- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 31 October 2014 15:35
- Hits: 2257
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
คาดกรอบบวกยังจำกัด และใกล้ที่จะปรับตัวลงใหม่ จึงเน้นถือเงินสดต่อ!
กลยุทธ์ : ในรอบ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET รีบาวด์กลับขึ้นมาได้พอควรแล้ว ขณะที่ช่วงนี้ถือว่ายังไม่ได้มีปัจจัยบวกใหม่ๆ ที่ชัดเจนเข้ามาหนุนตลาด และค่าเงินบาทก็ยังอยู่ในช่วงอ่อนค่าต่อเนื่องด้วย ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีโอกาสที่จะกลับไปปรับพักฐานลงต่อได้อีกครั้งในเร็วๆ นี้ ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้เน้นขายช่วงบวก แล้วถือเงินสดไว้ก่อน เพื่อรอจังหวะซื้อใหม่เมื่อดัชนีไหลลงต่ำ ซึ่งเราคาดว่า ระดับดัชนีที่น่าสนใจเลือกหุ้นเข้าซื้อยังอยู่ที่ 1500 จุดหรือหลุดต่ำกว่าลงไปมากกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : AJD, E , TPIPL(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นยุโรปสามารถพลิกกลับมาปิดเป็นบวกได้ดีอีกครั้ง หลังในช่วงต้นชั่วโมงปรับตัวลงกันค่อนข้างแรง ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐปิดเป็นบวกถึงกว่า 1% ขานรับรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2014 ของสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด ถึงแม้ว่าจะชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนก็ตาม ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดทำการด้วยการขยับบวกขึ้นก่อนอีกครั้ง อย่างไรก็ตามกรอบการบวกขึ้นของตลาดเอเชียยังไม่ได้กว้างมากนัก และในช่วง 2 วันที่ผ่านมา SET ก็เริ่มมีแรงขายออกมากดดัน จนทำให้ดัชนีหุ้นไทยมีลักษณะแกว่งตัวผันผวน และขยับขึ้นได้ในกรอบจำกัดมากขึ้นด้วย ดังนั้นถ้ายังไม่ได้มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมอีก FSS ก็ยังคาดว่า SET มีสิทธิที่จะแกว่งตัวผันผวนต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะเริ่มกลับไปปรับตัวย้อนลงอีกครั้งในเร็วๆ นี้ได้ เราจึงยังแนะนำให้เน้นขายทำกำไรช่วงบวกเช่นเดิม และเน้นถือเงินสดไว้ก่อน เพื่อรอเลือกหุ้นเข้าซื้อใหม่เมื่อ SET กลับไปปรับตัวลงในช่วงถัดไป
แนวรับ 1560-1557 , 1552-1548 จุด แนวต้าน 1566-1570 , 1574 จุด
Fund Flow วานนี้ไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ในปริมาณที่เบาบาง โดยซื้อในตลาดหุ้นไต้หวัน US$208.3 ล้าน อินโดนีเซีย US$21.1 ล้าน เวียดนาม US$5.3 ล้านและ ไทย US$4.1 ล้าน แต่ขายตลาดเกาหลีใต้ US$36.6 ล้านและฟิลิปปินส์ US$2.4 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อย Flow น่าจะเบาบางต่อหลัง GDP สหรัฐออกมาดีกว่าคาด
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) SPA เริ่มซื้อขายวันนี้ บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป เป็นผู้ให้บริการสปาเพื่อสุขภาพมานานกว่า 15 ปี และธุรกิจเกี่ยวเนื่องคือ จำหน่ายผลิตภัณฑ์สปา และธุรกิจโรงแรมกับร้านอาหารที่เชียงใหม่ ปัจจุบันสปาของบริษัทมี 13 สาขาในกรุงเทพและเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด ลูกค้าประมาณ 80% เป็นชาวต่างชาติ ผลการดำเนินงานจึงแปรผันตามภาวะการท่องเที่ยว กำไรในอดีตที่ผ่านมาเติบโตสูงจาก 1 ล้านบาทในปี 2011 เป็น 57 ล้านบาทในปี 2013 แต่ลดลงเหลือ 6 ล้านบาทใน 1H14 จากผลกระทบทางการเมือง เราคาดว่ากำไรทั้งปีนี้จะทำได้ 32 ล้านบาท -44% Y-Y แต่จะเร่งตัวขึ้นเป็น 71 ล้านบาท +122% Y-Y ในปี 2015 ประเมินมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานปี 2015 ที่ 2.36 บาท (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ SPA)
(+) MINT เราคาดกำไรปกติ 3Q14 เติบโตต่อเนื่อง +39% Q-Q, +8% Y-Y จากทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจ แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q14 ต่อเนื่อง 1Q15 จะยิ่งเติบโตโดดเด่นเพราะเป็น High season ของธุรกิจท่องเที่ยว เรายังคงคาดกำไรปกติปี 2014-15 เติบโต 21.8% ต่อปีเท่ากันทั้ง 2 ปี ยังคงแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสมปี 2015 ที่ 42 บาท
