- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 December 2020 16:54
- Hits: 6264
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 9-12-2020
“บวกวัคซีนคืบหน้า-เงินไหลเข้า แต่สหรัฐใช้งบฯชั่วคราว”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ---
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันอังคาร...ทะยาน ปิด +29.09 จุด ที่ 1478.92 จุด มูลค่าซื้อขาย 1.2 แสนลบ. ตลาดปรับตัวขึ้นดีกว่าเพื่อนบ้าน จากปัจจัยบวก เจพี มอร์แกน และเครดิต สวิส เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย มี Fund Flow ดูจากบาทแข็งค่ามากสุดในรอบ 11 เดือน วานนี้ คาดหวังม.กระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐหลังตัวเลขจ้างงานฯออกมาไม่ดี แต่กังวลผู้ติดเชื้อสูงทั้งต่างประเทศและไทย ซื้อสุทธิมาก-ต่างชาติ ขายสุทธิมาก-รายย่อย YTD ต่างชาติขายสุทธิลดลงเป็น 256 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET-ขึ้นต่อ (แต่อาจมีแรงขายทำกำไร) บวกจากวัคซีนคืบหน้า-เงินไหลเข้า แต่สหรัฐอาจต้องใช้งบฯชั่วคราว ปัจจัยบวกคือ FDAจะอนุมัติการใช้วัคซีนปลายสัปดาห์นี้ คาดหวังม.กระตุ้นเศรษฐกิจสำเร็จก่อน 11 ธ.ค.ที่จะมีการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐ ดาวโจนส์ +104 จุด ดัชนีกังวล Vix ลดมาที่20.68 จุด เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านและ DJ Futures ปรับขึ้น และระยะนี้การชุมนุมแผ่วลง ด้านปัจจัยลบคือ สภาสหรัฐอาจต้องโหวตใช้งบฯชั่วคราวไปก่อนวันนี้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และน้ำมันดิบ WTI ปรับลง 16 เซ็นต์ กังวลการล็อกดาวน์ กระทบความต้องการใช้ สำหรับกลยุทธ์ระยะสั้น ปัจจัยที่ควรพิจารณาคือ 1) การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังหนักทั้งต่างประเทศและไทย โดยเฉพาะไทยต้องติดตามว่าจะลุกลามรอบ 2 หรือไม่ และ 2) วัคซีนที่จะเริ่มฉีดป้องกันแล้ว ทำให้มีการเล่นรอบหุ้นกลุ่มวัฏจักร เช่น พลังงาน ธนาคาร ไฟแนนซ์ ท่องเที่ยว และขนส่ง การเล่นรอบระยะนี้คาดดัชนีซื้อ-ขายในช่วง 1440-1500 จุด หากไปต่อให้ระวังแนวต้าน 1490-1500 จุดแต่หากหลุด 1455 จุดเป็นสัญญาณไม่ดีอีกครั้ง ให้ Stop Loss แนวรับคือ 1440-1410 จุด ส่วนปัจจัยที่น่าติดตามคือ1) ราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง QTD ปรับขึ้นมาแล้วราว 15% หลังโอเป็กพลัสเลื่อนลดผลิต มีโอกาสที่ 4Q63 จะเกิดกำไรจากสินค้าคงเหลือ (Stock Gain) จึงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรฯในระยะนี้เป็นอย่างดี 2) วานนี้ ครม.อนุมัติหลายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ คนละครึ่ง เพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการฯ และเพิ่มเงื่อนไข เราเที่ยวด้วยกัน หุ้นท่องเที่ยวปรับตัวสูงขึ้น และ 3) FTSE SET Large-Cap Index เพิ่ม:- DELTA, SCGP ตัดออก: DTAC,TOP (มี Mid-Cap ด้วย ติดตามรายละเอียดด้านใน)
# Stock Pick Today: KBANK ยังไปได้อีกไกล ประเมินทางสถิติพบว่าในแง่การประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ปัจจุบันยังซื้อขายที่ระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปีอีกทั้งคาดการณ์ว่ากำไรปี 64 จะกลับมาฟื้นตัว +14% y-o-y หลังจากปีนี้ลงลึก -47% y-o-y ฐานะเงินกองทุนแข็งแกร่ง กำหนดราคาพื้นฐาน 181.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยP/BV ปี 64 ที่ 1.0 เท่า (-1.3 SD จากค่าเฉลี่ย P/BV ในอดีต) ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลงวดปีนี้และปี 64 เป็น 2.1%/2.4% ตามลำดับ ถือว่าน่าพอใจ
กลยุทธ์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นบวก ในรูปแบบพร้อมที่พร้อมจะเปลี่ยนเป็น“ลบ”ตามมา {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”ต่อ (แต่มี“สภาวะOverbought + Divergence” ในดีกรีที่มีนัยสำคัญต่อการลง + มี“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบยังให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มี“SMA10”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1490 – 1500 (หรือ 1520)จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1455” (แนวรับย่อย “1440, 1410 / 1390” จุด)}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Update : ASP (ถือ -ราคาพื้นฐาน 1.86)
TPRIME (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 14.40)
Initial Coverage : STGT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 101.00)
New Listing : MBK-W1
Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ วัคซีน: FDA อาจอนุมัติให้มีการใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในช่วงปลายสัปดาห์นี้
# คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) อาจอนุมัติให้มีการใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุว่าสหรัฐอาจเผชิญกับวิกฤตด้านสาธารณสุขครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ในช่วงฤดูหนาวนี้
+ วัคซีน: FDAเผยการทดลองวัคซีนของไฟเซอร์ ไม่ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย
# นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพอย่างคึกคัก โดยหุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 3.18% หลังจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ(FDA) เปิดเผยว่า ข้อมูลจากการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ ไม่ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย นอกจากนี้ ข้อมูลยังมีความสอดคล้องกับข้อเสนอของ FDA ที่จะให้มีการอนุมัติวัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉิน (EUA)
• สหรัฐ: สภาฯ จะโหวตร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐก่อน
# สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะโหวตร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์)เป็นเวลา 1 สัปดาห์ในวันนี้ (9 ธ.ค.) และเพื่อให้เวลาแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากขึ้นในการเจรจาข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
+/- สหรัฐ: สภาฯคาดหวังผ่านม.กระตุ้นเศรษฐกิจภายใน 11 ธ.ค.ก่อนจะชัตดาวน์
# ทางด้านนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาแสดงความหวังว่า สภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการออกกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ภายในวันที่ 11 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐจะเผชิญภาวะชัตดาวน์
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 104.09 จุด ข่าววัคซีนคืบหน้าหนุนแรงซื้อหุ้นสุขภาพ
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพ หลังมีข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมทั้งการโหวตร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์)
- น้ำมัน: WTI ปิดลบ 16 เซนต์ วิตกล็อกดาวน์ฉุดดีมานด์น้ำมัน
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
• ทองคำ: ปิดบวก $8.9 เก็งสหรัฐกระตุ้นศก.,บอนด์ยีลด์ร่วงหนุนแรงซื้อ
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า สหรัฐจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 นอกจากนี้ การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังเป็นปัจจัยดึงดูดแรงซื้อทองคำ
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะประกาศสัปดาห์นี้
# นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.,ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ ครม.อนุมัติ “คนละครึ่ง” ระยะที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานราก
# ครม.อนุมัติโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานรากให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 โดยแบ่งกลุ่มผู้ใช้สิทธิเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) ผู้ได้รับสิทธิเดิม ไม่เกิน 10 ล้านคน จะได้รับสิทธิวงเงินสนับสนุนจากรัฐเพิ่มเติมคนละ 500 บาท ในวันที่ 1 ม.ค.64 ซึ่งเมื่อรวมกับวงเงินตามสิทธิที่มีอยู่เดิม 3,000บาท เท่ากับจะมีวงเงินรวม 3,500 บาท สามารถใช้จ่ายได้ถึงวันที่ 31 มี.ค.64 และ 2) ผู้ลงทะเบียนใหม่ ไม่เกิน 5 ล้านคนจะได้รับสิทธิวงเงินสนับสนุนจากรัฐคนละ 3,500 บาท สำหรับใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.64
+ ครม.อนุมัติโครงการเพิ่มเงินให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 อีก 500 บาท
# ครม.อนุมัติโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 รัฐบาลจะเพิ่มวงเงินช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนประมาณ 14 ล้านคน ให้เป็นค่าซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลาเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ม.ค.-มี.ค.64
+ ครม.ไฟเขียวปรับปรุงโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน กระตุ้นท่องเที่ยว
# ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการปรับปรุง "โครงการเราเที่ยวด้วยกัน" ทั้งเพิ่มจำนวนการจองห้องพัก ขยายระยะเวลาโครงการฯ รวมทั้ง สนับสนุนค่าเครื่องบินจาก 2,000 บาท เป็น 3,000 บาท ใน 7 จังหวัดท่องเที่ยว พร้อมปรับลดกรอบวงเงินโครงการฯ เหลือ 15,000 ล้านบาท จาก 20,000 ล้านบาท
+ สภาผู้ส่งออกคาดส่งออกไทยปี 64 ว่าจะฟื้น 3-5% ส่วนหนึ่งเพราะไทยเข้า RCEP
# สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก คาดการณ์การส่งออกไทยในปี 64 ว่าจะฟื้นมาเติบโต3-5% โดยปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ 1) ไทยร่วมลงนามไทยความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)ครอบคลุมตลาดที่มีประชากรรวมกันถึง 2.2 พันล้านคน 2) ความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 3) สินค้ากลุ่มอาหารและกลุ่มเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ยังส่งออกได้ดีต่อเนื่อง 4) ระดับราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นกว่าปี 63 และ 5)การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วทางเศรษฐกิจของประเทศจีน
+/- หลักทรัพย์เข้าคำนวณ FTSE ประกาศหลังปิดทำการเย็นวานนี้ มีผล 21 ธ.ค.63
# FTSE SET Large-Cap Index เพิ่ม:- DELTA, SCGP ตัดออก: DTAC,TOP
# FTSE SET Mid-Cap Index เพิ่ม:- DOHOME, DTAC, JMT, STGT, TOP ตัดออก: DELTA,THAI
+/- SET 50, SET 100 ปกติประกาศกลางเดือน ธ.ค.63 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค.ถึง มิ.ย.64
# Consensus คาดหุ้นที่จะเข้าคำนวณใน SET50 ได้แก่ DELTA, BAM, COM-7 ขณะที่หุ้นที่คาดจะหลุด SET50 คือBPP, IRPC และ WHA
# สำหรับ SET100 หุ้น Consensus คาดว่าจะได้เข้าคำนวณ ได้แก่ DELTA, BAM, MBK, JMART ขณะที่หุ้นที่คาดหลุดSET100 คือ AAV, PSH, SGP และ SIRI
# ผลกระทบ: หลักทรัพย์ที่มีความโดดเด่นที่ถูกคาดว่าจะได้รับคัดเลือกเข้าทั้ง SET50 และ SET100 คือ DELTAและ BAM อย่างไรก็ตามได้มีการเก็งกำไรไปบางส่วนล่วงหน้าแล้ว
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web