- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 23 March 2021 17:01
- Hits: 13000
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 23-3-2021
INVESTMENT STRATEGY
ฟื้นตัว :
เน้นหุ้นอิงเศรษฐกิจฟื้น
วันนี้คาด SET ฟื้นตัว แนวรับ 1,560 จุด และแนวต้าน 1,580 จุด เน้นหุ้นอิงเศรษฐกิจฟื้น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “SCC, AMATA”
SCC
ภาพส่วนต่างปิโตรเคมีในช่วง 1Q64ปรับขึ้นแรง ทั้ง HDPE–Naphtha และ PP–Naphtha และ ไตรมาส 2Q64 ยังมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาเสริมอีก 11.5% แรงหนุนสำคัญจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่แนวโน้มอุปทานตลาดโลกปีนี้จะเพิ่มขึ้นน้อยลง 5.8% จากปีก่อนที่เพิ่มขึ้น 6.5% เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 430 บาท
AMATA
คาดยอดขายที่ดินปี 64 จะฟื้นตัวตามแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยที่กำลังขยายตัว โดยประเมินยอดขายจะโดดเด่นมากในช่วง 2H64 ซึ่งสอดคล้องกับการทยอยฉีดวัคซีนที่ทั่วถึงยิ่งขึ้น ช่วยหนุนโอกาสในการเปิดประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนสามารถเดินทางมาทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 20 บาท
INVESTMENT THEME
ฟื้นตัว
FED ยันไม่ออกสกุลเงินดิจิตอล หากครองเกรสไม่อนุมัติ: วานนี้นายเจอโรม โพเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) กล่าวในการประชุมธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) มีบทสรุปว่า หาก FED ไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาครองเกรส ก็จะไม่มีการออกสกุลเงินดิจิตอล ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อราคา BITCOIN วานนี้ปรับตัวลงกว่า -5% ส่วนคืนวันที่ 23 และ 24 มีนาคมนี้ แนะติดตาม เจอโรม โพเวล และเจเนต เยเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ จะแถลงนโยบายการเงินการคลังต่อสภาคองเกรส ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดพันธบัตร และตลาดทุนแกว่งผันผวนได้
วัคซีน AstraZeneca มีประสิทธิภาพ 79% เพิ่มความเชื่อมั่น : AstraZeneca เผยผลการทดสอบวัคซีน COVID-19 ระยะที่ 3 ในสหรัฐฯ, ชิลี และเปรู พบว่าวัคซีนสามารถหยุดยั้งไม่ให้ผู้ได้รับเชื้อมีอาการป่วยได้ 79% และป้องกันอาการป่วยขั้นรุนแรงได้ 100% โดยยังระบุว่าไม่พบความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด ทั้งนี้ข้อมูลจากการทดสอบดังกล่าวจะยื่นขอรับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) เพื่อใช้ในสหรัฐฯต่อไป ซึ่งคาดจะช่วยหนุนความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีน AstraZeneca อีกครั้ง เป็นบวกต่อธีมการเปิดประเทศ
โครงการกระตุ้นจากภาครัฐยังหนุน : รัฐบาลยังคงพยายามใช้มาตรการคลังสนับสนุนในช่วงถัดไป เช่น โครงการคนละครึ่ง เฟส3, การปล่อย Soft loan หรือการกระตุ้นท่องเที่ยวผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ที่จะนำเข้า ครม. ในวันนี้
SET
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์
1,566.36 +2.40
สรุปมูลค่าการซื้อขาย 22 มี.ค. 64
นักลงทุน สุทธิ
สถาบัน -940.86
บัญชี บล. -11.67
ต่างชาติ 1,906.66
ในประเทศ -954.13
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ย่อก่อนฟื้น โดยปรับลงจากความกังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ขยับขึ้น แต่ก็มีแรงซื้อกลับในหุ้นขนาดกลางหนุน SET ปิดที่ 1,566.36 (+2.40 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 7.7 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.9 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,907 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 941 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 5,143 สัญญา)
EYES ON
23 มี.ค. ยอดขายบ้านใหม่ US (ก.พ.)
24 มี.ค. การประชุม กนง. ,ยอดส่งออกไทย เดือน ก.พ. (คาด -2.05%), ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน US (ก.พ.), PMI ภาคการผลิตและบริการ ของ US & Eurozone (มี.ค.), ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ Eurozone (มี.ค.)
