
ความเสี่ยง
อุปสรรคในการก่อสร้าง ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ปัญหาแรงงาน งานล่าช้า การแข่งขันในงานประมูลโครงการต่างๆ
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Sino-Thai Engineering (STEC)
กำไร 1Q64 ปรับลดลง แต่คาดจะดีขึ้น
T-BUY
Share Price THB 13.30
12m Price Target THB 18.00 (+35%)
Previous Price Target THB 18.80
ผลประกอบการ 1Q64
STEC ประกาศผลประกอบการ 1Q64 มีกำไรที่ปรับลดลงเหลือ 197 ล้านบาท (-58%QoQ, -6%YoY) เนื่องจากยอดรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างปรับลดลงเหลือ 7,549 ล้านบาท (-15%QoQ, -19%YoY) ซึ่งเป็นช่วงทยอยจบงานเก่า และเตรียมเริ่มต้นงานใหม่ และ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 182 ล้านบาท (+27%QoQ, +21%YoY) ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นมีพัฒนาการในด้านบวกเท่ากับ 5.1% เทียบกับ 5.0% ในไตรมาสก่อน และ 4.3% ในปีก่อน
แนวโน้มผลประกอบการ
STEC เหลือ Backlog ปัจจุบันที่สูงถึง 1 แสนล้านบาท เป็นงานใหม่ที่ได้ในปีก่อน และกำลังจะลงนามร่วม 40,000-50,000 ล้านบาท ซึ่งมีมาร์จิ้นดีขึน ในขณะที่งานกำไรน้อยกำลังทยอยหมดไป โดยเฉพาะงานอาคารรัฐสภาได้จบงานแล้วในเดือน เม.ย. ผู้บริหารตั้งเป้าหมายยอดรับรู้รายได้ปี 2564 จะเพิ่มเป็น 37,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 3% อัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นมากกว่า 5% เทียบกับปีก่อน 4.4% ปี 2564 ตั้งเป้าหมายจะได้งานใหม่ 40,000 ล้านบาท และ ปี2565 ยอดรับรู้รายได้จะเพิ่มเป็น 39,000-40,000 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้และกำไรใน 1Q64 แม้จะมีสัดส่วนเพียง 18%-20% ของประมาณการ แต่ช่วงที่เหลือของปีคาดจะดีขึ้น เราคงประมาณการคาดรายได้ปีนี้ 37,181 ล้านบาท โต 3.7% และ มีกำไรปกติ 1,110 ล้านบาท โต 28%
คำแนะนำการลงทุน
ราคาหุ้น STEC ปัจจุบันซื้อขาย P/BV 1.3 เท่า บริเวณ Forward P/BV-2SD ระยะ 10ปี ในขณะที่มีเงินสดในมือและเงินลงทุนในกองทุนเปิดสูง 7.9 พันล้านบาท เราประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 18 บาท อิงค่าเฉลี่ย10ปี Forward P/E = 25x คงแนะนำ TRADING BUY
ความเสี่ยง
ปัญหาการก่อสร้าง / ต้นทุนวัสดุและแรงงาน / ความล่าช้าของโครงการ
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web