- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 February 2021 23:08
- Hits: 13377
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 8-2-2021
|
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
SET
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์
1,496.61 +13.63
สรุปมูลค่าการซื้อขาย 5 ก.พ. 64
นักลงทุน สุทธิ
สถาบัน 1,671.29
บัญชี บล. -42.55
ต่างชาติ 181.86
ในประเทศ -1,810.60
MARKET SUMMARY
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET ฟื้นตัวตามตลาดภูมิภาคท่ามกลางความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย SET ปิดที่ 1,496.61 (+13.63 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 7.9 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.8 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 182 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 1,671 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 7,008 สัญญา)
STOCK PICKS & TRADING IDEA
JMART (เริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 31.50 บาท) คาดกำไรปี 64 ที่ 1,081 ล้านบาท (+28%YoY) เดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ จากทั้งบริษัทลูก (JMT, SINGER) ที่เติบโตยังแข็งแกร่ง ผสานกับการจับมือกับ KB Kookmin Card ที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทั้งฐานทุน และการเดินหน้าธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล
INVESTMENT THEME
เศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัว กระตุ้นแรงเก็งสินทรัพย์เสี่ยง : ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้น ขานรับการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจทั้งภาคการผลิต ภาคบริการ รวมถึงภาคแรงงานของหลายประเทศที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดประเมินไว้ บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยหนุนต่อโอกาสในการปรับประมาณการของ GDP โลกเพิ่มขึ้นในช่วงถัดไป ผสานกับมาตรการทางด้านการคลังทั่วโลกที่พยายามช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ เช่น อินเดียอนุมัติงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่ (IVL เป็นผู้ผลิต PET อันดับ 2 ของอินเดีย), มาตรการกระตุ้นของ US (American Rescue Plan) วงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญ ที่คาดจะช่วยเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ รวมถึงการฉีดวัคซีนทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้น คาดจะช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อในช่วงถัดไป และจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในบางประเทศที่ปิดลงชั่วคราว สามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้ง ดังนั้นด้วยภาพดังกล่าว เป็นบทสรุปว่า หุ้นที่อิงกับภาพรวมเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เช่น กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี จะมีแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้น
Investment Strategy : วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น แนวรับ 1,480 จุด และแนวต้าน 1,515 จุด เน้นหุ้นคาดกำไรปี 2564 ขยายตัวเด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “JMART, IVL”