25 มี.ค. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, 4Q63 US GDP (ครั้งที่3)
Siam Cement (SCC)
สเปรดปิโตรเคมีปรับขึ้นแรง
BUY
Share Price THB 378.00
12m Price Target THB 430.00 (14%)
Previous Price Target THB 430.00
ประเด็นการลงทุน
สเปรดปิโตรเคมีปรับขึ้นแรง ทั้ง HDPE – Naphtha และ PP – Naphtha และ ไตรมาส 2Q64 ยังมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาเสริมอีก 11.5% จะช่วยหนุนผลประกอบการ เราคงประมาณการกำไรปี 2564 แบบอนุรักษ์นิยม 37,075 ล้านบาท เติบโต 8.6% ในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าจะเข้าสู่เฟสของการเติบโต แรงหนุนจากทั้งสามธุรกิจ คือ ธุรกิจปิโตรเคมี กำลังการผลิตจะเพิ่ม70% ธุรกิจปูนซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เน้นเซอร์วิสและโซลูชั่น ไปรีเทล ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ตั้งเป้าจะโตเป็น 2 เท่าใน 5 ปีข้างหน้า คงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 430 บาท บนฐาน Forward P/E+0.5SD = 13.9 เท่า
สเปรดปิโตรเคมีปรับขึ้นแรง
สเปรดปิโตรเคมีปรับขึ้นแรง คือ สเปรด HDPE - Naphtha ล่าสุดปรับขึ้นสู่ระดับ 737 เหรียญ/ตัน เทียบกับเฉลี่ย 1Q64TD เท่ากับ 581 เหรียญ/ตัน และเทียบกับเฉลี่ย 4Q63 เท่ากับ 592 เหรียญ/ตัน รวมถึง สเปรด PP – Naphtha ล่าสุดปรับขึ้นสู่ระดับ 945 เหรียญ/ตัน เทียบกับเฉลี่ย 1Q64TD เท่ากับ 807 เหรียญ/ตัน และ เทียบกับเฉลี่ย 4Q63 เท่ากับ 736 เหรียญ/ตัน เนื่องจากได้แรงหนุนสำคัญจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลก คือ สหรัฐฯผ่านงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านเหรียญ IMF คาดเศรษฐกิจโลกปี 2564 จะขยายตัวสูงสุดในรอบ 12 ปี 5.5% นับว่าเป็นการฟื้นตัวแบบ V-Shape โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนจะเติบโตสูงถึง 8.1% ในขณะที่แนวโน้มชัพพลายในตลาดโลกปีนี้จะเพิ่มขึ้นน้อยลง 5.8% จากปีก่อนที่เพิ่มขึ้น 6.5%
กำลังการผลิตใหม่ MOC 3.5 แสนตัน เข้ามาหนุนเพิ่มตั้งแต่ 2Q64
กำลังการผลิตใหม่ Olefin ของโรงงาน MOC 3.5 แสนตัน จะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในต้นไตรมาส 2Q64 ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 11.5% จากปัจจุบันโรงงาน MOC + ROC มีกำลังการผลิต 3.1 ล้านตัน ดังนั้นในปี 2564 ผลประกอบการปิโตรเคมีจะได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น และ สเปรดที่ดีขึ้น
แนวโน้มผลประกอบการ 2-3 ปีข้างหน้าจะเข้าสู่เฟสของการเติบโต
แนวโน้มผลประกอบการของ SCC คาดจะเข้าสู่แนวโน้มของการกลับมาเติบโตใหม่ ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนสูงในอีดต ปัจจุบัน และ อนาคต คือ 1.) ธุรกิจปิโตรเคมี ปี 2566 กำลังการผลิตจะเพิ่ม 70% จากปัจจุบัน หลังโรงงานปิโตรเคมีระดับเวิลด์คลาส LSP กำลังการผลิต 1.6 ล้านตัน ที่เวียดนามสร้างเสร็จ 2) ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร เงินจาก IPO ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท บวกด้วยเพดานหุ้นกู้อีก 4 หมื่นล้านบาท จะทำให้ 5 ปีข้างหน้าเติบโตเป็น 2 เท่า 3.) ธุรกิจปูนซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ขายสินค้าพร้อมบริการบวกด้วยโซลูซั่น เน้นลูกค้ารีเทลมากขึ้น เราคาดกำไรปี 2564 จะเติบโต 8.6% สู่ระดับ 37,075 ล้านบาท และ ปี 2565 จะเติบโตต่อ 5.1% สู่ระดับ 38,947 ล้านบาท
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web