- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 December 2020 15:49
- Hits: 10819
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 28-12-2020
“ซื้อดักหุ้นปันผลสูง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ---
# ภาวะตลาดวันศุกร์ : SET พุ่งขึ้นต่อ 34.79 จุด ปิดที่ 1486.31 โดยการปรับขึ้นของ DELTA ทำให้ SET +14.8 จุด, BAY ทำให้ +4.8 จุด ซึ่งถ้าไม่รวมหุ้น 2ตัวนี้ ดัชนีจะ +15.19 จุด มูลค่าซื้อขาย 8.8 หมื่นลบ. โดยสถาบันในปท.ซื้อสุทธิต่อ 1.5 พันลบ. รายย่อยขายสุทธิ 5.1 พันลบ. ส่วนต่างชาติซื้อสุทธิเพียง 81ลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์ : ซื้อดักหุ้นปันผลสูงก่อนปิดงบฯปี สำหรับปัจจัยพยุงตลาดในช่วงนี้ คือ ผู้พัฒนาวัคซีนรายใหญ่ยืนยันว่าวัคซีนที่ผลิตรับมือกับโควิด-19 กลายพันธุ์ได้ (ล่าสุดเป็นแอสตราเซเนก้า), อังกฤษบรรลุข้อตกลงกับ EU เรื่อง Brexit แล้ว และจะออกจาก EU อย่างเป็นทางการ 1 ม.ค.64 นี้, มาตรการเยียวยาและกระตุ้นศก.ของสหรัฐวงเงิน 9 แสนล้านUS$ (ค่า VIX ตลาดหุ้นสหรัฐลดลงเป็น 21.53 หลังพุ่งไป 31.46 ใน 3 วันก่อน), แรงซื้อ SSF, RMF โค้งสุดท้าย, มาตรการกระตุ้นศก.ของไทยที่คาดว่ารัฐบาลจะออกมาเพิ่มเติมอีกในปี 64 (รวมถึงจากสถาบันการเงินด้วย), การซื้อดักหุ้นปันผลสูงในช่วงสิ้นปี, การทำราคาปิดสิ้นไตรมาส 4/63 (Window dressing)แต่...ยังควรระวังการแกว่งตัวหลังจากปัจจัยกดดันช่วงสั้น คือ 1) จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่รายวันที่เพิ่มเป็นหลักร้อย โดยเมื่อ 26, 27 ธ.ค.จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 110, 121 ราย ตามลำดับ และมีแนวโน้มจะเพิ่มในระดับสูงต่อ, 2) แรงขายทำกำไรก่อนหยุดยาวในเทศกาลปีใหม่ ส่วนปัญหาการเมืองของไทยช่วงนี้ซาลงไปมาก (แต่ก็มีสิทธิกลับมาหลังหมดช่วงโควิดรุนแรงในปีหน้า) กลยุทธ์ : เลือกซื้อหุ้นปันผลสูง หุ้นเด่นปันผลเด่นในกลุ่มต่างๆ ได้แก่ SENA,QH, AP, SCB, TISCO, ADVANC, HANA, RJH, UTP, SNC, STI, TSR เป็นต้น (ดูรายละเอียดใน Hot Issue ด้านในของวันนี้)หุ้นพื้นฐาน Top pick วันนี้ เป็น SENA (ราคาปิด 3.60 บาท) : คาดกำไรสุทธิ 4Q63 เติบโตได้ QoQ (กำไรสุทธิ 3Q63 : 278 ล้านบาท +148%YoY,+21%QoQ) เพราะสิ้น 3Q63 มียอดขายรอโอนรองรับไตรมาส 4 ปีนี้ราว 1 พันล้านบาท (รวมของ JV คือ Niche Mono เจริญนคร) แนวโน้มปี 64 ยังไปได้บริษัทมี Backlog สูงถึง 1.2 หมื่นล้านบาท ประเมิน EPS growth ปี 63-64 ไว้ที่ +17% และ +5% ตามลำดับ คาด DY ปีนี้ 8.1% และปี 64 ที่ 8.6% (จ่ายปีละ2 ครั้ง) โดยประเมินของ 2H63 ไว้ที่ 5% ให้ราคาพื้นฐาน 3.83 บาท
# การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นบวก มีสิทธิรีบาวด์ต่อ แต่ควรระวังการแกว่งตัวจากภาวะ Overbought ในกราฟรายนาที แนวต้าน1500, 1520 ต่ำกว่า 1460 ตัดขาดทุน แนวรับย่อย 1450-1440, 1410 หุ้นเทคนิคแนะนำวันนี้ PTT, JMART, EPG, SENA, PSL, SAWAD, BH, SAT
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Hot Issue : ซื้อดักหุ้นปันผลสูงช่วงปลายปี
Company Update : STGT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 101.00)
ปัจจัยต่างประเทศ
+ แอสตร้าเซนเนก้า มั่นใจวัคซีนของบริษัทสามารถป้องกันไวรัสโควิดกลายพันธุ์
