- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 31 October 2014 16:09
- Hits: 2467
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"พื้นที่แนวต้าน 1570-1580…ไม่ผ่านขายก่อน"
Top Picks-Fund Oct 2014 : Fundamental : CK, CPN, MINT, SYNTEC, TUF Dark Horse: MJD, TICON
Top Picks -Fund Today: TUF
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, BCP, BTS, BTSGIF, CSL, CPNRF, DCC, DELTA, DTAC, INTUCH, MK, MODERN, SPALI, TISCO, TMT, TFUND
Shot Sell-Prev : MCOT 75%, NOK 45%, CENTEL 27%, TCAP 15%, PSL 14%, KBANK 11%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1570,1580 ค่าลบ/หลุด 1540
SET50 ซื้อค่าบวก 1040-1050 ค่าลบ/หลุด 1025
Top Picks-Tech Today : NUSA, SAMART, TPOLY, CKP, EE, TUF, TMC, AKP
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้น 0.17% มาปิดที่ 1565.35 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะตลาดภูมิภาคหลายแห่งปรับตัวลดลงจาก Sell on fact หลังเฟดประกาศยุติโครงการ QE3 และตรึงดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกนาน อย่างไรก็ตาม แรงซื้อของนักลงทุนแต่ละกลุ่มไม่ได้หนาแน่นมาก ขณะที่นักลงทุนรายย่อยยังคงขายสุทธิต่อ สำหรับวันนี้ คาดว่าตลาดจะตอบรับกับตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3/57 ของสหรัฐ (ประมาณการครั้งแรก) ที่เติบโต 3.5% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.0% แต่ระยะทางของการปรับขึ้นอาจไม่มาก เพราะ DBS เห็นว่าในการเติบโตที่ดีกว่าคาดดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากการใช้จ่ายภาครัฐซึ่งค่อนข้างผันผวน (มักมีการ Revise ขึ้น/ลงอยู่บ่อยๆ) และอีกส่วนหนึ่งมาจากดุลการค้าที่ดีขึ้น ซึ่งอาจจะมีการ Revise อีกเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องจับตามองต่อไปในตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ส่วนในประเทศ ยังมีการเข้าซื้อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/57 บริษัทจดทะเบียนกันต่อ ซึ่งจะมีรายงานออกมาถึงกลางเดือนพ.ย.57 สำหรับการปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ของไทยปีนี้ลงเป็น 1.4% ของกระทรวงการคลัง คาดว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดไม่มาก เพราะมีการประเมินกันไว้ในระดับประมาณ 1.5%+/- อยู่แล้ว (คาดการณ์ของ DBS อยู่ที่ 1.6%) ส่วนปี 58 คาดว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นเป็น 4.1% ใกล้เคียงกับของ DBS ที่ทำไว้ หนุนโดยการใช้จ่าย & ลงทุนภาครัฐ และการฟื้นตัวของภาคส่งออก
สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น TUF
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นมากเป็นบวกเล็กๆ โดยมีพื้นที่แนวต้าน 1570, 1580 การอ่อนตัวของ SET ต่ำกว่า 1540 ดูไม่ดี ควร Stop loss หรือลดพอร์ตตาม หุ้นมีสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ New high ที่แนะนำให้ถือต่อ คือ APURE, LHBANK, GENCO, KAMART, PS, BH, PF, TPOLY, TRC, RS ส่วนหุ้นที่เข้ามาใหม่ ได้แก่ INET, ITD, BMCL, TMC หุ้นที่หลุด List -ไม่มี- สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ -ไม่มี-
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : GDP ไตรมาส 3/57 ประมาณการครั้งแรก +3.5% ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 3.0% ภาคแรงงานยังดี ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
+ ยูโรโซน : ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ & ผู้บริโภคต.ค.ปรับตัวดีขึ้น คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของภาคธุรกิจและผู้บริโภคในยูโรโซนเดือนต.ค.ปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนแตะ 100.7 จาก 99.9 ในเดือนก.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวลดลงแตะระดับ 99.7
