- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 February 2021 16:30
- Hits: 9618
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 15-2-2021
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
SET
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์
1,508.35 -8.59
สรุปมูลค่าการซื้อขาย 11 ก.พ. 64
นักลงทุน สุทธิ
สถาบัน -4,172.97
บัญชี บล. 386.96
ต่างชาติ -4,344.38
ในประเทศ 8,130.39
MARKET SUMMARY
วันพฤหัสที่ผ่านมา SET ย่อตัวโดยปริมาณซื้อขายส่วนใหญ่อยู่ที่หุ้น OR ขณะที่หุ้นอื่นมีแรงขาย โดย SET ปิดที่ 1,508.35 (-8.59 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 1.06 แสนล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.5 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 4,344 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 4,173 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 8,921 สัญญา)
STOCK PICKS & TRADING IDEA
EPG (เริ่มคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 11.0 บาท) รายงานกำไร 3Q63/64 แข็งแกร่ง ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 431 ล้านบาท (+40%QoQ, +102%YoY) และคาดปี 64-65 จะเข้าสู่วงจรการเติบโตของธุรกิจทั้ง 3 ส่วน คือ AeroFlex, AeroKlas และ EPP ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด Forward PE 18.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลียที่ 19 เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอบแทน 3.8%
INVESTMENT THEME
อยู่บนความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ US : การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่น่าสนใจในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เดือน ก.พ. ซึ่งออกมาที่ระดับ 76.2 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 79 จุด และสวนจากตลาดที่คาดว่าจะปรับขึ้นสู่ระดับ 80.9 จุด ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน แต่อย่างไรก็ดีตลาดไม่ได้ตอบรับเชิงลบมากนัก เนื่องจาก ณ ปัจจุบันตลาดสินทรัพย์เสี่ยงยังอยู่บนความหวังของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของสหรัฐฯ ที่คาดจะออกมาได้ไม่เกินกลางเดือนมีนาคมนี้ ถือเป็นเม็ดเงินก้อนสำคัญที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นตัว อีกทั้งทางด้านการกระจายการฉีดวัคซีนของสหรัฐฯ ก็ถือว่าทำได้ดี โดยล่าสุดในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯมีการฉีดไปแล้วกว่า 26 ล้านโดส ซึ่งเป้าหมายของสหรัฐฯ คือ ต้องการฉีดให้ได้ 100 ล้านโดส ภายใน 100 วันแรกที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเข้ารับตำแหน่ง ดังนั้นยังถือเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น หรือ น้ำมัน ส่วนด้านปัจจัยในประเทศเช้านี้ แนะติดตามการรายงานดัชนี 4Q63GDP ของไทย ซึ่งตลาดคาดจะหดตัว -5.4%YoY ดีขึ้นจากไตรมาสที่แล้วที่ -6.4%YoY
Investment Strategy : วันนี้คาด SET ฟื้นตัว แนวรับ 1,500 จุด และแนวต้าน 1,530 จุด เน้นหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรขยายตัวเด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “EPG, PTTEP”
EYES ON
ปัจจัยต่างประเทศ :
-15 ก.พ. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม Eurozone, ดุลการค้า Eurozone
-17 ก.พ. ยอดค้าปลีกของ US, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม US, รายงานการประชุม FOMC รอบที่ผ่านมา, ดัชนี GDP 4Q63 ของ Eurozone
ปัจจัยในประเทศ :
-15 ก.พ. ดัชนี GDP 4Q63 ของไทย คาดที่ -5.4%YoY
-การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
SET
แนวรับ : 1500/1480
