- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 21 January 2021 11:42
- Hits: 9302
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 21-1-2021
21 มกราคม 2564 / กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
SET
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์
1,515.72 -6.87
สรุปมูลค่าการซื้อขาย
นักลงทุน สุทธิ
สถาบัน -1,715.24
บัญชี บล. 50.50
ต่างชาติ -2,095.75
ในประเทศ 3,760.50
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
MARKET SUMMARY
วานนี้ SET ปรับฐานเล็กน้อย ก่อนการเข้าพิธีสาบานตนของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดี US คนใหม่ SET ปิดที่ 1,515.72 (-6.87 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.4 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.8 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 2,096 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 1,715 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 1,349 สัญญา)
STOCK PICKS & TRADING IDEA
HANA (ราคาเป้าหมาย 55 บาท) คาดกำไรปี 64-65 เติบโตเฉลี่ย 12%CAGR ขานรับการเข้าสู่รอบการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี 5G ช่วง 3 ปีนับจากนี้ ขณะที่ราคาหุ้นเทรด PE 19 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยผู้ผลิตชิ้นส่วนฯที่คล้ายกันใน ASEAN ที่เทรดราว 25x และหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ไทยที่เทรดสูงมากกว่า 40-100x
INVESTMENT THEME
ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงแกว่งขึ้นขานรับไบเดน: เมื่อคืนที่ผ่านมานายโจ ไบเดน ได้เข้าพิธีสาบานตนเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มแรงหนุนเชิงบวกต่อความคาดหวังการขับเคลื่อนมาตรการเศรษฐกิจต่างๆให้ออกมาอย่างเร่งด่วนในช่วงถัดไป ซึ่งถือเป็นผลบวกต่อภาพแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ปรับตัวขึ้นเด่น นำโดย ดัชนี Nasdaq ที่ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง (All Time High) ผสานกับการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบโลก ที่ได้แรงหนุนจากความต้องการน้ำดิบที่จะสูงขึ้นจากภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยรวมคาดจะส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้มีทิศทางที่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน ส่วนปัจจัยในประเทศระยะสั้นที่ต้องจับตา คือ การเตรียมออกมาตรการควบคุมความผันผวนจากหุ้นที่มี Market cap สูง แต่ Free float ต่ำ ซึ่งเบื้องต้นทางด้านตลาดหลักทรัพย์เผยกำลังศึกษาในการนำ Free Float เข้าไปถ่วงน้ำหนักของ Market cap ของหุ้นแต่ละตัวในการคิดดัชนีรวม โดยหากประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นจริง อาจส่งผลกระทบต่อกองทุน Passive Fund ต้องการมีปรับน้ำหนักหุ้นใน SET50 เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ใหม่เช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดระยะสั้นมีการผันผวนมากยิ่งขึ้น
Investment Strategy : วันนี้คาด SET ฟื้นตัว แนวรับ 1,510 จุด และแนวต้าน 1,535 จุด เน้นหุ้นอิงเศรษฐกิจฟื้นตัว โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “HANA, KBANK, VL”