# นายปาสคาล โซเรียต ซีอีโอของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของอังกฤษ เปิดเผยว่า ทีมวิจัยของแอสตร้าเซนเนก้ามีความเชื่อมั่นว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่แอสตร้าเซนเนก้าพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดนั้น จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ที่พบในอังกฤษได้
# นับเป็นรายที่ 3 ที่ออกมายืนยันว่าวัคซีนของตัวเองสามารถรับมือกับโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ได้ โดยก่อนหน้าที่ออกมาเป็นไฟเซอร์ และโมเดอร์นา
+ จีน : เศรษฐกิจจ่อแซงหน้าสหรัฐเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในอีก 8 ปี ซึ่งเร็วกว่าคาดการณ์เดิม 5 ปี
# ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (CEBR) เปิดเผยรายงานประจำปีล่าสุดว่า จีนจะแซงหน้าสหรัฐขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกในปี 2571 หรือในอีก 8 ปีข้างหน้า ซึ่งเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เดิม 5 ปี เพราะจีนฟื้นตัวจากโควิดได้เร็วกว่า
# จีนจะมีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ย 5.7% นับตั้งแต่ปี 2564-2568 ก่อนชะลอลงสู่ 4.5% ในช่วงปี2,569-2573 ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวทางเศรษฐกิจจะชะลอลงสู่ 1.9% ต่อปีระหว่างปี 2565-2567และจะชะลอลงสู่ 1.6% หลังจากนั้น
# ญี่ปุ่นจะยังคงเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลกไปจนถึงปี 2573 และจะถูกแซงหน้าโดยอินเดียขณะที่เศรษฐกิจเยอรมนีจะตกจากอันดับ 4 ไปเป็นอันดับ 5 และสหราชอาณาจักรซึ่งปัจจุบันมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 5 ของโลกนั้น จะตกไปอยู่ที่อันดับ 6 นับตั้งแต่ปี 2567
# CEBR จัดอันดับ 10 ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกประจำปี 2563 โดยพิจารณาจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ดังนี้ 1. สหรัฐ 2. จีน 3. ญี่ปุ่น 4. เยอรมนี 5. สหราชอาณาจักร 6. อินเดีย 7. ฝรั่งเศส 8. อิตาลี 9.แคนาดา 10. เกาหลีใต้ สำหรับประเทศไทยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 25 ของโลกในปี 2563 โดยหล่นจากอันดับ 24 ในปี 2562
+ จีน : ขยายเวลาอีก 1 ปีในการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้า 6 รายการจากสหรัฐ
# กระทรวงการคลังของจีนเปิดเผยว่า จีนจะขยายเวลายกเว้นภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ 6 รายการจากสหรัฐซึ่งรวมถึงน้ำมันขาว (white oil) และปิโตรเลียมแวกซ์สำหรับการผลิตอาหารออกไปอีก 1 ปีถึง 25 ธ.ค.64 (เดิมมีผลบังคับใช้ 26 ธ.ค.63)
• แพทย์ในบอสตันเกิดอาการแพ้รุนแรงหลังฉีดวัคซีนโควิดของโมเดอร์นา...แต่ขณะนี้อาการดีแล้ว
# หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สรายงานในวันศุกร์ (25 ธ.ค.) ว่าแพทย์รายหนึ่งในบอสตันซึ่งเป็นโรคภูมิแพ้อาหารประเภทหอยนั้น ได้เกิดอาการแพ้ที่รุนแรงหลังฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นาเมื่อวันพฤหัสบดี (24 ธ.ค.) ที่ผ่านมา โดย เขามีปฏิกิริยารุนแรงเกือบจะในทันทีหลังจากฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 โดยเขารู้สึกวิงเวียน และหัวใจเต้นแรงแต่ขณะนี้ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว และเขามีอาการสบายดี
• ตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการ เนื่องในวันคริสมาสต์