แนวต้าน : 1513/1530
Eastern Polymer Group (EPG)
ผู้นำนวัตกรรมแปรรูปโพลีเมอร์ระดับโลก
BUY
Share Price THB 8.60
12 m Price Target THB 11.00 (+28%)
Initiation
ประเด็นการลงทุน
EPG ดำเนินธุรกิจแปรรูปพลาสติกที่มีนวัตกรรมอันโดดเด่น และ มีความโดดเด่นในเชิงส่วนแบ่งการตลาดหรือเป็นผู้นำในแต่ละธุรกิจอย่างชัดเจน ผลประกอบการ 3Q63/64 เติบโตแรง ทำสถิติสูงสุด มีกำไร 431 ล้านบาท (+40%QoQ, +102%YoY) แนวโน้มปี 2564/65-2565/66 จะเข้าสูเฟสของการเติบโต ทั้งสามธุรกิจหลัก คือ AeroFlex, AeroKlas และ EPP เราคาดกำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ย 14%CAGR สู่ระดับ 1,476 ล้านบาท ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายP/Eปี2564/65 เท่ากับ 18เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 19เท่า EV/EBITDA 12.5เท่า มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 3.8% เราเริ่มต้นแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี DCF (WACC 8%, LTG 3%) ได้เท่ากับ 11 บาท
ผู้นำธุรกิจแปรรูปพลาสติกระดับเวิร์ดคลาส ที่มีนวัตกรรมอันโดดเด่น
EPG ดำเนินธุรกิจแปรรูปพลาสติกที่มีนวัตกรรมอันโดดเด่น คือ 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายฉนวนยางกันความร้อน/เย็น (AeroFlex) 2) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งรถยนต์ (AeroKlas) 3) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติก (EPP) มีความโดดเด่นในเชิงส่วนแบ่งการตลาดหรือเป็นผู้นำในแต่ละธุรกิจอย่างชัดเจน บริษัทมีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง 44%/34%/21% ตามลำดับ
ผลประกอบการ 3Q63/64 เติบโตแรง ทำสถิติสูงสุด
ผลประกอบการ 3Q63/64 (ต.ค. – ธ.ค. 2563) มีกำไรสุทธิที่สูงเด่นเท่ากับ 431 ล้านบาท (+40%QoQ, +102%YoY) ทำสถิติสูงสุดใหม่ ถ้าหากตัดรายการพิเศษต่างๆ จะมีกำไรปกติที่ยังสูงเด่นเท่ากับ 412 ล้านบาท จากการปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น 33.2% จาก 30.2% ในไตรมาสก่อน และ 29% ในปีก่อน และ ยอดขายที่กลับมาเติบโต 2,595 ล้านบาท (+11%QoQ, +7%YoY) แรงหนุนสำคัญจากธุรกิจ AeroKlas เสริมด้วย ธุรกิจ EPP ส่วน ธุรกิจ AeroFlex ชะลอตัว
แนวโน้มปี 2564/65-2565/66 จะเข้าสูเฟสของการเติบโต
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2564/65 – 2565/66 เราคาดจะเข้าสู่เฟสของการเติบโต โดยจะมีการเติบโตทั้งสามธุรกิจหลัก AeroFlex, AeroKlas และ EPP เราคาด ยอดขายจะเติบโตเฉลี่ย 3%CAGR อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นจาก 29.1% ในปี 2562/63 สู่ระดับ 31.7%-31.9% ในปี 2564/65-2565/66 และ กำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ย 14%CAGR สู่ระดับ 1,476 ล้านบาท
ความเสี่ยง : ภาวะผันผวนของราคาวัตถุดิบ / อุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ / การบอกเลิกสัญญาของคู่ค้า / อัตราแลกเปลี่ยน
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Siam City Cement (SCCC)
กำไร 4Q63 และปันผลเด่นมากกว่าคาด
BUY
Share Price THB 144.00
12 m Price Target THB 180.00 (+25%)
Previous Price Target THB 180.00
Initiation
ประเด็นการลงทุน
EPG ดำเนินธุรกิจแปรรูปพลาสติกที่มีนวัตกรรมอันโดดเด่น และ มีความโดดเด่นในเชิงส่วนแบ่งการตลาดหรือเป็นผู้นำในแต่ละธุรกิจอย่างชัดเจน ผลประกอบการ 3Q63/64 เติบโตแรง ทำสถิติสูงสุด มีกำไร 431 ล้านบาท (+40%QoQ, +102%YoY) แนวโน้มปี 2564/65-2565/66 จะเข้าสูเฟสของการเติบโต ทั้งสามธุรกิจหลัก คือ AeroFlex, AeroKlas และ EPP เราคาดกำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ย 14%CAGR สู่ระดับ 1,476 ล้านบาท ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายP/Eปี2564/65 เท่ากับ 18เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 19เท่า EV/EBITDA 12.5เท่า มีอัตราเงินปันผลตอบแทน 3.8% เราเริ่มต้นแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี DCF (WACC 8%, LTG 3%) ได้เท่ากับ 11 บาท
