WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 9-2-2021May

กลยุทธ์การลงทุนรายวัน

SET

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์

1,516.43   +19.82

สรุปมูลค่าการซื้อขาย

นักลงทุน            สุทธิ

สถาบัน               -489.54

บัญชี บล.         1,344.38

ต่างชาติ           4,186.25

ในประเทศ     -5,041.08

MATKET SUMMARY

วานนี้ SET ปรับตัวขึ้นโดดเด่น ขานรับความคาดหวังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว โดย SET ปิดที่ 1,516.43 (+19.82 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.4 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.9 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย4,186ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 489 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 1,182 สัญญา)

STOCK PICKS & TRADINGIDEA

SCGP (ราคาเป้าหมาย 55 บาท) ราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ในอาเซียนปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป็น 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน สูงสุดในรอบสองปี ในขณะที่ต้นทุนเศษกระดาษปรับตัวขึ้นช้ากว่า ส่งผลให้สเปรดเพิ่มขึ้นเป็น 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน คาดหนุนผลประกอบการในไตรมาสแรกเติบโตดีขึ้นต่อเนื่อง

INVESTMENT THEME

แกว่งขึ้นบนความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ : ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงยังคงมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องท่ามกลางความคาดหวังของเศรษฐกิจโลกที่จะฟื้นตัวขึ้นในช่วงถัดไป ปัจจัยสนับสนุนจากการกระจายวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งจะส่งผลให้อัตราการติดเชื้อลดลง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังจากทั่วโลกที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยวานนี้ทางด้านนางเจนเนต เยนเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กล่าวถึงภาคแรงงานสหรัฐฯจะสามารถกลับไปสู่การจ้างงานอย่างเต็มที่ได้ในปี 2022 ถ้ามีการผ่านกฎหมายการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เพียงพอ ส่วนด้านตลาดน้ำมันก็มีการตอบรับเชิงบวกต่อพัฒนาการของเศรษฐกิจโลกเช่นเดียวกัน โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์วานนี้ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 60 เหรียญต่อดอลล่าร์ ถือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี และหากพิจารณา Brent Forward Curve พบว่าอยู่ในรูปของ Backwardation บ่งชี้ถึงความต้องการน้ำมันดิบโลกในระยะสั้นยังค่อนข้างแข็งแกร่ง เป็นอีกสัญญาณที่สะท้อนภาพเศรษฐกิจโลกมีทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนสำหรับปัจจัยในประเทศวันนี้ จะมีการประชุม ครม. คาดจะมีการหารือเกี่ยวกับโครงการในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น โครงการ ม.33 เรารักกัน ถือเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนภาคการบริโภคในระยะสั้น

Investment Strategy : วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น แนวรับ 1,508 จุด และแนวต้าน 1,530 จุด เน้นหุ้นที่อิงเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “SCGP, PTT”

EYES ON

ปัจจัยต่างประเทศ :

-10 ก.พ. ดัชนี CPI ของจีน และ US

-11 ก.พ. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US

-12 ก.พ. ดัชนีความเชื่อมั่น US จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ปัจจัยในประเทศ :

-การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

SET

แนวรับ : 1508/1500

แนวต้าน : 1528/1560

Tata Steel (Thailand) (TSTH)

ราคาเหล็กเส้นม.ค.-ก.พ.ขึ้นแรง ช่วยหนุน

T-BUY

Share Price           THB 0.63

12m Price Target     THB 0.75 (+19%)

Previous Price Target THB 0.55

ประเด็นการลงทุน

ราคาเหล็กเส้นเดือน ม.ค.-ก.พ. พุ่งขึ้นแรง จะหนุนกำไร 4Q63/64 สูงเด่นถึง 300-400 ล้านบาท สถานการณ์อุตสาหกรรมเหล็กดีขึ้น หลังเหล็กจีนออกมาตีตลาดลดลงมาก จะหนุนผลประกอบการดีขึ้น เราประเมินราคาเป้าหมาย อิงกับ ค่าเฉลี่ย 10 ปี Forward P/BV – 1SD = 0.65x จะได้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 0.75 บาท เพิ่มจากเดิม 0.55 บาท (อิงกับ P/BV - 2SD = 0.55x) เราเพิ่มเกรดคำแนะนำเป็น TRADING BUY ระยะสั้น (จากเดิมขาย) โดยอุตสาหกรรมเหล็กคาดยังมีความผันผวนและเสี่ยงสูง  

