- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 March 2021 23:55
- Hits: 16870
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 24-3-2021
INVESTMENT STRATEGY
พักตัว :
ปัจจัยเสี่ยงเริ่มมากขึ้น
วันนี้คาด SET พักตัว แนวรับ 1,550 จุด และแนวต้าน 1,580 จุด เน้นหุ้นอิงค่าเงินบาทอ่อนค่า โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “TU, SCC”
TU
ออกสินค้าใหม่เป็น Plant-based และจะเน้นผลิตอาหารนวัตกรรมมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรและลดความผันผวนจากธุรกิจปัจจุบัน ส่วนกำไร 1Q64 คาดเพิ่มขึ้น YoY จากยอดขายอาหารทะเลแปรรูปยังเติบโตและอาหารแช่แข็งฟื้นตัว รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องเป็นจิตวิทยาบวก
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 16.5 บาท
SCC
ภาพส่วนต่างปิโตรเคมีในช่วง 1Q64ปรับขึ้นแรง ทั้ง HDPE–Naphtha และ PP–Naphtha และ ไตรมาส 2Q64 ยังมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาเสริมอีก 11.5% แรงหนุนสำคัญจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่แนวโน้มอุปทานตลาดโลกปีนี้จะเพิ่มขึ้นน้อยลง 5.8% จากปีก่อนที่เพิ่มขึ้น 6.5%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 430 บาท
NVESTMENT THEME
ปัจจัยเสี่ยงเริ่มมากขึ้น
-ปัจจัยเสี่ยงเริ่มมากขึ้น เพิ่มความระมัดระวัง : สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ในยุโรปรุนแรงขึ้น โดยเยอรมนีประกาศขยายเวลาการ Lockdown ออกไปอีก 1 เดือนและประกาศมาตรการใหม่ๆที่มากขึ้นช่วงเทศกาลอีสเตอร์ เพื่อลดผลกระทบในช่วงการแพร่ระยะที่สาม ผสานกับเมื่อคืน นายเจอโรม โพเวล และนางเจเนต เยนเลน ได้แสดงมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งยังมองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเช่นเดิม โดยไม่ได้มีประเด็นอะไรใหม่ ส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจากทั้งประเด็นการ Lockdown ยุโรป และดอลล่าร์แข็ง กดดันให้ราคาน้ำมันดิบย่อตัวแรง แนะเพิ่มความระมัดระวังในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น
-ในประเทศยังมีมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง : วานนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติ เห็นชอบมาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส3” ซึ่งขยายสิทธิเพิ่มอีก 2 ล้านสิทธิ์ และเห็นชอบมาตรการ “ทัวร์เที่ยวไทย” ซึ่งปรับปรุงมาจากโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า โดยขยายกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป จากเดิมที่ให้เพียงผู้สูงวัย โดยจะสมทบเงิน 40% หรือไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน ให้เที่ยวผ่านบริษัททัวร์ ในราคาแพคเกจขั้นต่ำ 12,500 บาท ประมาณ 1 ล้านคน นอกจากนี้ ครม. ได้ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม ด้าน Soft Loan วงเงิน 2.5 แสนล้านบาท ดอกเบี้ยไม่เกิน 2% และมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ (มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้) วงเงิน 1 แสนบาท โดยสรุปถือว่ามาตรการต่างๆ เป็นบวกต่อทั้งภาคธุรกิจท่องเที่ยว ภาคธนาคาร มีแนวโน้มผ่อนคลายขึ้นในช่วงถัดไป
SET
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์
1,564.25 -2.11
สรุปมูลค่าการซื้อขาย 23 มี.ค. 64
นักลงทุน สุทธิ
สถาบัน 529.84
บัญชี บล. 108.01
ต่างชาติ -906.76
ในประเทศ 268.90
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่ง sideways แม้จะมีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ และยังคงเห็นแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ โดย SET ปิดที่ 1,564.25 (-2.11 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.3 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.7 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 907 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 529 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 1,813 สัญญา)
EYES ON
-24 มี.ค. การประชุม กนง. ,ยอดส่งออกไทย เดือน ก.พ. (คาด -2.05%), ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US (ก.พ.), PMI ภาคการผลิตและบริการ ของ US & Eurozone (มี.ค.), ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ Eurozone (มี.ค.)