ผู้นำธุรกิจแปรรูปพลาสติกระดับเวิร์ดคลาส ที่มีนวัตกรรมอันโดดเด่น
EPG ดำเนินธุรกิจแปรรูปพลาสติกที่มีนวัตกรรมอันโดดเด่น คือ 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายฉนวนยางกันความร้อน/เย็น (AeroFlex) 2) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ชิ้นส่วนและตกแต่งรถยนต์ (AeroKlas) 3) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติก (EPP) มีความโดดเด่นในเชิงส่วนแบ่งการตลาดหรือเป็นผู้นำในแต่ละธุรกิจอย่างชัดเจน บริษัทมีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง 44%/34%/21% ตามลำดับ
ผลประกอบการ 3Q63/64 เติบโตแรง ทำสถิติสูงสุด
ผลประกอบการ 3Q63/64 (ต.ค. – ธ.ค. 2563) มีกำไรสุทธิที่สูงเด่นเท่ากับ 431 ล้านบาท (+40%QoQ, +102%YoY) ทำสถิติสูงสุดใหม่ ถ้าหากตัดรายการพิเศษต่างๆ จะมีกำไรปกติที่ยังสูงเด่นเท่ากับ 412 ล้านบาท จากการปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น 33.2% จาก 30.2% ในไตรมาสก่อน และ 29% ในปีก่อน และ ยอดขายที่กลับมาเติบโต 2,595 ล้านบาท (+11%QoQ, +7%YoY) แรงหนุนสำคัญจากธุรกิจ AeroKlas เสริมด้วย ธุรกิจ EPP ส่วน ธุรกิจ AeroFlex ชะลอตัว
แนวโน้มปี 2564/65-2565/66 จะเข้าสูเฟสของการเติบโต
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2564/65 – 2565/66 เราคาดจะเข้าสู่เฟสของการเติบโต โดยจะมีการเติบโตทั้งสามธุรกิจหลัก AeroFlex, AeroKlas และ EPP เราคาด ยอดขายจะเติบโตเฉลี่ย 3%CAGR อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นจาก 29.1% ในปี 2562/63 สู่ระดับ 31.7%-31.9% ในปี 2564/65-2565/66 และ กำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ย 14%CAGR สู่ระดับ 1,476 ล้านบาท
ความเสี่ยง : ภาวะผันผวนของราคาวัตถุดิบ / อุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ / การบอกเลิกสัญญาของคู่ค้า / อัตราแลกเปลี่ยน
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
Siam Global House (GLOBAL)
กำไรจะกลับมาแข็งแกร่งตั้งแต่ 1Q64
T-BUY
Share Price THB 20.20
12m Price Target THB 21.80 (+8%)
Previous Price Target THB 19.50
ประเด็นการลงทุน
แม้กำไร 4Q63 ต่ำกว่าคาด แต่แนวโน้มกำไร 1Q64 เติบโตแข็งแกร่งจาก SSSG ซึ่งคาดจะฟื้นเป็นบวกหลังจากติดลบ 5 ไตรมาสติดต่อกัน อีกทั้งอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand และได้ผลบวกจากราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้นมาก เราปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้นสะท้อนแนวโน้ม SSSG ดีกว่าคาด กำไรปีนี้คาดว่าจะเติบโต 27% และเป็นระดับกำไรสูงสุดใหม่ แนะนำ Trading Buy โดยปรับเป้าหมาย (DCF) เพิ่มขึ้นเป็น 21.80 บาท จากเดิม 19.50 บาท
กำไร 4Q63 ต่ำกว่าคาดจากการปรับงบการเงิน
กำไรสุทธิ 4Q63 ลดลง 17% QoQ และ 36% YoY เป็น 378 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราคาด 16% เนื่องจากการปรับงบการเงินตามมาตรฐานบัญชี TFRS15 ซึ่งกระทบต่อการบันทึกรายได้จาก Rebate อย่างไรก็ดี ยอดขายเพิ่มขึ้น 7% QoQ และ 2% YoY จากการเปิดสาขาใหม่ 5 แห่งในปี 2563 โดย SSSG 4Q63 อยู่ที่ -3.4% ซึ่งดีขึ้นจาก -5.7% ใน 3Q63 โดยรวมแล้วกำไรสุทธิปี 2563 ลดลง 7% เป็น 1,956 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบจากการปิดสาขาในช่วงล็อกดาวน์ GLOBAL ประกาศปันผลเป็นหุ้น อัตรา 22 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล และจ่ายเงินปันผล 0.185 บาท/หุ้น (XD 24 ก.พ.)
