- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 March 2021 22:31
- Hits: 16198
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 15-3-2021
INVESTMENT STRATEGY
Sideways :
จับตา COVID-19 ในประเทศ
วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways ประเมินแนวรับ 1,560 จุด และแนวต้าน 1,585 จุด เน้นหุ้นที่มีพัฒนาการบวกเฉพาะตัว โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “STANLY, M”
STANLY
คาดแนวโน้มผลประกอบการ งวด ม.ค.-มี.ค. 2564 จะยังฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง และจะยังฟื้นตัวดีต่อเนื่องในปี 2564/65 โดยคาดกำไรสุทธิทั้งปีที่ 1,548 ล้านบาท (+62%) อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังซื้อขายเพียง PBV 0.8 เท่า PE 8.6 เท่า และมีอัตราปันผลราว 4.6% ต่อปี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 212 บาท
M
คาดกำไรปี 64 ฟื้นตัวแรงสู่ระดับ 2.2พันล้านบาท (+143%YoY) จาก 1) ยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) เดือนม.ค.-มี.ค. ดีขึ้น MoM ทุกเดือน และคาดเดือนมี.ค.จะเริ่มเห็น SSSG เป็นบวก YoY เดือนแรก 2) แผนการขยายสาขา 28 สาขาในปีนี้ (ดีกว่าเดิม) และ 3) แหลมเจริญ กลับมาเติบโต
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 66 บาท
INVESTMENT THEME
กลับมาจับตา COVID-19 ในประเทศ
เศรษฐกิจ US ยังคงแข็งแกร่ง : วันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจตามการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการของผู้ผลิต ซึ่งถือว่าเป็นตัวบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อได้ดี โดยพบว่า PPI สหรัฐฯ เดือน ก.พ. ที่ 2.8%YoY เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.7% และมากกว่าคาดที่ 2.7%YoY ผสานการสำรวจล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน มี.ค. ขึ้นสู่ระดับ 83.0 จุด จากเดือนก่อนที่ 76.8 และดีกว่าคาดที่ 78.5 จุด บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัว
Bond Yield ยังเร่งตัวขึ้น : เศรษฐกิจขยายตัวหนุนเงินเฟ้อปรับตัวขึ้น และเร่งให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แกว่งขึ้นเช่นกัน โดยล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ10 ปี ดีดขึ้นสู่ระดับ 1.625% ทำจุดสูงสุดรอบ 1 ปี โดยสัปดาห์นี้ความผันผวนของ Bond Yield จะขึ้นกับการประชุม FOMC ในวันที่ 16-17 มีนาคม (รู้ผลเช้า 18 มีนาคม)
COVID-19 กลับมาเป็นปัจจัยต้องเฝ้าระวัง : สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า มีการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ คือ ย่านตลาดบางแค รวมถึงในต่างประเทศ เช่น อิตาลี ก็มีการประกาศ Lockdown หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นปัจจัยที่ยังคงต้องติดตามใกล้ชิด
SET
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์
1,568.19 -6.94
สรุปมูลค่าการซื้อขาย 12 มี.ค. 64
นักลงทุน สุทธิ
สถาบัน -255.06
บัญชี บล. -105.00
ต่างชาติ -777.81
ในประเทศ 1,137.81
MARKET SUMMARY
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET มีแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมือง หลังเกิดความไม่แน่นอนต่อวัคซีนแอสตราเซเนกา โดย SET ปิดที่ 1,568.19 (-6.94 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 8.4 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 1.02 แสนล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 778 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 255 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 1,089 สัญญา)
EYES ON
15 มี.ค. Empire Manufacturing, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน (ก.พ.)
16 มี.ค. ยอดค้าปลีก US (ก.พ.), ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม US (ก.พ.)
17 มี.ค. การประชุม FOMC, ยอดการสร้างบ้านใหม่ US (ก.พ.), ดัชนี CPI ยูโรโซน (ก.พ.)
18 มี.ค. ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US, ดุลการค้า ยูโรโซน (ม.ค.)