EYES ON
ปัจจัยต่างประเทศ :
-10 ก.พ. ดัชนี CPI ของจีน และ US
-11 ก.พ. ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ US
-12 ก.พ. ดัชนีความเชื่อมั่น US จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศ :
-การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
SET
แนวรับ : 1492/1480
แนวต้าน : 1500/1513
Bangkok Bank (BBL TB)
กำไรเติบโตสูง
BUY
Share Price THB 123.00
12m Price Target THB 160.00 (+30%)
Previous Price Target THB 150.00
EPS โตแกร่ง Valuation น่าสนใจ ซื้อ เพิ่ม TP เป็น 160 บาท
คาดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานและต้นทุนเครดิตปี 2564 ลดลงเทียบกับปีก่อน เนื่องจาก BBL บันทึกตั้งสำรองล่วงหน้าและค่าใช้จ่ายการรวมธนาคารครั้งเดียว 4 พันล้านบาทในปี 2563 เราปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปี 64-65 ขึ้น 5-7% เพื่อสะท้อนเป้าหมายทางการเงินใหม่ คาดว่าผลประกอบการจะเพิ่มขึ้น 61% และ 16% ในปีนี้และปีหน้า คงคำแนะนำ ซื้อและเพิ่ม TP เป็น 160 บาท (P / BV ปี 64 ที่ 0.65 เท่า, ROE 7.8%) จาก 150 บาท หุ้นซื้อขายที่ P / BV 0.5 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 2SD ความเสี่ยงที่สำคัญคือ NIM ต่ำกว่าคาดและการเสื่อมคุณภาพของสินทรัพย์
คาดสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 3-4% ในปี 64
เราได้เข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์กับคุณชาติศิริ ประธาน BBL เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา BBL ตั้งเป้ารายได้สินเชื่อและค่าธรรมเนียมเติบโต 3-4% ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ 1-2% ในปี 64 การเติบโตของสินเชื่อคาดขับเคลื่อนโดยสินเชื่อองค์กร (3-4%) และการปล่อยสินเชื่อในต่างประเทศ (4-5%) ธนาคารคาดว่า NIM จะลดลงเหลือ 2.10% ในปี 64 จาก 2.25% ในปี 63 โดยอิงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% ในปีนี้ ทั้งนี้ NIM ของ BBL ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นเนื่องจากเน้นปล่อยสินเชื่อองค์กรที่ให้ผลตอบแทนต่ำ (60% ของสินเชื่อทั้งหมด) นอกจากนี้ ธนาคารยังมีอัตราส่วนเงินกู้ต่อเงินฝากต่ำที่ 84% (เทียบกับ 93-95%) ณ สิ้นปี 63
อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้และต้นทุนด้านเครดิตลดลง
BBL ตั้งเป้าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (CIR) ลดลงมาที่ 50-52% ในปี 64 จาก 55% ในปี 63 เนื่องจากผลกระทบฐานที่สูงจากค่าใช้จ่ายในการรวมธุรกิจกับธนาคาร Permata ในปี 63 ผู้บริหารตั้งเป้าหมายที่จะลด CIR ของ Permata จาก 60% ในปี 63 เป็น 55% ภายในปี 66 ธนาคารคงงบประมาณการลงทุนด้านไอทีที่ 5-6 พันล้านบาทต่อปี BBL คาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพจะเติบโต 50-60bps YoY เป็น 4.5% ในปีนี้ และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) จะลดลง YoY เป็น 2.2 หมื่นล้านบาท (จาก 3.1 – 3.2 หมื่นล้านบาท ในปี 62-63) ซึ่งหมายถึงต้นทุนสินเชื่อ 92bps ในปีนี้เทียบกับ 141-156bps ในสองปีที่ผ่านมา
เพิ่มคาดการณ์กำไรปี 64-65 ขึ้น 5-7%
