- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 30 October 2014 16:55
- Hits: 1634
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ซื้อตามค่าบวกหรืออ่อนตัวแต่ไม่หลุด 1540"
Top Picks-Fund Oct 2014 : Fundamental : CK, CPN, MINT, SYNTEC, TUF Dark Horse: MJD, TICON
Top Picks -Fund Today: SVI
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, BCP, BTS, BTSGIF, CSL, CPNRF, DCC, DELTA, DTAC, INTUCH, MK, MODERN, SPALI, TISCO, TMT, TFUND
Shot Sell-Prev : BCP 21%, TCAP 20%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ
Support Resistance Stop loss
SET ซื้อค่าบวก 1570,1580 ค่าลบ/หลุด 1540
SET50 ซื้อค่าบวก 1040-1050 ค่าลบ/หลุด 1020
Top Picks-Tech Today : TRC, LH, SVI, DELTA, EE, TUF, BH, GRAND
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยบวกต่อ 6.14 จุด ปิดที่ 1562.67 โดยมีการ Take Profit ในระหว่างวันบ้าง แต่ดัชนียังสามารถยืนเหนือ 1560 จุดได้ นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 992 ล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิต่อ 1.8 พันล้านบาท พอร์ตบล.ก็ซื้อสุทธิเช่นกัน 428 ล้านบาท รายย่อยจึงเป็นกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิ ส่วนวันนี้ผลประชุม FOMC ออกมาตามคาด (ยุติโครงการซื้อพันธบัตร หรือ QE3 และให้คำมั่นว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นประวัติการณ์ไว้นานขึ้น เพื่อหนุนการฟื้นตัวและเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ) ตลาดหุ้นต่างประเทศตอบรับเรื่องนี้ด้วยการ Sell on fact เล็กๆ หลังจากผลประชุมเฟดออกมาจริง ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็มีโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้นด้วย อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดยังมีปัจจัยหนุนจาก 1) การเข้าซื้อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/57 และแนวโน้มที่คาดว่าจะเติบโตดีขึ้นในปี 58, 2) รมว.คลังไทยเตรียมออก 15-16 มาตรการกระตุ้นการลงทุนรอบใหม่ภายในเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งเป็นบวกกับแบงค์ใหญ่ กลุ่มรับเหมา & วัสดุก่อสร้าง (หุ้นเด่น KTB, KBANK, CK, STEC, SCC) และ 3) การแข็งค่าของเงิน US$ ทำให้เงินบาทอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า ซึ่งเป็นบวกกับกลุ่มส่งออก (หุ้นเด่น คือ GFPT, TUF, KCE, SVI) สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น SVI
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นมากเป็นบวกเล็กๆ โดยมีพื้นที่แนวต้าน 1570, 1580 การอ่อนตัวของ SET ต่ำกว่า 1540 ดูไม่ดี ควร Stop loss หรือลดพอร์ตตาม ดังนั้นในการเข้าซื้อใหม่จึงเน้นซื้อตามด้วยค่าบวก หุ้นมีสัญญาณบวกทางเทคนิคและมีโอกาสทำ New high ที่แนะนำให้ถือต่อ คือ APURE, LHBANK, GENCO, KAMART, PS ส่วนหุ้นที่เข้ามาใหม่ ได้แก่ BH, PF, TPOLY, TRC, RS หุ้นที่หลุด List -ไม่มี- สำหรับหุ้นที่แนะนำไปแล้วและอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ BEAUTY, CSS, DNA, AIRA
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : เฟดยุติ QE3+ตรึงดอกเบี้ยต่ำต่อ ที่คณะกรรมการ FOMC (28-29 ต.ค.57) ประกาศยุติโครงการซื้อพันธบัตร หรือ QE3 ที่ดำเนินมากว่า 6 ปี และจะตรึงดอกเบี้ยต่ำต่อเป็นเวลานานขึ้น เพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นับเป็นไปตามคาดการณ์ของ DBS Group Research ซึ่งเราคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างน้อยถึงไตรมาส 3/57
คาดผลกระทบจากการสิ้นสุดโครงการ QE3 ไม่มาก เนื่องจากมีการคาดการณ์ล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้ว และนักลงทุนในตลาดเงินและตลาดทุนก็ได้ปรับพอร์ตโฟลิโอให้สอดคล้องกับสถานการณ์นี้มาโดยตลอด
สหรัฐ : ติดตามตัวเลขประมาณการ GDP ไตรมาส 3/57 ครั้งแรก คืนนี้ (30 ต.ค.57) ตามเวลาไทย
- ตลาดหุ้นสหรัฐปิดอ่อนลงจากแรงขายทำกำไร โดย DJIA -0.18% และ S&P 500 ปิด -0.14% อย่างไรก็ตาม ดัชนีอ่อนลงไม่มากและยังมีโอกาสที่จะขยับขึ้นอีกถ้าผลประกอบการบจ.ออกมาดีกว่าคาด ทั้งนี้หุ้นใน S&P 500 ได้รายงานกำไรไตรมาสล่าสุดออกมาแล้ว 57% โดย 75.3% มีรายได้ดีกว่าคาดการณ์นักวิเคราะห์ และ 59.1% มีกำไรสุทธิสูงกว่าที่คาด
