- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 02 February 2021 12:12
- Hits: 11627
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 2-2-2021
2 กุมภาพันธ์ 2564 / กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
SET
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์
1,478.05 +11.07
สรุปข้อมูลการซื้อขาย
นักลงทุน สุทธิ
สถาบัน 768.06
บัญชี บล. 530.36
ต่างชาติ -2,854.54
ในประเทศ 1,556.12
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET แกว่งขึ้น ตามตลาดภูมิภาค โดยมีแรงซื้อกลับหลังจากปรับฐานในช่วงก่อนหน้า โดย SET ปิดที่ 1,478.05 (+11.07 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 7.8 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 9.6 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 2,855 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 768 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 4,111 สัญญา)
STOCK PICKS & TRADING IDEA
NRF (ราคาเป้าหมาย 8.3 บาท) คาดกำไรปกติ 4Q63 ทำ All Time High ที่ 82 ลบ.(+486%YoY, +11%QoQ) จากทั้งธุรกิจ Ethnic food และ Plant-based food ที่แข็งแกร่ง และคาดโมเมนตัมกำไรจะทำ ATH ต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 ไตรมาสใน 1Q64-2Q64 ด้วยดีลการซื้อและร่วมทุนในบริษัทที่ได้ทำสัญญาไว้แล้ว และประเมินการเติบโต 3 ปีข้างหน้าที่ 44% CAGR ในขณะที่ปัจจุบันเทรดเพียง PEG 0.7 เท่า
INVESTMENT THEME
ภาคการผลิตสหรัฐขยายตัว 9 เดือนติดต่อกัน : วานนี้ภาพรวมดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจของประเทศสำคัญหลายแห่งออกมาดีกว่าคาด นำโดย 1) ดัชนี PMI ภาคการผลิตของ US เดือน ม.ค. ที่ 59.2 จุด ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 59.1 ซึ่งถือเป็นการขยายตัวขึ้นต่อเนื่อง 9 เดือนติดต่อกัน 2) ดัชนี PMI ภาคการผลิตของ Eurozone เดือน ม.ค. ที่ 54.8 จุด ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 54.7 จุด โดยรวมจึงสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการผลิตของสหรัฐฯ และ Eurozone ออกมาดีกว่าที่คาด ส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น หนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐ +0.7% รวมทั้งตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นราว +2% คาดจะช่วยเพิ่มจิตวิทยาบวกต่อการลงทุนในวันนี้ ส่วนในช่วงถัดไปแนะจับตาการออกนโยบายทางการคลังทั่วโลกเพื่อเป็นปัจจัยกระตุ้นอีกแรงหนึ่งต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ผสานกับจับตาการทยอยฉีดวัคซีนทั่วโลก ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยปลดล็อคภาวะความกังวลต่อการแพร่ระบาด COVID-19 ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจวันนี้แนะติดตาม การรายงาน 4Q63 GDP ของยูโรโซน โดยตลาดคาดที่ -0.9%QoQ
Investment Strategy : วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น แนวรับ 1,465 จุด และแนวต้าน 1,490 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “NRF, PTTGC”
EYES ON
ปัจจัยต่างประเทศ
-2 ก.พ. ดัชนี 4Q63 GDP ของยูโรโซน
-3 ก.พ. PMI & ISM ภาคบริการของ US, Eurozone (ม.ค.), ดัชนี Caixin PMI ภาคการผลิตและบริการของจีน (ม.ค.), การจ้างงาน US ภาคเอกชน
ปัจจัยในประเทศ :
-3 ก.พ. การประชุม กนง.
-5 ก.พ. ดัชนี CPI (ม.ค.)
-การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
SET
แนวรับ : 1460/1430
แนวต้าน : 1490/1500
PTT Exploration & Production (PTTEP)
ในที่สุดก็ M&A จนได้
BUY
Share Price THB 106.50
12m Price Target THB 120.00 (+13%)
Previous Price Target THB 115.00
เกิดดีลที่สำคัญ หุ้นเล่นรอบ Commodity cycle
เรายังคงมุมมองบวกต่อ PTTEP นอกจากธีมเน้นหุ้นกลุ่มวัฎจักรและ commodity cycle (ยังขาดการลงทุนเชิงโครงสร้าง) ที่ส่งผลให้หุ้นน่าสนใจแล้ว การถือหุ้น 20% (USD2.1b) ล่าสุดของ PTTEP ในบล็อก 61 ของโอมานยังถือเป็นปัจจัยบวก ส่วนเรื่องควบรวมกิจการถือว่าไม่เซอร์ไพรส์ เพราะจะทำให้ PTTEP สามารถใช้เงินสดส่วนเกินได้ในขณะที่เพิ่มโปรไฟล์การผลิต ซึ่งการควบรวมกิจการกับโอมานล่าสุดจะช่วยเพิ่มรายได้ ระดมทุนเองได้ มีความเสี่ยงต่ำและจะรับรู้กระแสเงินสดทันที ทั้งนี้ M&A กำลังรอการอนุมัติตามกฎข้อบังคับ คงคำแนะนำ ซื้อ เพิ่ม TP เป็น 120 บาท (P / E ปี 64 ที่ 18 เท่า, 1SD ของเฉลี่ย 10 ปี) จากราคาก๊าซที่สูงขึ้นในปี 64 การควบรวมกิจการถือเป็นอัพไซด์ต่อผลประกอบการ
กำไรหลักไตรมาส 4/63 ประคองตัว รายการพิเศษพุ่งกระฉูด
NPAT 4Q63 อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท (-65% QoQ และ -79% YoY) จากค่าใช้จ่ายที่ไม่เกิดขึ้นประจำเป็นจำนวนมาก (การด้อยค่าสินทรัพย์ 44 ล้านเหรียญสหรัฐใน Yetagun Myanmmar จากการปรับปรุงการผลิต ขาดทุน 38 ล้านเหรียญสหรัฐจากการป้องกันความเสี่ยง) ผลประกอบการต่ำกว่าประมาณการของเราและตลาด 36% และ 47% กำไรที่เกิดขึ้นประจำลดลง 14% QoQ ปริมาณขาย 4Q63 เพิ่มขึ้น 11% QoQ เป็น 381KBOED จากปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้นสำหรับมาเลเซียและ Partex แต่ ASP ลดลง 5% QoQ เหลือ 36.85 เหรียญสหรัฐ / BOE จากราคาก๊าซที่ลดลง 9% เป็น 5.6 เหรียญสหรัฐ/mmbtu ต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 1.46 เหรียญสหรัฐ / BOE QoQ เป็น 31 เหรียญสหรัฐ / BOE จากการดำเนินงานที่สูงขึ้น (ปริมาณที่เพิ่มขึ้น) และค่าใช้จ่าย SG&A (ค่าที่ปรึกษามืออาชีพ) ดุลเงินสดสุทธิในปี 63 ยังคงอยู่ในระดับดีที่ 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมี D / E ที่ 0.33 เท่า ปันผลปี 63 อยู่ที่ 70%
ปรับเพิ่ม EPS ปี 64 ขึ้น 5% จากราคาก๊าซที่สูงขึ้น
เราเพิ่มคาดการณ์ EPS ปี 64 ขึ้น 5% เพื่อสะท้อนราคาก๊าซที่คาดสูงขึ้นที่ 5.7 เหรียญสหรัฐ / mmbtu เทียบกับ 5.5 เหรียญสหรัฐ / mmbtu (ก่อนหน้า) จากการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในครึ่งปีหลัง 63 โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 55 เหรียญสหรัฐ / บาร์เรล ผู้บริหารคาดราคาก๊าซปี 65 จะอยู่ที่ 5.5 เหรียญสหรัฐ / mmbtu จากการปรับราคาก๊าซของโครงการ Contract 4 และ MTJDA ปริมาณขายปี 64 จะเพิ่มขึ้น 6% YoY เป็น 375KBOED โดยมีต้นทุนต่อหน่วยระหว่าง 29-30 เหรียญสหรัฐ / BOE มาเลเซียยังคงให้ความสำคัญกับกิจกรรมการสำรวจในปี 64 คาดว่าปิโตรเลียมจากโครงการ SK410B ของ Lang Lebah จะเห็นผลลัพธ์ภายในไตรมาส 1/64
M&A กับโอมาน พร้อมเจรจากับเชฟรอน