กำไรจะกลับมาแข็งแกร่งใน 1Q64
เราคาดว่ากำไร 1Q64 กลับมาแข็งแกร่ง และมีโอกาสทำ New high เนื่องจากเข้าสู่ไฮซีซันหลังฤดูเก็บเกี่ยว และสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าวราคาเพิ่มขึ้น ทำให้ SSSG เดือน ม.ค. เป็นบวกเกือบ 10% โดยเราคาดว่า SSSG ใน 1Q64 จะเป็นบวกในเกณฑ์ดีเทียบกับฐานต่ำใน 1Q63 ที่ -7% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าเพิ่มขึ้นจากการทำโปรโมชั่นน้อยลง ได้ประโยชน์จากราคาเหล็กในเดือน ม.ค.-ก.พ. ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยยะ
ปรับเพิ่มประมาณการสะท้อน SSSG ดีกว่าคาด
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ 7% จากแนวโน้ม SSSG ฟื้นตัวได้ดีกว่าคาด โดยประเมินว่ายอดขายปีนี้เติบโต 12% ภายใต้สมมติฐาน SSSG 5% และเปิดสาขาใหม่ 6 สาขา คาดอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และเพิ่มสัดส่วนสินค้า House brand เป็น 21% จากประมาณ 20% ในปี 2563 ส่งผลให้กำไรปีนี้เติบโต 27% YoY เป็น 2,487 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรสูงสุดใหม่
ความเสี่ยง: ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ / เลื่อนเปิดสาขา / โควิด-19 ระบาดมากขึ้น
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
Airports of Thailand (AOT TB)
เผชิญความท้าทายในระยะสั้น
BUY
Share Price THB 63.25
12m Price Target THB 72.00 (+14%)
Previous Price Target THB 72.00
เปลี่ยนคำแนะนำเป็น ซื้อ คงราคาเป้าหมายที่ 72
เราคงราคาเป้าหมายและประมาณการกำไร หลังจากราคาหุ้นที่ตกลง เราเปลี่ยนคำแนะนำเป็นซื้อ ผลประกอบการไตรมาส 1QFY21 นั้นถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิดระลอกสอง และจากการเปลี่ยนมาตรฐานบัญชีเป็น TFRS16 ที่มีผลให้รายจ่ายมากขึ้นประมาณปีละ 3,400 ล้านบาท (ค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ย ที่อยู่ในประมาณการแล้ว) อย่างไรก็ตามถึงแม้ผลประกอบการจะขาดทุนมากขึ้น 29% QoQ เป็น 3,400 ล้านบาท ใน 1QFY21, การขาดทุน EBITDA น้อยลงเป็น 1,600 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 2,200 ล้านบาทในไตรมาสก่อน เนื่องจากการบินที่กระเตื้องขึ้นช่วงในไฮซีซั่นของปี เรามองว่าตอนนี้เป็นโอกาสอันดีในการซื้อหุ้นที่มีการเติบโตที่ดีในระยะยาว และจะได้รับผลดีเมื่อมีวัคซีนในในครึ่งปีหลังของปีนี้
2QFY21 ยังท้าทายอยู่ คาดหวังการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ในครึ่งปีหลัง
เพราะการระบาดระลอกสองของโควิด เราคาดว่าผลประกอบการในไตรมาสนี้คือ 2QFY21 จะยังอยู่ในช่วงเผชิญความท้าทายอยู่ อย่างไรก็ดีการเดินทางในประเทศในผ่านจุดต่ำสุดในเดือนมกราคมแล้ว และฟื้นตัวอย่างช้าๆ ในเดือนกุมภาพันธุ์ เราคาดว่าจะมีวัคซีนใช้อย่างแพร่หลายในครึ่งหลังของปี ดังนั้นการเดินทางจะเริ่มฟื้นตัว ดังนั้นเราประมาณว่า AOT จะมีกำไรใน FY22 ด้วยกำไร 15.2 พันล้าน เป็นการพลิกฟื้นจากการขาดทุน 8.5 พันล้านบาทใน FY21.
กำไรเด่นใน FY23 จากการรายได้พื้นที่เช่าสินค้าปลอดภาษี
เราเชื่อว่าตลาดได้มองเลยการขาดทุนใน FY21 ไปแล้ว และคาดหวังไปถึงการฟื้นตัวเต็มที่ใน FY23 ด้วยกำไรปกติ 31.1 พันล้านบาทที่สูงกว่ากำไรในปี 2019 ที่ 24.4 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้จากคิงพาวเวอร์ที่เพิ่มขึ้นเป็น 21.3 พันล้าน (จากพื้นที่ขายที่เพิ่มขึ้น 7,000 ตารางเมตร) ซึ่งจะเติบโตขึ้นเป็นอย่างมากจากจำนวนผู้โดยสารต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น เราคาดหวังว่าจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้น 48% YoY ใน FY23 เป็น 87 ล้านคน ประมาณเท่ากับปี FY19 ก่อนโควิด
ใช้วิธี DCF ซื้อขายที่ 29 เท่าของกำไร FY23
เราใช้ DCF (WCC6%, G 3%) เราชอบ AOT เพราะการเป็นผู้ประกอบการหลักในธุรกิจสนามบินซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ดีในระยะยาว ถึงแม้จะเผชิญความท้าทายในระยะสั้น ความเสี่ยงหลักคือการฟื้นตัวช้าจากโควิดที่ช้ากว่าที่คิด
Yuwanee Prommaporn
(66) 2658 5000 ext 1393
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web