Diamond Building (DRT)
กำไร 4Q63 จะลดลง หุ้นยังปันผลดี
BUY
Share Price THB 6.00
12m Price Target THB 7.00 (+17%)
Previous Price Target THB 7.00
Results Preview
ประเด็นการลงทุน
คาดกำไร 4Q63 จะลดลงเหลือ 89 ล้านบาท (-20%QoQ, -9%YoY) รวมปี 2563 กำไรจะลดลงเล็กน้อย 4% เหลือ 551 ล้านบาท ถูกกระทบด้านลบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 แนวโน้มปี 2564 คาดจะกลับมาเติบโตได้เล็กน้อย แรงหนุนกำลังการผลิตใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุน แต่ผลการซื้อหุ้นคืนทำให้จำนวนหุ้นลดลงจะทำให้กำไรต่อหุ้นโตดี 9% ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ปี2564 ต่ำ 9.0 เท่า และ มีอัตราเงินปันผลตอบแทนปี2564ที่ดี 7.3% แนะนำ ซื้อลงทุนในช่วงอ่อนตัว จากกำไรไตรมาสสี่จะลดลง ประเมินราคาเป้าหมาย 7 บาท
คาดกำไร 4Q63 จะลดลงเหลือ 89 ล้านบาท (-20%QoQ, -9%YoY)
ไตรมาส4Q63เข้าสู่ช่วงโลซีซั่นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน หลังจากที่ครึ่งปีแรกมีการเติบโตสูง ในเดือน ต.ค. ฝนตกซุก ในเดือน ธ.ค. เข้าสู่ช่วงเทศกาล และ ตลาดส่งออกในภูมิภาคนี้ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 คาดจะทำให้ยอดขายในไตรมาสนี้ปรับลดลงเหลือ 945 ล้านบาท (-5%QoQ, -10%YoY) และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงเหลือ 27.5% จาก 28.7% ในไตรมาสก่อน แต่จะดีขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย 26.9% จากการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน รวมแล้ว คาดกำไร 4Q63 จะปรับลดลงเหลือ 89 ล้านบาท (-20%QoQ, -9%YoY)
แนวโน้มปีนี้ผู้บริหารตั้งเป้าหมายจะเติบโต 5% แรงหนุนกำลังการผลิตใหม่
แผนการขายกำลังการผลิตใหม่ผลิตภัณฑ์กลุ่มไม้สังเคราะห์ NT11 กำลังการผลิต 55,000 ตัน จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตอีก 5% ได้เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์แล้วตั้งแต่ต้นปีในปี 2564 ซึ่งประสบความสำเร็จกำลังการผลิตปัจจุบันขึ้นมาเป็น 80% ผู้บริหารประเมินปีนี้จะช่วยเพิ่มยอดขาย 200-300 ล้านบาท จากที่เต็มที่จะขายได้ 300-400 ล้านบาท ทำให้ผู้บริหารตั้งเป้าหมายในปี 2564 จะเติบโตได้ 5% ในขณะที่เราประเมินยอดขาย 4,565 ล้านบาท เติบโต 4% และ มีกำไร 569 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย 3.3% แต่ผลของการซื้อหุ้นคืนจะทำให้กำไรต่อหุ้นเติบโตได้ 9%
หุ้นปันผลดี คาดปี2563จะปันผลเท่าปี2562
DRT เป็นหุ้นประเภทปันผล กำไรในปี2563จะลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย แต่การซื้อหุ้นคืนทำให้จำนวนหุ้นลดลงจาก 948 ล้านหุ้น เหลือ 855 ล้านหุ้น เราคาดจะรักษาการจ่ายเงินปันผลเท่าปี2562เท่ากับ 0.40 บาท โดยครึ่งปีแรกจ่ายไปแล้ว 0.20 บาท เหลือ ครึ่งปีหลัง 0.20 บาท ประเมินราคาเป้าหมาย 7 บาท ให้ส่วนลดจากค่าเฉลี่ย Forward PE 10 ปีเท่ากับ 12.5 เท่า แนะนำ ซื้อลงทุนในช่วงอ่อนตัว จากกำไร4Q63จะลดลง
ความเสี่ยง : ต้นทุนวัตถุดิบและพลังงาน , ประเด็นเรื่องใยหินจะห้ามในอนาคต
Surachai Pramualcharoenkit
(66) 2658 6300 ext 1470
V.L. Enterprise (VL)
เรือเล็กควรออกจากฝั่ง
BUY
Share Price THB 1.25