- แต่...ยูโรโซนยังมีเงินเฟ้อที่ต่ำเกินไป ทั้งนี้ธนาคารกลางยุโรปกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ 2.00% แต่เงินเฟ้อของยูโรโซนปัจจุบันต่ำเพียง 0.3% บ่งชี้ว่าอุปสงค์และเศรษฐกิจยังซบเซาและต้องการแรงกระตุ้นต่อไป
+ DJIA ปิด +221.11 จุด (+1.30%) ตอบรับ GDP ไตรมาส 3/57 ที่เติบโตดีกว่าคาดและภาคแรงงานที่ยังมีแนวโน้มดี รวมทั้งคาดว่าการยุติ QE3 จะกระทบตลาดเงินและตลาดทุนไม่มาก เพราะปรับพอร์ตมาก่อนหน้านี้หลายเดือนแล้ว
- สัญญาน้ำมันดิบอ่อนตัว โดย WTI ส่งมอบธ.ค. -1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.12 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT -88 เซนต์ปิด 86.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ราคาทองคำดิ่งแรง สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบธ.ค. ลดลง 26.3 ดอลลาร์ หรือ -2.15% ปิดที่ 1198.6 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตดีกว่าคาดหนุนให้ค่าเงิน US$ แข็งขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
+ ไทย : กระทรวงการคลังปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ปี 57 ลงเหลือ 1.4% (เดิม 2.0%) สะท้อนการส่งออกที่จะเติบโตได้เพียง 0.1% และการเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังทำได้ไม่เต็มที่ ส่วนปี 58 คาดว่าจะเติบโตเป็น 4.1% หนุนโดยการลงทุนภาครัฐและการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น...เรื่องนี้ไม่ได้ Surprise ตลาด โดยเป็นสิ่งที่ประเมินกันอยู่แล้ว
/+ ธุรกิจโรงไฟฟ้า : ไทยจะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน กฟผ.เผยแผนพัฒนาธุรกิจโรงไฟฟ้าระยะ 10 ปีข้างหน้า ว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 8,744 เมกะวัตต์ โดยประมาณ 70% เป็นการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่และทดแทนที่หมดอายุ และอีก 30% เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและอื่นๆ เงินลงทุนจะมาจากการกู้ยืม 70% และอีก 30% เป็นทุนของกฟผ. ทั้งนี้จะเพิ่มสัดส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินจาก 18% ในปัจจุบันเป็น 30%
ความเห็น DBS Retail Research : ถ้าเป็นไปตามแผนของกฟผ. คาดว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาดจะเกิดขึ้นใหม่อีกหลายแห่ง (ที่เริ่มกล่าวถึงกัน เช่น โรงไฟฟ้า BLCP แห่งที่ 2, โรงไฟฟ้าใหม่ของกลุ่ม GLOW เป็นต้น) ทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินคุณภาพสูงจะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีในแง่ของปริมาณขายที่ดีขึ้น แม้ว่าราคาถ่านหินอาจยังไม่กระเตื้องมากนักเพราะเป็นไปตามตลาดโลก บริษัทที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ คือ BANPU เพราะมีเหมืองถ่านหินคุณภาพสูงในอินโดนีเซียและออสเตรเลีย ที่สามารถ Supply ให้กับโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จะเกิดขึ้นใหม่ในไทยได้
+ HMPRO : ปี 58 มีแผนขยายสาขา 9 แห่ง (ในประเทศ 8 แห่งและมาเลเซีย 1 แห่ง-ซึ่งเป็นสาขาที่ 2 ในมาเลเซีย) โดยในสิ้นปีนี้มีสาขาทั้งหมด 72 แห่ง บริษัทจะจัดงาน HMPRO Expo ในวันที่ 14-23 พ.ย.คาดว่าจะมียอดขายในงาน 650-700 ล้านบาท เพิ่มจาก 600 ล้านบาทในงานปี 56 โดยรวมเริ่มเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจ และไตรมาส 4 จะชัดเจนมากขึ้น ช่วง 9M57 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2.28 พันล้านบาท +6.7%YoY คาดว่าทั้งปี 57 กำไรสุทธิทรงถึงอ่อนเล็กน้อย แต่จะขยายตัวได้ 17-20% ในปี 58 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย IAA Consensus เท่ากับ 10.7 บาท (นักวิเคราะห์ 9 รายแนะนำซื้อ และ 3 รายแนะนำถือ)
นักกลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค[email protected]