-25 มี.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, 4Q63 US GDP (ครั้งที่3)
-26 มี.ค. PCE Core Deflator (ก.พ.), ความเชื่อมั่นผู้บริโภค US จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
Thai Union Group (TU)
ผลิตอาหารนวัตกรรมมากขึ้น
T-BUY
Share Price THB 14.20
12m Price Target THB 16.50 (+16%)
Previous Price Target THB 16.50
ประเด็นการลงทุน
TU ออกสินค้าใหม่เป็น Plant-based และจะเน้นผลิตอาหารนวัตกรรมมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรและลดความผันผวนจากธุรกิจปัจจุบัน แม้ยอดขายยังไม่มากแต่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว ส่วนกำไร 1Q64 คาดว่าลดลง QoQ ตามผลของฤดูกาล แต่เพิ่มขึ้น YoY จากยอดขายอาหารทะเลแปรรูปยังเติบโตและอาหารแช่แข็งฟื้นตัว แนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย (PER 13 เท่า) 16.50 บาท
อาหารนวัตกรรมสนับสนุนการเติบโตระยะยาว
หลังจากชะลอการลงทุนในปีก่อนเหลือ 3.7 พันล้านบาท TU จะใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 6-6.5 พันล้านบาทในปีนี้ โดยจะสร้างโรงงานอาหารสำเร็จรูปในไทยโดยรวมโรงงานเดิมและทำให้มีมาตรฐานสูงขึ้น TU จะไม่เน้นการซื้อกิจการ แต่จะลงทุนแบบ Joint venture กับพันธมิตรในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีอัตรากำไรสูง เช่น กลุ่มส่วนผสมอาหาร โปรตีนทางเลือก และอาหารเสริม โดยได้เข้าร่วมลงทุนกับ Thai Beverage เพื่อผลิตอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ อีกทั้งร่วมมือกับ บมจ. อินเตอร์ ฟาร์มา (IP) ผลิตอาหารเสริม นอกจากนั้น TU ได้ลงทุนใน Start-up ด้านเทคโนโลยีอาหาร 5 แห่ง และอยู่ระหว่างศึกษาการใช้กัญชงในอาหาร ส่วนสินค้า Plant-based มีการส่งออกไปอังกฤษอยู่แล้ว และเริ่มออกขายในไทยภายใต้แบรนด์ตัวเองคือ OMG Meat แม้ยอดขายสินค้านวัตกรรมดังกล่าวยังไม่มาก แต่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรให้ TU (เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 20-25%) และกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจปัจจุบัน ทั้งนี้ TU มีเป้าหมายสินค้านวัตกรรมมีสัดส่วน 10% ของยอดขายในปี 2568
อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากฐานสูง
ยอดขายอาหารทะเลแปรรูปยังคงเพิ่มขึ้น ขณะที่อาหารทะเลแช่แข็งเริ่มฟื้นตัวหลังจากร้านอาหารกลับมาเปิดมากขึ้น โดย TU เน้นการขายแบบมีคุณภาพซึ่งมีอัตรากำไรดี ไม่เน้นเพิ่มส่วนแบ่งตลาด เป้าหมายยอดขายปีนี้เพิ่มขึ้น 3-5% แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเป็น 17% จากปี 2563 ที่ 17.7% เนื่องจากฐานสูง และยอดขายอาหารทะเลแปรรูป (ซึ่งมีอัตรากำไรสูง) เติบโตในอัตราที่น้อยลง ส่วน Red Lobster คาดว่าจะขาดทุนลดลงเกิน 50% หลังจากปีก่อนขาดทุนหนักจากการปิดร้านช่วงล็อกดาวน์
Unlock value บริษัทย่อย
บริษัทย่อยของ TU คือ ไทยยูเนี่ยนฟิดมิลล์ (TFM) จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ ซึ่งเป็นการ Unlock value ของ TFM ซึ่งทำธุรกิจอาหารสัตว์ที่มีผลประกอบการดีและมีแนวโน้มเติบโต โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 9-10% เทียบกับ TU ที่ 4-5% ทั้งนี้ เมื่อ IPO แล้ว TU จะยังคงมีสัดส่วนถือหุ้น 51% ใน TFM จากปัจจุบันที่ 66.9%
ความเสี่ยง: Red Lobster ขาดทุนมากขึ้น ราคาปลาทูน่าผันผวน เงินบาทแข็งค่าอย่างมีนัยยะ ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
IRPC (IRPC TB)
ราคาหุ้นมีโอกาสวิ่ง
BUY
Share Price THB 3.74
12m Price Target THB 4.50 (+20%)
Previous Price Target THB 4.50
คงคำแนะนำ ซื้อ ประมาณการไม่เปลี่ยนแปลง
