WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
   (-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -31.44, NASDAQ -15.07, S&P -2.75, FTSE +51.70, CAC -2.03 และ DAX +14.62 ภายหลังการประชุมเฟดประกาศยุติโครงการ QE ที่ดำเนินการมาเป็นเวลา 6 ปี เนื่องจากเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินที่รุนแรง อย่างไรก็ตามการปรับลดลงเป็นไปอย่างจำกัด ภายใต้ปัจจัยหนุนจากการที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) เอาไว้ที่ระดับ 0 - 0.25% ต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น ซึ่งสวนทางกับที่มีการคาดกว่าเฟดอาจจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี’58 ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทยังคงสดใสและดีกว่าคาด เช่น Facebook และ Visa เป็นต้น
  .....เช่นเดียวกับตลาดหุ้นยุโรปที่ได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน เช่น บริษัทโททาล และชไนเดอร์ อิเล็กทริก
  …..ราคาปิดน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธค. +US$0.78 อยู่ที่ US$82.20 ต่อบาร์เรล แม้ EIA เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบล่าสุด เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 379.7 ล้านบาร์เรล แต่น้อยกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรล ทำให้มองว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
  ....ทางด้านราคาทองคำ ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$4.5 อยู่ที่ US$1,224.9 ต่อออนซ์ หลังเฟด ประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมครั้งล่าสุด ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
   (+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +980 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปี -19,938 ล้านบาท (สิ้นปี’56 มียอดขายสุทธิสะสม 193,911 ลบ)

ทิศทางตลาด
  ทิศทางตลาด : ผันผวน? แต่คาดมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น แม้มติเฟดจะยุติโครงการ QE แต่คาดเป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้มาแล้วในช่วงที่ผ่านมา และคาดตลาดให้น้ำหนักต่อประเด็นอัตราดอกเบี้ย ที่คาดเป็นปัจจัยหนุน ซึ่งล่าสุดเฟดยังคงอัตราดอกเบี้ย 0 - 0.25% ต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น จากที่มีความกังวลว่าเฟดจะมีการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดหมายไว้ หลังเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาส่งสัญญาณดีขึ้นตามลำดับ
  ....ทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ แต่คาดได้รับปัจจัยบวกจาก Fund Flow หลังต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ เกือบ 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาด ภาพรวม Fund Flow ยังมีความผันผวน แรงซื้อ / ขายสุทธิ สลับกัน ขณะที่อยู่ระหว่างประกาศผลการดำเนินงาน – 3Q/57 ที่คาดยังมีแรงเก็งกำไร (ทั้ง + / -) ต่อเนื่องถึงกลางเดือนพย.
  .....และยังแนะติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับวงเงินลงทุนกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะเวลา 8 ปี (ปี’ 58 – 65) ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะสรุปในเดือนพย. หลัง (21/10/57) ครม. อนุมัติแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ในปี’58 - 65 เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า การขยายถนน และการขยายสนามบินฯ เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มศักยภาพของประเทศ ให้รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งคาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับผลดีต่อเนื่องในระยะยาว
  ....รวมถึงประเด็นการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่คาดยังเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังมีการยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต เมื่อ 30/9/57 ซึ่งมีผู้ยื่นซองทั้งหมด 4 ราย (ITD, CK, STEC และ UNIQ) คาดใช้ระยะเวลา 1 – 3 เดือน ทราบผลการประมูล คาดอย่างเร็วคาดสามารถลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างในช่วง 1H/58
  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.04 อยู่ที่ 2.32% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.76 อยู่ที่ 15.15
  หุ้นแนะนำ : PTT
  ประเด็นที่ต้องติดตาม (30 - 31 ต.ค.’57)
   30/10/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) ตัวเลขประมาณการครั้งแรก GDP – 3Q/57
   31/10/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) รายได้ส่วนบุคคล - กย. (2) ดัชนีต้นทุนการจ้างงาน – 3Q/57
(3) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก - ตค. (4) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้าย - ตค.

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!