(0) TVO เราคาดกำไรสุทธิ 3Q13 จะอ่อนตัวลง 46% Q-Q เป็นระดับต่ำสุดของปีนี้ จากราคาถั่วเหลืองเฉลี่ยในไตรมาสนี้ที่อ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วถึง 25% Q-Q แต่กำไรยังเพิ่มขึ้น 21% Y-Y จากฐานต่ำในปีก่อน แต่คาดว่ากำไรจะกลับมาฟื้นตัวใน 4Q14 เพราะราคาถั่วเหลืองที่กลับมาสูงขึ้นค่อนข้างเร็ว แต่แนวโน้มราคาถั่วเหลืองในปีหน้ายังไม่สดใสนักจากคาดการณ์ปริมาณผลผลิตถั่วเหลืองโลกที่จะสูงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ เรายังคงคาดกำไรสุทธิปี 2014-15 โต 75% Y-Y และ 8.3% Y-Y ตามลำดับ คงราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 29 บาท ด้วย upside ที่เปิดกว้างมากและ PE ที่ถูกเพียง 10 เท่า จึงยังแนะนำซื้อ
(+) PTTEP รายงานกำไรสุทธิดีกว่าคาดเพราะมีกำไรจากการทำ Oil Hedging หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรจากการดำเนินงานปกติใกล้เคียงคาด -19% Q-Q, -22% Y-Y จากราคาขายปิโตรเลียมเฉลี่ยลดลงและมีค่าใช้จ่ายในการสำรวจปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2014-15 ที่คาดโต 11% Y-Y และ 4% Y-Y ตามลำดับ และคงราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 167 บาท ราคาหุ้นปรับลงมาจนมี upside กว่า 10% และมี PE เพียง 9.8 เท่า จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากเดิมถือ
(-) GLOW รายงานกำไรสุทธิตามคาด -17% Q-Q (รายได้จากการขายไฟฟ้าให้กฟผ. ลดลงสู่ปกติ จาก 2Q14 ที่กฟผ.สั่งให้เดินเครื่องมากกว่าปกติ), +20% Y-Y (ค่าใช้จ่ายในการหยุดซ่อมบำรุงเครื่องจักรน้อยกว่าปีก่อน) เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2014-15 ลง 4-5% ทำให้กำไรปีนี้โต 35% Y-Y และปีหน้าโตเพียง 1% Y-Y เพราะไม่มีการขยายกำลังการผลิต เราปรับคำแนะนำเป็นขาย จากเดิมถือ ราคาหุ้นเต็มมูลค่าปีหน้าที่ 95 บาทแล้ว
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดโดยได้รับปัจจัยบวกจากรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้พอสมควร
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดปิดในแดนบวกได้ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนจากโดยนักลงทุนยังครุ่นคิดว่า FED จะดำเนินนโยบายการเงินอย่างไรในอนาคต
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวในแดนบวกจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใสหลังตัวเลข GDP ไตรมาส 3 สหรัฐฯออกมาดีกว่าคาด ส่วนประเด็นที่ต้องจับตาวันนี้คือนโยบายการเงินของ BoJ
ค่าเงินบาทเริ่มมีจังหวะแกว่งทรงตัวได้บ้างแต่แนวโน้มยังอยู่ทางฝั่งอ่อนค่า ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 32.43-32.60 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลง 1.08 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 81.12 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ยังมีกระแสคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยที่กลุ่ม OPEC จะลดกำลังการผลิตลงในการประชุมเดือน พ.ย. นี้
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลง 26.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,198.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐฯออกมาดีเกินคาด ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น รวมถึงนักลงทุนลดการถือครอบสินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
31 ต.ค. - ไทย: ธปท.รายงานเศรษฐกิจเดือน ก.ย., SPA เทรดวันแรก (ราคาIPO 1.70 บาท)
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- ไต้หวัน: 3Q14 GDP
1 พ.ย. - จีน: Manufacturing PMI (ต.ค.)
3 พ.ย. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ต.ค.), BA เทรดวันแรก (ราคา IPO 25บาท)
- จีน: Non-manufacturing PMI (ต.ค.)
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Manufacturing PMI (ต.ค.)
5 พ.ย. - ไทย: กนง.ประชุม
- จีน: HSBC China Composite PMI (ต.ค.)
6 พ.ย. - ไทย: BRR เทรดวันแรก (ราคา 6.80 บาท)
12-13 พ.ย. - ASEAN Summit
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