PTTEP จะเข้าถือหุ้น 20% ใน BP (เดิม 60%) ในบล็อก 61 ซึ่งรัฐบาลโอมานและปิโตรนาสถือหุ้น 30% และ 10% ยังรอการอนุมัติ เราจึงยังไม่ได้ปรับโมเดลของเรา ผู้บริหารประมาณการ IRR 10-15% การผลิตก๊าซจากบล็อก 61 คิดเป็น 35% ของการผลิตทั้งหมดของโอมาน โครงการนี้มีความเสี่ยงต่ำเนื่องจากรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการและ GSA ในระยะยาวได้รับการประกันโดยมีภาระผูกพันในการรับหรือจ่าย ก๊าซส่วนใหญ่จะตอบสนองความต้องการสำหรับการส่งออก LNG โครงการนี้จะเพิ่มปริมาณขายของ PTTEP ในปี 64-66 ได้ 10% แต่ราคาก๊าซถ่วงน้ำหนักจะลดลงตามราคาก๊าซ 4 เหรียญสหรัฐ /mmbtu แหล่งก๊าซนี้ผลิตคอนเดนเสท 65KBOED และการขึ้นราคาก๊าซประจำปี ถือเป็นอัพไซด์ จำนวนเงินสูงสุดต่อปีคือ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ การเจรจากับเชฟรอนในการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกใน G1 / เอราวัณยังไม่สามารถสรุปได้ เป้าหมายเดิมคือภายในกลางปี 64 แต่อาจพลาดได้ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการผลิตโดยรวมในปี 64
Kaushal Ladha, CFA
(66) 2658 5000 ext 1392
M.C.S. Steel (MCS)
4Q63 จะชะลอตัว แต่ปี 63 โตเด่น 64 โตต่อ
BUY
Share Price THB 15.20
12m Price Target THB 18.50 (+22%)
Previous Price Target THB 17.00
ประเด็นการลงทุน
คาดกำไรปกติ 4Q63 จะชะลอตัวเหลือ 205 ล้านบาท (-29%QoQ, -7%YoY) แต่รวมปี 2563 จะมีกำไรที่โตเด่น 936 ล้านบาท (+54%YoY) แนวโน้มปี 2564 จะเติบโตต่อเนื่อง คาดกำไร 1,031 ล้านบาท (+10%YoY) จากการส่งมอบงานประเภท S-Grade กำลังเตรียมทยอยประกาศงานใหม่อีก 7-8 หมื่นตัน ซึ่งจะรับรู้ในปี 2565-66 หุ้นซื้อขาย P/E ต่ำ และ ปันผลดี เราคงแนะนำ ซื้อ แต่แนะนำรอจังหวะช่วงอ่อนตัว จากกำไร 4Q63 จะชะลอตัว เพิ่มเป้าหมายเป็น 18.5 บาท จาก 17 บาท
คาดกำไรปกติ 4Q63 จะชะลอตัวเหลือ 205 ล้านบาท (-29%QoQ, -7%YoY)
ปริมาณส่งมอบเหล็กโครงสร้างไปญี่ปุ่นใน 4Q63 คาดจะชะลอตัวเหลือประมาณ 10,000 ตัน (-47%QoQ, -45%YoY) เนื่องจากการโหลดของลงเรือมีความล่าช้า ทำให้มูลค่ายอดขายจะลดลงเหลือประมาณ 820 ล้านบาท (-39%QoQ, -17%YoY) แต่จากการรับรู้โครงการ Toranormon Azabudai และ Toranomon 1,2 chome มากขึ้นทำให้อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 41.7% จาก 40.4% ในไตรมาสก่อน และ 40.5% ในปีก่อน รวมแล้วคาดกำไรปกติ 4Q63จะชะลอตัวเหลือ 205 ล้านบาท (-29%QoQ, -7%YoY) สำหรับปี 2563 จะเป็นปีที่มีกำไรเด่นสูงถึง 936 ล้านบาท โต 54%YoY
แนวโน้มปี 2564 คาดจะเติบโตต่อ ปรับประมาณการเพิ่มขึ้น
ณ สิ้นปี 2563 MCS จะเหลือ Backlog ประมาณ 7 หมื่นตัน ทั้งนี้ MCS เตรียมจะประกาศโครงการใหม่ๆ ใน 1Q64 อีก 2 โครงการ โครงการแรก 30,000 ตัน และ โครงการที่สอง 15,000 ตัน ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 2565-2566 และ ยังมีอีก 2-3 โครงการกำลังเจรจารวมประมาณ 2.5-3.5 หมื่นตัน ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 2565-2566 เช่นกัน เป็นงานประเภท S-Grade ซึ่งมีกำไรดีจากราคาขายมากกว่า 250,000 เยน/ตัน แนวโน้มปี 2564 จะรับรู้โครงการ Toranormon Azabudai และ Toranomon 1,2 chome อย่างเต็มที่มากขึ้น และ เป็นงานประเภท S-Grade ซึ่งมีกำไรดี เราปรับประมาณกำไรปี 2564 เพิ่มขึ้นอีก คาดจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,031 ล้านบาท โต 10%
หุ้นซื้อขาย P/E ต่ำ และ ปันผลดี
ราคาหุ้น MCS แม้ว่าจะปรับขึ้นจากต้นปี 17% ปัจจุบันยังซื้อขายด้วย Valuation ที่ถูก P/E ปี2564 เท่ากับ 7.0 เท่า เงินปันผลตอบแทน 7.8% เราคงแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 เท่ากับ 18.5 บาท บนฐาน Average P/E - 0.5*SD เท่ากับ 8.6 เท่า ซึ่งปรับขึ้นจาก 17 บาท จากประมาณการที่ปรับขึ้น
ความเสี่ยง : ภาวะการสร้างตึกสูงในประเทศญี่ปุ่น / ค่าเงินเยนเทียบกับบาท
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web