เรามองว่า IRPC มีศักยภาพเป็นหุ้น Value play และมีโอกาสโดดเด่นกว่ากลุ่ม เมื่อตลาดหมุนเวียนกลับเข้าสู่กลุ่มพลังงาน ราคาหุ้นซื้อขายที่ P / B ปี 64 ที่ 1เท่า โดยราคา IRPC ขึ้นช้ากว่าคู่แข่ง ขณะที่แนวโน้มเชิงบวกเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ยืดหยุ่นและอุปทานที่ตึงตัวสำหรับ PP และ ABS ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและต่อเนื่องในไตรมาส 2/64 เนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงในภูมิภาค การฟื้นตัวของค่าการกลั่นคาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เราคาดว่าไตรมาส 1/64 จะเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงเนื่องจาก IRPC จะได้รับผลกำไรจากสต็อก (ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 15 เหรียญสหรัฐ / บาร์เรล) ในขณะที่สเปรดเคมีที่แข็งแกร่งน่าจะหนุน GIM ขึ้นเป็น 12-13 เหรียญสหรัฐ /บาร์เรล คงคำแนะนำ ซื้อ โดยคง TP ไม่เปลี่ยนแปลงที่ 4.50 บาท (P / B ปี 64 ที่ 1.2 เท่า ค่าเฉลี่ยในอดีต)
ฤดูซ่อมบำรุง 2Q64 ในเอเชียทำให้อุปทานตึงตัว
สเปรด PP และ ABS อยู่ในระดับที่ดีมากที่ 1721 และ 756 เหรียญสหรัฐ / ตันในไตรมาส 1/64 เพิ่มขึ้น 56% และ 89% เมื่อเทียบกับปีก่อนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง อุปทานทั่วโลกที่ตึงตัว (การหยุดชะงักในช่วงฤดูหนาวของสหรัฐทำให้ PP หายไป 7 ล้านตัน) และการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ตลาดคาดว่าการดำเนินงานของสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงปลายเดือนเมษายนซึ่งจะเห็นว่าสเปรดผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตามฤดูการซ่อมบำรุง 2Q64 ในเอเชียน่าจะทำให้อุปทานค่อนข้างตึงตัว ความต้องการ PP ยังคงสูงจากการใช้บรรจุภัณฑ์อาหาร ของใช้ในบ้านและเครื่องใช้เพิ่มขึ้น ความต้องการ ABS ของจีน (อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์) กลับมาสู่ระดับก่อนโควิด สำหรับ 2Q64 ผู้บริหารคาดว่าสเปรด ABS และ PP อาจลดลงเหลือ 1600 และ 700 เหรียญสหรัฐ / ตัน สมมติฐานสเปรด ABS และ PP ของเราปี 64 อยู่ที่ 1300 และ 650 เหรียญสหรัฐ / ตัน ทุกๆ 100b / t ต่อปีที่เพิ่มขึ้นใน ABS และ PP จะเพิ่ม GIM 0.3 / bbl และ 1 / bbl หรือ 22% และ 70% ให้กับรายได้ปี 64
IRPC ซื้อขายถูกกว่ากลุ่ม
เมื่อเทียบกับบริษัทคู่แข่ง หุ้น IRPC ซื้อขายถูกมากที่ P / B ปี 64 ที่ 1.0 เท่า เทียบกับ PTTGC ที่ 1.05 เท่า TOP ที่ 1.1 เท่า และ SPRC ที่ 1.6 เท่า เราไม่คิดว่าสมเหตุผล เนื่องจาก 1) IRPC น่าจะมี GIM ที่มั่นคงที่ 12-13 เหรียญสหรัฐ / bbl ในไตรมาส 1/64 (11 เหรียญสหรัฐ / bbl ใน 4Q63) 2) อุปสงค์ที่แข็งแกร่งและอุปทานเคมีที่ตึงตัวจะยังคงมีอยู่ใน 2Q64 เนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงตามฤดูกาล 3) พื้นฐานของ PP และ ABS นั้นแข็งแกร่งกว่า PE ทั้งนี้ เราเห็นว่ามีความเสี่ยงสูงจากการที่ IRPC เข้ามาปิดช่องว่างการประเมินมูลค่าของตลาดอื่น ๆ
Aramco ลดโควตาเอเชีย ชดเชยด้วยน้ำมันเกรดอื่น ๆ
Arab Light (Saudi Aramco) คิดเป็น 40-45% ของส่วนผสมน้ำมันดิบของ IRPC การลดการจัดสรรโดย Aramco ให้กับผู้ซื้อในเอเชียอยู่ที่ 10-15% เนื่องจากการลดการส่งออกโดยสมัครใจ 1mbpd ในเดือนกุมภาพันธ์ IRPC เห็นการปรับลดลงเช่นเดียวกันและสามารถชดเชยด้วยน้ำมันจาก ME เกรดอื่น ๆ จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกาตาร์ได้ ส่วนผสมน้ำมันดิบ ME ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 70% Arab Light premium สำหรับเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 USD / bbl เทียบกับ USD0.77 / bbl ในไตรมาส 1/64 จากอุปทานที่ตึงตัวขึ้น พรีเมียมที่สูงขึ้นได้ชดเชยกำไรสำหรับน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน (+USD1.2 / bbl และ + USD2.93 / bbl QTD) อย่างไรก็ตาม สเปรดยางมะตอยและน้ำมันหล่อลื่นยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากความต้องการที่แข็งแกร่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการขนส่ง
Kaushal Ladha, CFA
(66) 2658 5000 ext 1392
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web