19 มี.ค. FTSE Rebalancing , ประชุม ศบค.ชุดใหญ่
AAPICO Hitech (AH)
1Q64 และปี 2564 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง
BUY
Share Price THB 19.80
12m Price Target THB 21.80 (+10%)
Previous Price Target THB 19.00
ประเด็นการลงทุน
AH จะฟื้นตัวได้ดีตามอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งปีนี้เราประเมินยอดผลิตรถยนต์ 1.7 ล้านคัน โต 19% AH ยังได้แรงหนุนเพิ่มจากลูกค้าหลัก คือ Isuzu มีการเติบโตดี ช่วยให้ผลประกอบการของ AH ใน 1Q64 และ 2564 จะอยู่ในเกณฑ์ดีต่อ เราปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 21.8 บาท บนฐานค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปี ประมาณ 9.5 เท่า เพิ่มจาก 19 บาท โดยการปันผลเป็นหุ้น 10ต่อ1 จะทำให้ราคาเป้าหมายลดลงเหลือ19.8บาทหลังXD เราอัพเกรดคำแนะนำเป็น TRADING BUY ในช่วงอ่อนตัว จากเดิม ถือ ซึ่งราคาหุ้นขึ้นมาตอบรับค่อนข้างมากแล้ว
กำไร4Q63ชะลอตัวลงจากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
AH ประกาศผลประกอบการ 4Q63 มีกำไรสุทธิที่ชะลอตัวลงเหลือ 157 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 48%QoQ แต่ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 742 ล้านบาท ถ้าหากตัดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 126 ล้านบาท จะมีกำไรปกติที่ฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนต่อ 268 ล้านบาท (+7%QoQ, -38%YoY) ยอดขาย 4Q63 มีการเติบโตดี 5,657 ล้านบาท (+21%QoQ, +8%YoY) ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ แต่อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงเหลือ 8.5% จาก 10% ในไตรมาสก่อน และ 10.9% ในปีก่อน รวมถึง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 397 ล้านบาท (+33%QoQ, +18%YoY)
ผู้บริหารมีมุมมองด้านบวกแนวโน้มผลประกอบการ
AH ได้จัดประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 มี.ค.) ผู้บริหารตั้งเป้าหมายยอดขายรวมในปีนี้จะฟื้นตัวดีขึ้นโต 15% ซึงมีการเติบโตทั้งสามตลาดหลัก คือ โปตุเกส จีน และ ไทย แรงหนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งในไทย และ ต่างประเทศ ปีนี้ AH จะใช้เงินลงทุนเล็กน้อยประมาณ 300-400 ล้านบาท ในขณะที่ AH มี EBITDA สูง1.4พันล้านบาทในปี2563 จะใช้กระแสเงินสดชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนหนี้ที่มีดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนจะลดลงเหลือใกล้1เท่าในปีนี้จากปีก่อน1.2เท่า ประเด็นการปรับขึ้นของราคาเหล็กจะไม่มีผลต่อAH เพราะมีการกำหนดราคาส่งมอบตามราคาเหล็กที่ซื้อ ประเด็นรถEVที่จะเกิดในอนาคต จะไม่ส่งผลกระทบเพราะชิ้นส่วนที่AHผลิตไม่เกี่ยวกับเครื่องยนต์
1Q64 ผลประกอบการจะยังเด่นต่อ ปี2564จะฟื้นตัวได้ดี
ผู้บริหารระบุจากคำสั่งซื้อปัจจุบัน แนวโน้มยอดขาย1Q64จะเติบโตทั้งจากไตรมาสก่อน และปีก่อน เราคาดกำไรปกติ1Q64จะยังเด่นต่อเนื่องประมาณ 250 ล้านบาท แนวโน้มปี2564 เราปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดผลิตรถยนต์เป็น1.7ล้านคัน โต19% จากคาดการณ์เดิม1.55ล้านคัน แต่ยังต่ำกว่าระดับปกติ 2 ล้านคัน ทำให้เราปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการของAHในทิศทางเดียวกัน ประเมินยอดขาย 20,435 ล้านบาท โต19% และ คาดจะมีกำไร 740 ล้านบาท โต 401%
