- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 20 April 2021 12:05
- Hits: 13458
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 20-4-2021
AT THE OPEN (#ATO)
S T R A T E G Y R E P O R T / 20 เมษายน 2564
Sideways :
จับตางบ BANK
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways แนวรับ 1,560 จุด และแนวต้าน 1,580 จุด เน้นหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไรดี โดย ATO Picks วันนี้
EPG
คาดกำไรงวด ม.ค. - มี.ค.64 เด่นที่ 435 ล้านบาท (+1%QoQ, +77%YoY) แรงหนุนจากธุรกิจอุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งรถยนต์ จากการเติบโตอุตสาหกรรมรถยนต์ในต่างประเทศและในประเทศ และ ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ได้แรงบวกจากตลาดสหรัฐฯฟื้นตัวดี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 12.50 บาท
OSP
คาดแนวโน้มกำไรหลัก 1Q64 ดี เนื่องจากคาดผลกระทบประเด็นพม่าไม่มากนัก (ยอดขายยังทรงตัวได้ YoY ซึ่ง 1Q63 ฐานสูง) ขณะที่การควบคุมต้นทุนอยู่ในเกณฑ์ดี และมีโอกาสในการต่อยอดต่างๆ เช่น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ การเพิ่มพันธมัตรทางธุรกิจเพิ่มเติม
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 45 บาท
INVESTMENT THEME
จับตางบ BANK
งบธนาคารสองตัวแรกออกมาดีกว่าคาด : เริ่มเข้าสู่ช่วงการรายงานผลประกอบการ 1Q64 โดยวานนี้มีธนาคารสองแห่งได้รายงานกำไรออกมา ได้แก่ TISCO และ KKP ซึ่งทั้งสองธนาคาร ถือว่ารายงานกำไรสุทธิออกมาดีกว่าเราคาดราว 5% และ 1% ตามลำดับ และมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีกว่าที่เราคาด โดยยังคงแนะติดตามการรายงานงบกลุ่มธนาคารที่คาดจะทยอยรายงานทั้งหมดในช่วงวันอังคารและวันพุธนี้
แม้ตัวเลข COVID-19 ในประเทศลดลงแต่ยังต้องระวัง: วานนี้ ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายวัน ลดลงสู่ระดับ 1,390 คน จากวันก่อนหน้าที่ 1,767 คน แต่อย่างไรก็ดีสถานการณ์ต่างๆยังมีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจับตาการแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิดในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ว่าจะมีการควบคุมการแพร่กระจายได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อแนวโน้มการลงทุนในช่วงถัดไป
จับตาประชุม ครม.วันนี้คาดต่ออายุ “เราชนะ” : วันนี้แนะติดตามการประชุม ครม. โดยคาดจะมีการหารือในเรื่องการต่ออายุโครงการ “เราชนะ” อีกราว 1-2 เดือน จากเดิมที่จะสิ้นสุด 31 พ.ค.นี้ เพื่อช่วยเยียวยาประชาชาชนในช่วงที่เหตุการณ์ COVID-19 ในประเทศรุนแรงขึ้น ส่วนภาพตลาดวันนี้คาด SET แกว่ง Sideway ในกรอบ 1560-1580 จุด การปรับฐานรอบนี้ยังมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสม โดยเน้นหุ้นที่แนวโน้มกำไร 1Q64 เติบโตโดดเด่น
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ปรับตัวขึ้นขานรับตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศที่ลดลงจากช่วงก่อนหน้า โดยปิดที่ 1,574.91 (+25.95) มูลค่าการซื้อขาย 8.7 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.9 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 3,159 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 1,792 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นัก
EYES ON
21 เม.ย. สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของ US
22 เม.ย. ส่งออกไทยเดือน มี.ค., ประชุม ECB, ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน US, ยอดขายบ้านมือสอง US
23 เม.ย. PMI ภาคการผลิตและบริการ ของ US และ Eurozone, ยอดขายบ้านใหม่ US
Gulf Energy Development (GULF TB)
รอความชัดเจนของดีลล่าสุด
HOLD
Share Price THB 32.75
12 m Price Target THB 35.00 (+7%)
Previous Price Target THB 43.00
