- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 December 2020 15:42
- Hits: 10738
บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 28-12-2020
แม้ SET Index จะปรับตัวขึ้นแรง แต่พบว่าน้ำหนักส่วนใหญ่เกิดจากการเก็งกำไรในหุ้นบางตัวอย่าง DELTA, BAY, AEONTS ภาพดังกล่าวมีส่วนทำให้ Valuation ของตลาดฯ แพงกว่าที่ควร อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่ายังมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องทำให้ SET Index ยืนที่ระดับสูง กลยุทธ์วันนี้ไม่มีการปรับพอร์ต หุ้น Top Pick ให้น้ำหนักกับหุ้นปันผลเลือก AP, STGT และ PTT
การเก็งกำไรกระจุดหนักที่บางตัว หนุน SET Index แพงเกินจริง
ปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานในช่วง 3 วันทำการสุดท้ายของปี 2563 ยังคงให้ความสำคัญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ในประเทศ ซึ่งพบว่ามีการขายในวงกว้างมากถึง 38 จังหวัด และจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศยังอยู่ระดับสูง ถือเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยหากไม่สามารถควบคุมได้ในช่วงเดือน ม.ค. 2563 ก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน และ GDP Growth ปี 2564 ส่วนการเคลื่อนไหวของ SET Index เริ่มเห็นพฤติกรรมเสี่ยง โดยมีการเก็งกำไรกระจุกตัวในบางหุ้น อย่าง DELTA, BAY และ AEONTS ซึ่งราคาปรับตัวขึ้นมารุนแรงและขณะเดียวกันก็พบกิจกรรมการซื้อขายในรูปแบบของ Blocktrade รวมถึง Future เพิ่มขึ้น โดยที่ OI เพิ่มขึ้น 17% , 313% และ 21% ตามลำดับ ภาวะดังกล่าวทำให้ SET Index อยู่ในระดับที่สูงเกินจริง โดยหากหักหุ้น DELTA ออกไป SET Index จะต่ำกว่าที่เป็นอยู่ราว 73 จุด และค่า PER จะลดลงจาก 22.85 เท่า มาที่ 21.73 เท่า Yield Gap จาก 3.87% เพิ่มเป็น 4.10% กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ไม่มีการปรับพอร์ต ส่วนหุ้นที่เลือกเป็น Top Pick จะให้น้ำหนักกับเรื่องของเงินปันผลมากขึ้น โดยวันนี้เลือก AP , STGT และ PTT
การกระจายตัวผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในไทย จนถึงปัจจุบัน
ที่มา: ฝ่ายวิจัยฯ ASPS
ข้อมูลสิ้นสุดวันรที่ 24 ธ.ค.63
สัปดาห์นี้ ติดตาม Covid-19 และตัวเลขเศรษฐกิจ
ช่วงหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาประเด็นต่างประเทศ ที่เกิดขึ้น คือ 1.)การแพร่ระบาด Covid-19 สายพันธุ์ใหม่(แพร่ระบาดเร็วขึ้น 70%) ล่าสุด ยังเริ่มเห็นการแพร่กระจายในหลายประเทศ อาทิ สวิสเซอร์แลนด์, สวีเดน, แคนาดา, ฝรั่งเศส ในเอเซียพบใน มาเลเซีย, สิงคโปร์ ญี่ปุ่น (สั่งปิดประเทศ ห้ามต่างชาติเข้าประเทศถึง ม.ค. 2564)
2.) จีนรายงานตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ย. 63 เพิ่มขึ้น 15.5%yoy หนุนให้ ytd เพิ่มขึ้น 2.4% (จากเดิม 10M63 ขยายตัวเฉลี่ย 0.7%) ถือเป็น Sentiment บวกต่อราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากจีนเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ล่าสุด ราคาน้ำมันดิบ Brent ยังยืนเหนือ 50 เหรียญ ดีต่อหุ้นน้ำมัน คือ PTT (FV@B45) และ PTTEP (FV@105)
ส่วนสัปดาห์นี้โฟกัสหลักๆ ASPS เชื่อว่ายังคงเป็นประเด็น Covid-19 เหมือนเดิมและรายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจต่างๆ ดังนี้ 28 ธ.ค. หรือ วันนี้ (Boxing Day) ตลาดหุ้น New Zealand, Canada, Australia, United Kingdom ปิดทำการ ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆ เปิดทำการ 31 ธ.ค.คือ รายงาน PMI ของจีน เดือน พ.ย. ตลาดคาดดีขึ้นจากเดือน ต.ค.