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Thai Stanley El. (STANLY)
4Q63/64 จะฟื้นตัวดีต่อ อัพเกรด
BUY
Share Price THB 182.00
12m Price Target THB 212.00 (+16%)
Previous Price Target THB 182.00
ประเด็นการลงทุน
แนวโน้มผลประกอบการ STANLY ไตรมาส 4Q63/64 (งวด ม.ค.-มี.ค. 2564) จะยังฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และจะยังฟื้นตัวดีต่อเนื่องในปี 2564/65 (งวด เม.ย. 2564 – มี.ค. 2565) คาดกำไรสุทธิเท่ากับ 1,548 ล้านบาท โต 62% แต่ยังต่ำกว่าช่วงก่อน Covid-19 ที่มีกำไรเกือบ 2 พันล้านบาท ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 236 บาท เราประเมินราคาเป้าหมาย เท่ากับ 212 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 182 บาท จากประมาณการที่ปรับขึ้น และ เพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ จากเดิม ถือ
แนวโน้ม 4Q63/64 จะฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
แนวโน้มผลประกอบการ STANLY ไตรมาส 4Q63/64 (งวด ม.ค.-มี.ค. 2564) เบื้องต้นจะยังฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ยอดขายจะฟื้นตัวดีขึ้นต่อเล็กน้อยคาด 3,725 ล้านบาท (+2%QoQ, -5%YoY) แรงหนุน STANLY ได้รับคำสั่งซื้อ ไฟหน้า-ท้าย รถ Model ใหม่ต่อเนื่อง ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นต่อประมาณ 18.2% จากไตรมาสก่อน 17.5% และ คาดจะมีกำไรประมาณ 455 ล้านบาท ดีขึ้นต่อจากไตรมาสก่อน 6%QoQ แต่ยังต่ำกว่าปีก่อน 25% เนื่องจากฐานที่สูงในช่วงเดียวกันปีก่อน
ผลประกอบการปี2564/65จะฟื้นตัวได้ดี เพิ่มประมาณการ
แนวโน้มปี 2564 เราประเมินยอดผลิตรถยนต์เฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 1.4-1.5 แสนคัน หรือ คิดเป็น 1.7 ล้านคัน เติบโต 19% แต่ยังต่ำกว่าระดับปกติ 2 ล้านคัน STANLY ยังได้รับคำสั่งซื้อใหม่ ไฟหน้า-ท้าย ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Global Model เราปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการของ STANLY เราคาดยอดขายปี 2564/65 (เม.ย.64 - มี.ค. 2565) จะฟื้นตัวตามทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ 13,700 ล้านบาท โต 18% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,548 ล้านบาท โต 62% โดยผลประกอบการของ STANLY ยังต่ำกว่าช่วงก่อน Covid-19 ที่มียอดขาย 15,150 ล้านบาท และ มีกำไรเกือบ 2 พันล้านบาท
อัพเกรดคำแนะนำเป็น ซื้อ
STANLY มีเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้นสูงถึง 4.4 พันล้านบาท แม้ว่าในรอบเกือบสองปีจะใช้เงินลงทุนไปแล้ว 4.7 พันล้านบาท รองรับคำสั่งซื้อใหม่ โดยเฉพาะ Global Model ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 236 บาท เราประเมินราคาเป้าหมาย บนฐานค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปี ประมาณ 10.5 เท่า จะได้เท่ากับ 212 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 182 บาท จากประมาณการที่ปรับขึ้น เราเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ จากเดิม ถือ