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดใหม่วันที่ 26-27 ธ.ค.เพิ่มเป็นหลักร้อยต่อวัน
# เมื่อ 26-27 ธ.ค. รายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่เพิ่มเป็น 110 และ 121 ราย และมีแนวโน้มว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกหลายวัน
# ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในไทย ณ 27 ธ.ค.63 อยู่ที่ 6,141 ราย รักษาหายแล้ว 4,161 ราย, รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,920ราย และเสียชีวิต 60 ราย อัตราการเสียชีวิต 0.98%
# สำหรับผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลก ณ 27 ธ.ค.63 เท่ากับ 80.7 ล้านราย เสียชีวิต 1.76 ล้านราย อัตราเสียชีวิต 2.2%
• เศรษฐกิจไทยพ.ย.63 ยังอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัว แต่ธ.ค.63 จะอ่อนแอลงเพราะโควิดระบาดระลอกใหม่
# ธปท.รายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ย.63 คาดจะฟื้นตัวต่อจากเดือนก่อหน้า แต่ธ.ค.63-ม.ค.64 จะอ่อนแอลงเพราะโควิดระบาดระลอกใหม่ แต่ตลาดมองข้ามชอต เนื่องจากการจะมีวัคซีนโควิดใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นทำให้มองว่าปัจจัยลบจากโควิด-19 ระบาดรอบใหม่เป็นปัจจัยชั่วคราว และธุรกิจ & เศรษฐกิจในปี 64 จะฟื้นตัวได้
• ธปท.ให้แบงค์ติดตามและช่วยเหลือลูกหนี้ในเชิงรุกหลังโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่
# ธปท.เปิดเผยว่า ลูกหนี้ที่ขอรับความช่วยเหลือผ่อนปรนจากสถาบันการเงินทยอยลดลงต่อเนื่อง จาก 7.2 ล้านล้านบาทในเดือนก.ค.63 เป็น 6 ล้านล้านบาทในเดือนต.ค.63 โดยเป็นลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์ 55% และลูกหนี้ธนาคารเฉพาะกิจ45%
# สำหรับลูกหนี้ธุรกิจที่กลับมาชำระได้ปกติอยู่ที่ 66% และอีก 32% ต้องปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีเพียง 2% จากหนี้ที่เข้าโครงการทั้งหมดที่เปราะบางและอาจเป็น NPL ทั้งนี้ลูกหนี้รายย่อย 70% กลับมาชำระได้ปกติ โดยมีเพียง1% (ราว 1.2 หมี่นล้นบาท) ที่เปราะบาง ส่วนลูกหนี้ธุรกิจมี 5% (ราว 1.5 หมื่นล้านบาท) ที่ขอยืดการพักชำระหนี้ออกไปถึงมิ.ย.64 (จากเดิมที่หมดระยะเวลาผ่อนปรนในช่วงต.ค.-ธ.ค.63) หลักๆ เป็นธรุกิจโรงแรมและที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว
+ แรงซื้อ SSF, RMF โค้งสุดท้ายของปี 63
# คาดว่าจะมีแรงซื้อ SSF และ RMF เพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษี แต่ในปีนี้ผลดีต่อตลาดหุ้นจะไม่ได้มากเหมือนในช่วงที่เป็น LTF เพราะตามเกณฑ์ใหม่ SSF ต้องถือครองยาว 10 ปี และสามารถซื้อตราสารได้ทุกประเภท ไม่จำเป็นต้องเป็นตราสารทุนอย่าง LTF ประกอบกับกลุ่มผู้มีรายได้สูงจะซื้อ SSF & RMF จำกัดขึ้น
+ Window Dressing : การทำราคาปิดสิ้นไตรมาส 4/63
# โดยปกตินักลงทุนสถาบันจะทำราคาปิดสิ้นไตรมาส (Window Dressing) ซึ่งคาดว่าในรอบสิ้นไตรมาส 4/63 นี้ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ถ้าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดใหม่รายวันในประเทศไม่สูงมาก
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรด arparporns@th. dbs.com
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web