ในส่วนของไทย ในวันนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดจองสิทธิห้องพัก จำนวน 1 ล้านสิทธิ โครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" 29 ธ.ค.2563 ครม. พิจารณามาตรการ ”เที่ยวไทยวัยเก๋า” ASPS ประเมินว่ามาตรการดังกล่าวถือเป็น Sentiment ต่อกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม แต่อย่างไรก็ตามราคาหุ้นในกลุ่มฯ ปรับตัวตอบรับปัจจัยบวกเร็วกว่าพื้นฐาน แนะนำ ขาย สำหรับ ERW (FV@B3) และ SWITCH สำหรับ CENTEL(FV@B22) ส่วน MINT(FV@B25) ราคาเต็มมูลค่าพื้นฐาน และในวันเดียวกันติดตาม ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือน พ.ย. 2563 ของไทย
ผู้ติดเชื้อในประเทศสูง เสี่ยงกระทบกิจกรรมเศรษฐกิจในช่วงต่อไป
สถานการณ์การติดเชื้อ Covid-19 ในไทยยังน่ากังวล โดยติดเชื้อสะสมปัจจุบันรวม 6,141 คน วานนี้ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่(New case)เพิ่มขึ้น 121 คน (เพิ่มในอัตราที่ลดลงจากต้นอาทิตย์ที่แล้วที่พบราว 500 ราย) แต่ประเด็นสำคัญคือ การกระจายไปหลายจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันพบทั้งหมด 38 จังหวัด และเป็นจังหวัดที่เป็นฐานการผลิต อาทิ ระยอง (เพิ่มจากปลายอาทิตย์ที่แล้วพบ 26 จังหวัด) ทำให้แต่ละจังหวัดเริ่มประกาศความเข้มงวดจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงปลายปี และ ประชาชนบางส่วนชะลอการออกจาบ้าน และชะลอการจับจ่ายใช้สอย
การกระจายตัวผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในไทย จนถึงปัจจุบัน
ที่มา: ASPS รวบรวม
โดยรวม ASPS ประเมินว่า ประเด็น COVID-19 เป็นปัจจัยที่ต้องตามต่อ และ SET Index น่าจะอยู่ในช่วง Wait & See ต่อไป โดยประเมินว่า หากไทยควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ได้ภายในเดือน ม.ค. 2564 ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และกำไรของบริษัทจดทะเบียนน่าจะมีจำกัด แต่ถ้ายังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ อาจเป็นการเปิด Downside ให้ประมาณการ GDP ปี 2564 ที่ ASPS คาด 4.1%yoy
STGT อนุมัติขยายการลงทุนถุงมือยาง แตกพาร์และเพิ่มนโยบายปันผล
ที่ประชุมผู้ถือหุ้น STGT มีมติอนุมัติการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตถุงมือยางในอนาคต (รวมในประมาณการแล้ว) นอกจากนี้ ยังมีมติเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) เป็น 0.50 บาท (เดิม 1 บาท) และเปลี่ยนแปลงนโยบายจ่ายปันผลเป็นไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบเฉพาะกิจการ (เดิมไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิตามงบเฉพาะกิจการ) และ STGT ยังกำหนดแผนการจ่ายปันผลระหว่างกาลสำหรับปี 2564 ในเดือน มิ.ย. ก.ย. และ ธ.ค. 64 (รายไตรมาส) ทำให้ STGT จะจ่ายปันผลทั้งสิ้น 4 ครั้ง สำหรับผลผลการดำเนินการปี 2564
คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2563-64 จะเติบโตถึง 1949.8% yoy และ 91.1% yoy จากการปรับเพิ่มราคาขายถุงมือยางได้ต่อเนื่อง โดยคาดกำไรสุทธิงวด 4Q63 จะเพิ่มขึ้นถึง 62% qoq และ 38 เท่าตัว จากงวด 4Q62 ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยมองเป็นบวก จากนโยบายจ่ายปันผลที่สูงขึ้น หนุนคาดการณ์ Div yield ได้ถึง 12% ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมีค่า PER ปี 2564 เพียง 4 เท่า จึงมองหุ้นปันผลที่น่าสนใจเข้าลงทุน โดยกำหนด FV ปี 2564 เท่ากับ 130 บาท อิงวิธี DCF (WACC 10.7%)
ลักษณะหุ้นที่ปรับตัวขึ้นกระจุกตัว ถือเป็นความเสี่ยงต่อตลาด
วันศุกร์ที่ผ่านมา แม้เห็นดัชนีปรับตัวขึ้นถึง 2.4% หรือ 34.79 จุด แต่แรงผลักดันของดัชนี กว่า 21 จุด (6 ใน 10 ส่วน) เกิดจากหุ้นเพียง 2 บริษัทเท่านั้น คือ DELTA เพิ่มขึ้น 27.6% ผลักดันดัชนี 16.6 จุด และ BAY ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.1% ผลักดันดัชนี 16.6 จุด ลักษณะหุ้นที่ปรับตัวขึ้นกระจุกตัว ถือเป็นความเสี่ยงต่อภาพรวมตลาด
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจาก Valuation ของ SET Index ที่ระดับ 1486.31 จุด มี PER64F ที่ 22.85 เท่า คิดเป็น Earning Yield Gap. ที่ 3.87% (ถือว่าอยู่ในระดับปกติในช่วงที่ Fund Flow ไหลเข้า)
แต่ถ้าตัดหุ้น DELTA ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1170%ytd (ล่าสุดมี Market Cap. ใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 ของตลาดฯ) ออก แล้วพิจารณา Valuation ของ SET Index เฉพาะหุ้นอื่นๆที่เหลือ จะได้ PER64F ลดลงเหลือ 21.73 เท่า คิดเป็น Earning Yield Gap. ที่ 4.10% ถือว่าอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยในอดีต และ Valuation ยังถูกอยู่ในยามที่ Fund Flow ไหลเข้า
SET Index มี Valuation ไม่แพง หลังการ Craft DELTA ออก
ที่มา: ฝ่ายวิจัยฯ ASPS
ข้อมูลสิ้นสุดวันรที่ 25 ธ.ค.63
สรุปคือตลาดหุ้นไทยหากพิจารณาจาก Market Earning Yield Gap.(ตัด DELTA ออก) ยังถือว่าไม่แพงมากนัก แต่ในยามที่ตลาดยังผันผวน และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หนึ่งในกลยุทธ์แนะนำแบ่งเงินบางส่วนมาสะสมหุ้นปันผลสูง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของสภาพคล่องส่วนเกิน โดยฝ่ายวิจัยฯทำการคัดกรองหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งที่ผ่านเงื่อนไขดังนี้
1. มี Dividend Yield21F เกิน 5% ต่อปี
2. มี Upside เกิน 10%
3. เป็นหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯแนะนำซื้อ
4. ยิ่งเป็นหุ้นจ่ายปันผลปีละครั้ง (Annual) ยิ่งน่าสนใจ
RESEARCH DIVISION
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
_________
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 110506
ภวัต ภัทราพงศ์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web