- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 April 2021 15:43
- Hits: 11420
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 22-4- 2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 22 เมษายน 2564
INVESTMENT STRATEGY
Sideway Up :
ยังคงแกว่งขึ้น
วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น แนวรับ 1,570 จุด และแนวต้าน 1,590 จุด เน้นBig caps ที่มีพัฒนาการเชิงบวก โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “KBANK, SCC”
KBANK
คาดกำไรปี 2564-65 เติบโต 8-11% โดยมองเห็นอัพไซด์เพิ่มเติมจากต้นทุนสินเชื่อที่ต่ำกว่าคาดและการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นในไตรมาส 1/64 ด้านคุณภาพสินทรัพย์ใน 1Q64 ดีกว่าคาด และปัจจุบันเทรดที่ PBV 0.7 เท่า ซึ่งถือว่ายังเป็นระดับที่ไม่แพงนัก น่าทยอยสะสม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 160 บาท
SCC
คาดกำไร 1Q64 เด่น +72%YoY และ +49%QoQ จากแรงหนุนธุรกิจ ปิโตรเคมี ที่แนวโน้ม Demand ยังแข็งแกร่ง ช่วยหนุนทั้งปริมาณขายและส่วนต่างผลิตภัณฑ์ ทั้ง HDPE และ PP ทรงตัวระดับสูง ผสานกับธุรกิจปูนซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ฟื้นตัวดีขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 450 บาท
INVESTMENT THEME
สต๊อกน้ำมันดิบ US ปรับขึ้น กดราคาน้ำมันดิบย่อ : เมื่อคืนที่ผ่านมา EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯรายสัปดาห์ พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.94 แสนบาร์เรล สวนกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง -3.26 ล้านบาร์เรล ผสานกับความกังวลการแพร่ระบาด COVID-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินเดียกดดันราคาน้ำมันดิบโลกเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงราว -1.7%
กำไรกลุ่มธนาคารดีกว่าคาด 41% : ผ่านไปแล้วสำหรับการรายงานผลการดำเนินงานในช่วง 1Q64 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยพบว่ากำไรสุทธิรวมของธนาคารที่เราทำการวิจัยทั้ง 7 แห่งในช่วง 1Q64 ที่ระดับ 3.92 หมื่นล้านบาท (+38%QoQ, +5%YoY) ซึ่งถือว่าดีกว่าที่เราคาดราว 41% โดยธนาคารที่ดีกว่าคาดมากสุด 3 อันดับแรก คือ KBANK, SCB, BBL ตามลำดับ โดยมีปัจจัยหนุนหลักจาก รายได้ค่าธรรมเนียมของธุรกิจหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจ ปรับตัวขึ้นได้ดีมาก ผสานกับมีการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดี จึงทำให้กำไรออกมาดีกว่าคาด ซึ่งจะเป็นแรงหนุนระยะสั้นต่อการเก็งกำไรกลุ่มธนาคาร แต่ในระยะถัดไปคงจับตากับการควบคุมสถานการณ์ COVID-19 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากไทยยังมีการระบาดที่เร่งตัวขึ้น คาดจะกดดันกำไรตลาดในช่วง 2Q64 มากยิ่งขึ้น
ยังมองแกว่งขึ้น และติดตามประชุม ECB : คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวขึ้น สอดคล้องกับภาพตลาดภูมิภาคที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว โดยปัจจัยที่น่าติดตามวันนี้ คือ การประชุม ECB โดยเราคาดว่า ECB จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ตามเดิม
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่ง sideways แกร่งกว่าตลาดภูมิภาคที่ปรับลดลง โดย SET มีแรงหนุนจากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เริ่มคงที่ โดย SET ปิดที่ 1,580.01 (-0.03) มูลค่าการซื้อขาย 8.1 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.03 แสนล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1,809 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 522 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 4,130 สัญญา)