ลดน้ำหนักเป็น ถือ รอความชัดเจน
การตัดสินใจของ GULF ในการทำคำเสนอซื้อหุ้น INTUCH ส่วนที่เหลือทำให้เราประหลาดใจ เรามองว่าเหตุผลในการทำธุรกรรม คือ 1) INTUCH เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัล (โทรคมนาคม ดาวเทียม 5G ลงทุนในสตาร์ทอัพ) ซึ่งอาจเป็นโอกาสทำงานร่วมกันหรือสร้าง synergy กับ GULF เนื่องจากแนวโน้มการปรับเปลี่ยนเป็นดิจิทัลในภาคพลังงาน 2) กระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ (เงินปันผล) ทว่า 1) เรื่อง synergy ยังไม่ชัดเจน 2) D / E สุทธิที่เพิ่มขึ้น 3 เท่าอาจจำกัดโอกาสในการเติบโต 3) อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4-5% ซึ่งได้รับเงินทุนด้วยต้นทุนหนี้ 2-3% หมายถึงมูลค่าเพิ่มเล็กน้อย 4) EGM จะมีขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายนและมติมีแนวโน้มที่จะผ่าน เราจึงลดคำแนะนำเป็น ถือ ราคาเป้าหมายที่ 35 บาท (WACC 5.3%, LTG 2.5%) และรอความชัดเจนในประเด็น synergy ที่คาดการณ์ไว้
คณะกรรมการอนุมัติคำเสนอซื้อหุ้น INTUCH ที่เหลือ
คณะกรรมการของ GULF ได้อนุมัติการลงทุนของบริษัทในหุ้น INTUCH ทั้งหมดในราคาซื้อ 65 บาท/หุ้น โดย ณ วันที่ 16 เมษายน 2564 GULF ถือหุ้น 18.93% หลังจากประกาศดังกล่าว Singtel (ถือหุ้น 20-30% ใน INTUCH) ประกาศว่าจะไม่ถอนการลงทุน แปลว่า GULF ถือหุ้นได้สูงสุด 70-80% ตามหลักการแล้ว GULF มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ ADVANC และ THCOM (INTUCH ถือหุ้น 40.45% และ 41.3%) หลังจากได้รับสิทธิออกเสียง 50% ขึ้นไปใน INTUCH ซึ่ง GULF จะขอสละสิทธิ์ในการทำคำเสนอซื้อสำหรับ THCOM เนื่องจากไม่มีนัยสำคัญ ในขณะที่ได้กำหนดราคาซื้อ ADVANC ล่วงหน้าไว้ที่ 122 บาท (ตามสูตร) แต่คาดว่าจะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากขณะนี้หุ้นซื้อขายที่ 165 บาท มูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดใน INTUCH (81.07%) เท่ากับ 1.69 แสนล้านบาท ซึ่ง GULF ตั้งเป้าที่จะปิดดีลนี้ภายในเดือนสิงหาคม 2564
แหล่งเงินและรายได้ที่เกิดขึ้นประจำ
GULF จะระดมทุนในการทำธุรกรรมผ่านเงินกู้ระยะสั้นแบบ bridge loan จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นเงินกู้ระยะยาวและการออกพันธบัตร สมมติว่าสัดส่วนการถือหุ้น 70-80% ใน INTUCH สัดส่วน D / E สุทธิของ GULF รวม INTUCH (net D / E0.03 เท่า) จะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า (พันธะหนี้ไม่เกิน 3.5 เท่า) จาก 1.5 เท่าในปี 2563 โดยมีอัตราเงินปันผลตอบแทน 5% (เงินปันผลปี 63ของ INTUCH อยู่ที่ 8 พันล้านบาท หรือ 2.50 / หุ้น) และต้นทุนการระดมทุน 2-3% สำหรับการทำธุรกรรมนี้ โดย GULF จะได้รับกำไรสุทธิเพิ่ม 2.5-4 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าเยอะมาก ประมาณการเบื้องต้นดอกเบี้ยอาจลดลงจาก 3 เท่าในปี 2563 เป็น 1.7-2 เท่า (สมมติว่ามีการถือหุ้นเต็มจำนวนใน INTUCH) ในปี 64
โอกาสเติบโตในอนาคต - น่ากังวลไหม?
ผู้บริหารระบุว่าธุรกรรมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการระดมทุนสำหรับโครงการที่มีอยู่และโครงการที่อยู่ระหว่างการหารือ แต่เรายังคงระมัดระวังและอาจเห็นการเติบโตที่หยุดชะงัก นอกจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จะ COD ระหว่างปี 2565-68 และต้องใช้เงินลงทุน GULF ยังเชื่อมโยงกับโครงการ LNG to Power (6GW) มูลค่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐในเวียดนาม นอกจากนี้การเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า 1GW (25% / 20% ของกำลังการผลิตปี 64/65) จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เราเห็นความเสี่ยงต่ำของการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ในระยะสั้น
Kaushal Ladha, CFA
(66) 2658 5000 ext 1392
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web