ความเสี่ยง :แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในและต่างประเทศยังมีความไม่แน่นอน
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Bangkok Cml. Asset Mgmt. (BAM)
ฟื้นตัว….แต่การเติบโตยังต้องรอก่อน
BUY
Share Price THB 21.80
12m Price Target THB 22.70 (+8%)
Previous Price Target THB 22.70
ประเด็นการลงทุน
ผลประกอบ-เงินปันผล BAM ปีที่ผ่านมาได้ทำจุดต่ำสุดไปแล้ว การฟื้นตัวในปี 2564 จะเป็นปัจจัยที่หนุนราคาหุ้นใน 6-12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้กลยุทธ์การขายใหม่จะช่วยลดจุดคุ้มทุนอาจใช้เวลาที่จะเห็นผลลัพธ์ในช่วงกลาง-ปลายปี ประเมินยอดเก็บเงินสดจะใช้เวลาถึงปี 2566 ที่จะกลับไปเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงก่อน COVID-19 ระบาด ปรับคำแนะนำเป็น ซื้อเก็งกำไร บนภาพกำไรที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป คงราคาเหมาะสมเดิมที่ 22.70 บาท
เข้าสู่ปี 2564 ปีที่ดีขึ้น
ผลประกอบการปี 2563 ต่ำกว่าที่เราประเมินทั้งยอดเก็บเงินสด 1.3 หมื่นลบ. -33%YoY และกำไรสุทธิ 1,841 ลบ. -72%YoY การขาย NPL/NPA ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปิดของกรมบังคับคดีราว 3 เดือน และอุปสงค์ที่ชะลอลง ทั้งนี้เราเชื่อว่าในปี 2564 บริษัทมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากยอดจัดเก็บเงินสด 1.7 หมื่นลบ. +33%YoY อาจย่อตัวเล็กน้อยใน 1Q64 เบื้องต้นบริษัทประเมินไว้ 3.2 พันลบ. ทรงตัว YoY ,-20%QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลก่อนเร่งตัว QoQ ตลอดช่วงที่เหลือของปี ตามการทยอยปิดดีลใหญ่ในมือ
ปรับรูปแบบการขายเร่งยอดเก็บเงินสดโตเฉลี่ย 10% ใน 5 ปีข้างหน้า
บริษัทตั้งเป้าหมายระยะยาวขยายยอดเก็บเงินสด จาก 1.7 เป็น 2.4 หมื่นลบ.ในปี 2564-68 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย 10%YoY ด้วยกลยุทธ์ i) NPL เร่งกระบวนการปรับโครงสร้าง-เพิ่มฐานลูกค้าผ่อนจ่าย (TDR) สร้างฐานเงินสดเก็บ 140 ลบ./ด. และ ii) NPA จากกลยุทธ์ด้านราคาและปรับปรุงทรัพย์ให้พร้อมขาย รวมถึงการทำ JV รูปแบบใหม่ๆทั้งกับธนาคาร (ส่วนแบ่งจากการเก็บค่าบริหารNPL) และผู้ประกอบการอสังหาฯ (พัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์) สอดคล้องกับเป้าของบริษัท เราปรับประมาณการกำไรปี 2564-65 ลง 33-35% เหลือเท่ากับ 3,016/3,443 ลบ. ขยายตัว +64/+14%YoY ตามลำดับ
ปรับคำแนะนำเป็น ซื้อเก็งกำไร ราคาเหมาะสม 22.70 บาท/หุ้น
การประกาศจ่ายปันผลรอบล่าสุดเท่ากับ 0.5125 บ./หุ้น คิดเป็น Div.yield 2.3% (XD 6 พ.ค. ) น้อยกว่าที่เราและตลาดคาด กดดันราคาหุ้นระยะสั้น แม้จะมีการบันทึก DTA เข้ามาเป็นกำไรสะสม แต่ไม่มีการจ่ายปันผลเงินสดออกมาเพิ่มเติม (Payout 90%) ออกมาเพิ่มเติม แต่ทำให้ D/E ปัจจุบันลดลงเหลือ 2.16 เท่ารองรับการซื้อหนี้ใหม่ เราคงมูลค่าเหมาะสมที่ 22.70 บ./หุ้น อิง DDM (L/T DPS 1 บ./หุ้น,Yield 4.4%) เทียบเท่า 3-Yr Historical SET Div.yield +2SD แม้ปันผลในปีหน้าอาจยังต่ำกว่า 1 บ./หุ้น แต่เราคาดเห็นการจ่ายปันผลในปี 2564 ที่สูงขึ้นเป็น 0.84 บ./หุ้น หรือ Div yield 3.8% สนับสนุนราคามีโอกาสฟื้นตัวช่วงถัดไป
Thanatphat Suksrichavalit
(66) 2658 5000 ext 1401
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web