EYES ON
22 เม.ย. ประชุม ECB, ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน US, ยอดขายบ้านมือสอง US
23 เม.ย. ส่งออกไทยเดือน มี.ค., PMI ภาคการผลิตและบริการ ของ US และ Eurozone, ยอดขายบ้านใหม่ US
TMB Bank (TMB TB)
OPEX ยังคงสูงใน 2Q-3Q64
เน้นงบดุลคุณภาพ ไม่เน้นขยายสินเชื่อ
เราชอบ TMB ที่เน้นคุณภาพสินเชื่อมากกว่าการเติบโตของสินเชื่อที่อาจมาพร้อมกับความเสี่ยง เราคาดว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการรวมกิจการใน 2Q-3Q64 โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนโอนธุรกิจทั้งหมด หลังจากนั้นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดจะลดลงจากการทำงานร่วมกันของรายได้และต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับสาขา ไอทีและค่าใช้จ่ายทางการตลาด คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 1.35 บาท (P/BV ปี 64 ที่ 0.6 เท่า, ROE 8.1%) ความเสี่ยงหลัก คือ คุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอกว่าที่คาด
เดินหน้าแผนรวมกิจการ คาด OPEX จะสูงใน 2Q-3Q64
ซีอีโอเปิดเผยว่าค่าใช้จ่ายในการรวมกิจการจะอยู่ที่ 3 พันล้านบาทในปีนี้ ดังนั้น OPEX จะยังคงอยู่ในระดับสูงใน 2Q-3Q64 ก่อนที่จะลดลงใน 4Q64 ทั้งนี้ ธนาคารได้บันทึกค่าใช้จ่ายในการรวมกิจการ 1 พันล้านบาทจากโครงการลดพนักงานและการลดจำนวนสาขาในไตรมาส 1/64 โดยจำนวนพนักงานลดลง 19% เหลือ 15,742 คน ในขณะที่สาขาทั้งหมดลดลง 24% เป็น 681 สาขาในไตรมาส 1/64 ธนาคารยังคงรักษาอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ 47-49% ในปี 2564 เทียบกับ 47% ในไตรมาส 1/64
จำนวนลูกค้าที่ขอผ่อนปรนหนี้ลดลง QoQ
สินเชื่อภายใต้โครงการบรรเทาหนี้ลดลงเหลือ 14% ของสินเชื่อรวมใน 4Q63 จาก 15% ใน 4Q63 จากทั้งหมด 87% ขอเปลี่ยนเงื่อนไขและสามารถชำระดอกเบี้ยเต็มจำนวน และส่วนที่เหลือขอชำระดอกเบี้ยบางส่วนและขอเลื่อนการชำระคืน เราคาดว่ามาตรการใหม่ของ ธปท. ในการปล่อยสินเชื่อและคลังสินทรัพย์ของ SME จะช่วยให้ธนาคารสามารถลดการตั้งสำรองได้ TMB คาดว่าจะให้การช่วงเหลือลูกค้าจำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท (11% ของลูกค้าในโครงการบรรเทาหนี้) ในมาตรการใหม่ของ ธปท. โดยคำขอที่เข้ามาจากโครงการบรรเทาหนี้ผ่านคอลเซ็นเตอร์ลดลงเหลือ 80,000 ครั้งต่อเดือนในเดือนมกราคม 2564 เทียบกับการโทร 300,000 ครั้งต่อเดือนในเดือนมีนาคม / เมษายน 2563
รักษาพอร์ตสินเชื่อปราศจากความเสี่ยงเพื่อจำกัดความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์
TMB ได้ปรับเป้าการเติบโตของสินเชื่อใหม่ไปสู่กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เช่น สินเชื่อที่มีหลักประกันรายย่อย เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของงบดุล โดย CEO อธิบายว่าอัตราส่วน NPL ที่เพิ่มขึ้นและ NPL coverage ที่ลดลงเป็นผลมาจากการขาย NPL ที่ชะลอตัวตามอุปทานที่สูงขึ้นในตลาดขาย NPL เราไม่กังวลในประเด็นคุณภาพสินทรัพย์ของ TMB เนื่องจากธนาคารได้ตั้งสำรองสำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) เพื่อสะท้อนถึงระดับความเสี่ยงที่แท้จริงของลูกค้าภายใต้โครงการผ่อนปรนเพื่อให้แน่ใจว่ามีระดับ ECL ที่เพียงพอ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web