แม้ว่าเราจะปรับลดสมมติฐาน NIM ลง แต่เราได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 64-65 เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินใหม่ที่มุ่งลดต้นทุนสินเชื่อและอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลง เราคิดแบบอนุรักษ์นิยม คาดว่า ECL จะอยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาทหรือต้นทุนเครดิต 100bps ในปี 64 ผู้บริหารย้ำว่าธนาคารมีสัดส่วนเงินกู้ภายใต้มาตรการผ่อนปรนต่อสินเชื่อรวมต่ำกว่าธนาคารอื่น และคาดมีเพียง 1% ของสินเชื่อทั้งหมดจะมีโอกาสเป็น NPL
Jesada Techahusdin, CFA
(66) 2658 6300 ext 1395
GFPT PCL (GFPT)
อัตรากำไรชะลอตัว
HOLD
Share Price THB 12.30
12m Price Target THB 13.00 (+6%)
Previous Price Target THB 13.00
ประเด็นการลงทุน
คาดว่ากำไร 4Q63 อยู่ในเกณฑ์ดีและมีรายได้พิเศษจากประกันภัย แต่งบ 1Q64 จะถูกผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงขึ้น และการส่งออกชะลอตัวตามการบริโภคที่ลดลงในญี่ปุ่นและปัญหาการขนส่งไปยุโรป อีกทั้ง GFPT อยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนสายการผลิตไก่ปรุงสุกซึ่งจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงกลางปีนี้ แม้แนวโน้มผลประกอบการจะฟื้นตัวใน 2Q64 จากฐานต่ำ แต่กำไรของปีนี้คาดว่าเติบโตเพียง 4% เราคงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 13 บาท (PE 13 เท่า อิง PER เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)
คาดกำไรปกติ 4Q63 อยู่ในเกณฑ์ดี
คาดกำไรปกติลดลง 9% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 25% YoY เป็น 312 ล้านบาท เนื่องจากอัตรากำไรเพิ่มขึ้น YoY จากการมีสต็อควัตถุดิบราคาต่ำ เราคาดว่ากำไรสุทธิมากกว่า 400 ล้านบาทจากการบันทึกค่าสินไหมประกันภัย 100-150 ล้านบาท แต่รายได้คาดจะลดลง 11% YoY จากปริมาณส่งออกลดลง เนื่องจากกำลังการผลิตลดลง และการส่งออกไปยุโรปประสบปัญหาคอนเทนเนอร์ขาดแคลน การส่งออกไปญี่ปุ่น Demand ลดลงจากโควิด-19 ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดว่าลดลง 10% YoY เราประเมินเงินปันผลปี 63 เท่ากับ 0.24 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 1.9%
แนวโน้มชะลอตัวใน 1Q64 จากต้นทุนสูงขึ้น
ราคาไก่ทรงตัวที่ 32 บาท/กก. โดยบริษัทคาดว่าราคาไก่ปีนี้จะเพิ่มเป็น 34-35 บาท/กก. เนื่องจาก Cost push ตามราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกากถั่วเหลืองซึ่งคาดว่าจะเริ่มส่งผลกระทบใน 1H64 อีกทั้งภัยแล้งอาจกระทบต่อปริมาณการปลูกข้าวโพดทำให้ราคาเพิ่มขึ้น แต่ GFPT มีการปรับสูตรอาหารสัตว์ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้นได้ส่วนหนึ่ง แนวโน้มกำไร 1Q64 ลดลงทั้ง QoQ และ YoY จากต้นทุนสูงขึ้น เป็นโลว์ซีซั่น และอยู่ในช่วงปรับสายการผลิตไก่แปรรูป อีกทั้งการส่งออกไปจีนอาจมีความล่าช้า เนื่องจากสินค้าต้องรอการตรวจสอบที่ท่าเรือ และการส่งออกไปยุโรปยังมีปัญหาการขนส่ง อย่างไรก็ดี GFN จะได้ผลบวกจากราคาโครงไก่เพิ่มขึ้นมาที่ 15-16 บาท/กก. ตาม Demand เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะต่างจังหวัดซึ่งกำลังซื้อลดลง
กำลังการผลิตทยอยเพิ่มขึ้น
การติดตั้งเครื่องจักรใน 2 สายการผลิตใหม่เสร็จแล้ว (แทนส่วนที่ไฟไหม้เมื่อ 4Q62) และกำลังเปลี่ยนเครื่องจักรอีก 3 สายผลิต คาดจะเสร็จปลาย 2Q64 – ต้น 3Q64 ทำให้กำลังการผลิตไก่แปรรูปเพิ่มเป็น 2,500-3,000 ตัน/เดือน (จากเดิม 2,000 ตัน/เดือน) คาดว่าปริมาณส่งออกไก่เพิ่มขึ้น 3-5% ในปีนี้ ส่วนผลกระทบจาก Brexit ยังต้องติดตามว่าปริมาณส่งออกจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่อาจได้ผลบวกจากการเสียภาษีลดลง