+ VIX S&P 500 ล่าสุดลดลงเป็น 15.15% จากระดับสูงสุดของรอบปีและรอบ 29 เดือนที่ 25.27% ในช่วงกลางเดือนต.ค.57 ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นสหรัฐดีขึ้น ทั้งนี้ VIX ต่ำสุดในรอบ 1 ปีอยู่ที่ 10.32%
+ สัญญาน้ำมันดิบเด้งขึ้น โดย WTI ส่งมอบธ.ค. +78 เซนต์ ปิดที่ 82.2 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT +1.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 87.12 ดอลลาร์/บาร์เรล โดย EIA รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสิ้นสุด 24 ต.ค.เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 2.1 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าคาดที่ 3.1 ล้านบาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบธ.ค. -4.5 ดอลลาร์ ปิดที่ 1224.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยกดดัน คือ การยุติ QE และการแข็งค่าของเงิน US$
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
+ ไทย : กระทรวงการคลังเผยมี 15-16 มาตรการกระตุ้นการลงทุน (มีทั้งด้านภาษีและไม่ใช่ภาษี) โดยจะนำเสนอครม.ภายใน 3 สัปดาห์ข้างหน้า
ความเห็น DBS Retail Research : สอดคล้องกับการคาดการณ์ของเรา (นำเสนอได้นำเสนอประเด็นไปเมื่อวานนี้) ที่ประเมินว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จะเน้นไปที่การลงทุนมากกว่าการบริโภค เนื่องจากหนี้สินครัวเรือนของไทยอยู่ในเกณฑ์สูง แต่ด้านการลงทุนยังมี Room ที่จะเติบโตได้อีกทั้งการลงทุนภาครัฐและเอกชน ถึงแม้มีข้อจำกัดเรื่องแรงงานอยู่บ้างก็ตาม…นับเป็นบวกกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะเห็นเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้าสู่ระบบมากขึ้นในช่วงต้นปี 58 เป็นต้นไป กลุ่มที่ได้ประโยชน์คือ แบงค์ (หุ้นเด่น KTB, KBANK), รับเหมาก่อสร้าง (หุ้นเด่น CK, STEC) วัสดุก่อสร้าง (หุ้นเด่น SCC)
+ ไทย : ได้รับอันดับ 3 ในอาเซียนเรื่องอันดับประเทศที่มีความง่ายในการทำธุรกิจ (รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย) และเป็นอันดับ 26 ของโลก ซึ่งดีขึ้นจากปีก่อนที่อันดับ 28 (สิงคโปร์เป็นอันดับ 1 ของโลก) ทั้งนี้เป็นการจัดอันดับโดยธนาคารโลก (World Bank) สำหรับปัญหาการเมืองไทย ธนาคารโลกวิเคราะห์ว่าแทบไม่มีผลต่อการทำธุรกิจ (ธุรกิจอยู่นอกเหนือรัฐประหาร) ส่วนประเด็นที่ต้องต้องเร่งปรับปรุงของไทย คือ การได้รับสินเชื่อ และระบบการจ่ายภาษี
+ CK : ธุรกิจไปได้ดี มีลุ้นกับโครงการส่วนขยายรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน คาดรายได้ปี 57 สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3.3 หมี่นล้านบาท หลังรับรู้รายได้จากงานใหม่ที่เข้ามาเพิ่มและ Backlog ที่สูงถึง 1 แสนล้านบาท ล่สุดได้งานจาก CKP เป็นโรงไฟฟ้าบางปะอินเฟส 2 มูลค่า 4.31 พันล้านบาท และโครงการขยายกำลังการผลิตน้ำประปาของ TTW 2 แห่ง รวมมูลค่า 3.28 พันล้านบาท ปี 58 จะเข้าประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว, ชมพู, ส้ม, ส่วนขยายสีน้ำเงิน (บริษัทมองว่ามีโอกาสสูงที่จะได้งานนี้ มูลค่าราว 2 หมื่นล้านบาท - กำลังรอดูว่าจะใช้วิธีประมูล หรือเจรจากับผู้ดำเนินการรายเดิม คือ BMCL) โครงการมอเตอร์เวย์ และรถไฟรางคู่ ซึ่งนอกจากการได้งานใหม่จะเป็น Catalyst แล้วยังมีปัจจัยหนุนจาก กำไรในการขายหุ้น BMCL กว่า 1 พันล้านบาท แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 29.50 บาท
+ DTAC : จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 3 พ.ย.57 เท่ากับ 1.57 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นปันผลสำหรับงวดก.ค.-ก.ย.57 คิดเป็น Yield 1.5% สำหรับผลประกอบการ 3Q57 ที่หดตัว 6%YoY และ 13%QoQ มาจากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้ด้าน Voice ที่ต่ำลง 18%YoY และ 6%QoQ ลูกค้าย้ายจาก 2G เป็น 3G แล้ว 71% ณ สิ้น 3Q57 ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายดำเนินงาน แนวโน้มผลประกอบการยังไปได้ดี แต่การเติบโตจะไม่ก้าวกระโดด จุดเด่น คือ จ่ายปันผลสูง คาดการณ์ Dividend Yield ในปี 58 ไว้ที่ 6.3%
นักกลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค[email protected]