12m Price Target THB 1.85 (+48%)
Initation
กำลังจะถูกจับตา ราคาหุ้นต่ำไป สวนทางกำไรที่เร่งขึ้น ทยอยสะสม “ซื้อ”
VL เคยเป็นหุ้นเรือ Tanker อันดับ 2 ของประเทศ ที่ถูกมองข้าม เพราะขนาดกองเรือที่เล็ก ไม่ได้มีการขยายสุทธิ ทิศทางกำไรปี 2562-63 ไม่เติบโต แต่ทว่าตั้งแต่ปี 2564-66 เรากำลังจะเริ่มเห็นการเติบโตของกำไร +26.5% ต่อปี จากกำลังการให้บริการจะเพิ่ม 45% ใน 3 ปี หนุนมาด้วยการขยายตัวของอัตรากำไรขั้นต้น จากการปรับกองเรืออย่างชาญฉลาดก่อนหน้า (ขายเรือเก่าเล็ก-ซื้อเรือใหม่ใหญ่) โดยราคาหุ้นปัจจุบัน มีส่วนลด P/BV ถึง 37% จากกลุ่มเรือในตลาด โดยซื้อขายเพียง P/BV 1.1 เท่า ทั้งๆที่มีกำไรสม่ำเสมอ, อยู่ใน segment เรือที่มั่นคง, มี Barrier to Entry สูงมาก และกำไรกำลังเริ่มเติบโตชัดเจน ซึ่งจะเด่นมากในไตรมาส 2/64 เราเริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 1.85 บาท/ หุ้น อิง P/BV 1.65 เท่า
จะเริ่มเข้า S-curve ตั้งแต่ปี 2564
กำไรปกติปี 2564-66 กำลังจะขยายตัว +26.5% CAGR ผลักดันจาก (1) กำลังการให้บริการจะเพิ่มขึ้น 45% เป็น 56,669 เดตเวตตัน ภายในปี 2566 โดยเรือใหม่เริ่มทยอยให้บริการแล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/63 จำนวน 1 ลำ เดือน เม.ย. 64 อีก 1 ลำ และปี 2565-66 อีกปีละ 1 ลำโดยเรือ Tanker เหล่านี้มีสัญญาว่าจ้างรอเกือบทั้งหมดแล้ว (2) อัตรากำไรจะอยู่ในระดับสูง โดย 2 ปีที่ผ่านมา VL ได้ ทยอยนำเรือใหม่ไซส์กว่าเข้ามาทดแทนเรือเก่าไซส์เล็ก ทำให้การขนส่งรอบหนึ่งๆจึงได้กำไรที่สูงขึ้น เกิด Economies of Scale เราพบว่า อัตรากำไรขั้นต้น มีการขยับขึ้นตลอด 3 ปีที่ผ่านมา จาก 18.6% ในปี 2560 สู่ 24.2% ใน 3Q63 โดยแนวทางนี้ยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะในปี 2565 VL จะนำเรือลำดับที่ 14 ขนาด 12,000 เดตเวทตัน เริ่มให้บริการ จากปัจจุบันไซส์ใหญ่สุดที่ 5,700 เดตเวทตัน (3) ลูกค้าหลักสัดส่วนรายได้ราว 45% ที่ปรับปรุงการผลิตกลางปี 2563 ปัจจุบันกลับมากลั่นน้ำมันตามปกติ ปริมาณขนน้ำมันจึงคาดฟื้น YoY
มูลค่าพื้นฐานของเรา สอดคล้องกับ 1 ดีลในอดีต
เราใช้ P/BV เป้าหมาย 1.65 เท่า เป็นจุดอ้างอิง ซึ่งเป็นกึ่งกลางของกลุ่มเรือ Tanker (AMA 1.3 และ PRM 2.0 เท่า) โดย P/BV เป้าหมายนี้มีส่วนลด 20% จาก PRM ซึ่งได้ Premium จากธุรกิจคลังน้ำมันลอยน้ำที่มีมาร์จิ้นสูงมาก แต่ P/BV เป้าหมายนี้จะสูงกว่า AMA เนื่องจาก VL มีอัตรากำไรสุทธิสูงกว่า (+300bps) มี EPS growth ปีนี้สูงกว่า (16.4% vs 6.0%) และกองเรืออายุน้อยกว่า 3 ปี ได้ราคาเหมาะสม 1.85 บาท/ หุ้น สะท้อนเป็น P/E เป้าหมาย 15.99 เท่า ใกล้เคียงกับดีลในปี 2561 ที่ PRM ซื้อ บจ.Big Sea ซึ่งเป็นกองเรือที่มีรายได้ กำไร และอัตรากำไร ใกล้เคียงกับ VL อย่างมาก ดังนั้นเราเชื่อว่า ราคาพื้นฐานนี้มีความสมเหตุสมผลมาก
ความเสี่ยง
(1) บริษัทพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่บางราย (ESSO) ซึ่งมีสัดส่วนถึง 45% ของรายได้ในปี 2562 อย่างไรก็ดีบริษัทมีความสัมพันธ์ยาวนานถึง 27 ปี กับลูกค้ารายนี้ (2) การเข้าอู่แห้งของเรือ 15-20 วัน ทำให้รายได้ลดลง โดยปีนี้มีกำหนด 2 ลำ (จาก 13 ลำ) ระหว่างในไตรมาส 1/64
Jaroonpan Wattanawong
(66) 2658 6300 ext 1404
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web