ความเสี่ยง: Oversupply ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่ม การส่งออกลดลง ขยายกำลังผลิตล่าช้า
Suttatip Peerasub
(66) 2658 6300 ext 1430
Jay Mart (JMART)
อาจุมม่าดีเด่น 2564
BUY
Share Price THB 24.90
12m Price Target THB 31.50 (+29%)
ประเด็นการลงทุน
JMART ได้ก้าวผ่านจากร้านมือถือสู่เป็นบริษัทแม่มาแรงในเครือธุรกิจการเงินซึ่งคิดเป็น 80% ของกำไร การปรับโครงสร้างเป็นบริษัทนักลงทุน (Investment Holding Company) สร้างเติบโตแบบ J-Curve ทีครบวงจรตั้งแต่ต้น-ปลายน้ำในธุรกิจพาณิชย์-การเงิน (ขายสินค้า-ปล่อยหนี้-บริหารหนี้) ที่ Synergy กัน เราเห็นความน่าสนใจใน 3 แง่มุม i) กำไรที่เดินหน้าทำสถิติใหม่ ii) กลยุทธ์การเติบโตบนตลาดที่ใหญ่กว่ามาต่อยอด S-Curve ใหม่ และ iii) Valuation ที่ยังต่ำกว่ามูลค่าแท้จริง ขณะที่ยังมีหลายบริษัทในเครือที่รอปลดล็อคการเติบโตเป็น Upside risk ต่อประมาณการในอนาคต
จากร้านมือถือสู่ผู้เล่นกลุ่มการเงินที่เดินหน้าทำ All time high
กำไรสุทธิของบริษัทจะยังสร้างสถิติใหม่อีกครั้งได้ใน 12-24 เดือนข้างหน้า จากส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นทั้ง i) 53% จาก JMT ที่กำไรสุทธิ +32%YoY ยอดจัดเก็บเงินสดและพอร์ตหนี้ด้อยคุณภาพยังขยายตัวตาม NPL ในระบบที่ยังเป็นขาขึ้น ii) 16% จาก SINGER ที่เทิร์นอะราวด์จากการปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อด้วยเทคโนโลยีติดตามลูกหนี้และกลยุทธ์ที่ถูกต้องในธุรกิจจำนำทะเบียนฯ เดินหน้าขยายสินเชื่อแบบไตรมาส-ไตรมาส เติบโตได้ต่อจากการขยายแฟรนไชส์ในธุรกิจเช่าซื้อ (HP) หนุนกำไรสุทธิปีนี้ +32%YoY ขณะธุรกิจมือถือ-J เริ่มสร้างฐานกำไรได้ 50-150 ลบ./ปี จากการปรับลดต้นทุนคงที่ และกลับมาเติบโตจากปีก่อน ประเมินกำไรสุทธิปี 2564 ของ JMART เท่ากับ 1,081 ลบ. +28%YoY
JFintech ดาวรุ่งดวงใหม่เฉิดฉายปีนี้
การจับมือกับ KB Kookmin Card จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของ Jfintech (KBJ) ในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลทั้งในด้านแหล่งเงินทุน-ต้นทุนการเงินที่ต่ำ-เทคโนโลยี จาก i) พอร์ตสินเชื่อขยับจาก 3.5 เป็น 5 พันลบ. ภายในสิ้นปี +47%YoY ปลดล็อคหลังทรงตัวมาตลอด 2 ปี ไม่มีข้อจำกัดด้านทุนอีกต่อไป ii) NIM ขยายตัวขึ้นจาก 18% เป็น 20% ขึ้นจากต้นทุนดอกเบี้ยลดลง 150 bps iii) การตั้งสำรองลดลง ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น %NPL 5% ลดลงมาใกล้เคียงอุตสาหกรรม ทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 177 ลบ. +75%YoY และ CAGR +55% ในสามปีข้างหน้าก่อนเข้าสู่ธุรกิจบัตรเครดิต
เริ่มต้นคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 31.50 บาท
ราหามูลค่าของบริษัทด้วยวิธี SOTP จากการประเมินบริษัทในเครือตามสัดส่วนที่ถือหุ้น และให้ส่วนลด 10% (JMT+SINGER+Mobile+J+KBJ : 20.3+4.8+3.5+1.5+1.2 บ./หุ้น) คิดเป็น P/E’64 27 เท่า ใกล้เคียงกับการเติบโตของกำไรในปีนี้ที่+28%YoY แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี 33 เท่า เรายังเห็น Upside risk บนมูลค่าของ JVC ที่เป็น Tech Company หากสำเร็จในการพัฒนา Platform จะส่งผลต่อมูลค่าบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
Thanatphat Suksrichavalit
(66) 2658 5000 ext 1401
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web