ราคาเหล็กเส้นเดือน ม.ค.-ก.พ. ปรับขึ้นแรง

จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ เดือน ม.ค. 64 ราคาเหล็กเส้น SD40 ขนาด 16มม. ปรับเพิ่มขึ้นแรงเป็น 20,567 บาท/ตัน เพิ่มขึ้น 24%QoQ จากราคาเฉลี่ยใน 4Q63 เท่ากับ 16,622 บาท/ตัน จากการสอบถามเอเย่นต์ของ TSTH พบว่าราคาขายเหล็กเส้นขนาด SD-40T 16มม. ต้นเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นเป็น 20,400 บาท/ตัน เทียบกับเดือน ม.ค. 20,300 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากราคาขายเฉลี่ยของ TSTH ในไตรมาสก่อนเท่ากับ 23%QoQ ส่วนต้นทุนเศษเหล็กเฉลี่ยเดือน ม.ค. ก็ปรับขึ้นเป็น 12,200 บาท/ตัน เพิ่มขึ้น 15%QoQ การปรับเพิ่มขึ้นของราคาเหล็ก ได้แรงหนุนสำคัญจากจีนลดการส่งออกเหล็ก และ ความต้องการเหล็กที่สูงขึ้นในจีน และ ในไทย  

คาด4Q63/64กำไรจะฟื้นตัวแรง 300-400 ล้านบาท

ผู้บริหาร TSTH ประเมินปริมาณขายเหล็กปี 2563/64 (เม.ย.63-มี.ค.64) เท่ากับ 1.29-1.3 ล้านตัน เติบโต 8% เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิม 1.22-1.23 ล้านตัน หลังจากความต้องการใช้เหล็กทั้งในและต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างมาก ในช่วงปลายปีก่อนต่อเนื่องถึงต้นปี 2564 ดังนั้น ปริมาณขายใน 4Q63/64 (ม.ค.-มี.ค.64) เราคาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 363,000 ตัน (+11%QoQ, +13%YoY) เราคาดราคาขายเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 บาท/ตัน (+21%QoQ, +24%YoY) ในขณะที่ TSTH มีสต็อก ณ สิ้นเดือน ธ.ค. ประมาณ 2.7 พันล้านบาท หรือ เท่ากับ ยอดขาย 1.5 เดือน ดังนั้นเบื้องต้นคาดกำไร 4Q63/64 จะสูงถึง 300-400 ล้านบาท (+854%QoQ, +256%YoY)  

สถานการณ์อุตสาหกรรมเหล็กดีขึ้น เหล็กจีนส่งออกน้อยลงมาก

ผู้บริหาร TSTH ประเมินความต้องการเหล็กในตลาดปี 2564 จะเติบโตมากกว่า 10% เพิ่มเป็น 18-19 ล้านตัน แรงหนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล จะเป็นปัจจัยบวกช่วยหนุนยอดขายของ TSTH ปี 2564/65 เติบโตต่อ โดยเฉพาะสถานการณ์เหล็กจากจีนที่เข้ามาตีตลาดในไทยลดลงมาก จากความต้องการที่สูงในจีน หนุนราคาปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งราคาเหล็กเส้นในจีนปรับขึ้นแรงและมีราคาใกล้เคียงกับราคาในไทย เราปรับประมาณการเพิ่มขึ้น คาดกำไรปี 2563/64 เท่ากับ 579 ล้านบาท พุ่งขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรเพียง 48 ล้านบาท และ ปี 2564/65 เท่ากับ 632 ล้านบาท โต 9%

Surachai Pramualcharoenkit

[email protected]

(66) 2658 6300 ext 1470

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!