- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 28 October 2014 17:19
- Hits: 1705
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET รีบาวด์มาพอควรแล้วต้องระวังกลับไปปรับลงต่อ..ถือเงินสดไว้ก่อน!
กลยุทธ์ : หลังจาก SET รีบาวด์กลับขึ้นมาได้พอควรแล้ว ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาหนุน ทำให้ FSS คาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะกลับไปปรับพักฐานลงครั้งใหม่ได้อีก ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้เน้นถือเงินสดไว้ก่อนดีกว่า เพื่อรอจังหวะซื้อใหม่เมื่อดัชนีไหลลงต่ำ ซึ่งเรามองเป้าหมายดัชนีรอบนี้ไว้ที่ 1500 จุดหรือใกล้เคียง
หุ้นเด่นทางเทคนิค : RCL, PF , TPIPL(short)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้แม้ว่า SET จะมีจังหวะแกว่งย้อนลบเล็กน้อยในช่วงต้นชั่วโมงบ้าง แต่สุดท้ายก็ยังสามารถกลับมาเคลื่อนไหวในด้านบวกเป็นหลักเกือบตลอดทั้งวัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ เข้ามา ทำให้ตั้งแต่ช่วงสายจนกระทั่งปิดทำการ ดัชนีหุ้นไทยจะอยู่ในลักษณะแกว่งตัวค่อนข้างแคบ ขณะที่เช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศไม่ได้สดใสนัก โดยตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เปิดเป็นลบและแกว่งตัวด้านลบอยู่ แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะสามารถพลิกกลับมาปิดบวกเล็กน้อยได้ แต่ตลาดยุโรปส่วนใหญ่ยังปิดลบ จากความกังวลว่าผลประชุมเฟดในช่วง 2 วันนี้(28-29 ต.ค.) อาจจะมีการประกาศยุติโครงการ QE รวมทั้งมีแรงขายในหุ้นกลุ่มแบงก์ยุโรปหลังทราบผลการทำ stress test ด้วย ทำให้ FSS คาดว่า SET มีแนวโน้มที่จะกลับไปปรับตัวลงอีกครั้ง หลังจากรีบาวด์ขึ้นมาพอควรแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน โดยยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาหนุน รวมทั้งความกังวลต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลกยังกดดัน และนักลงทุนยังรอดูผลประชุมเฟดในวันพรุ่งนี้(29 ต.ค.) นอกจากนี้ยังรอติดตามการเปิดเผยตัวเลข GDP ของสหรัฐในวันพฤหัสที่ 30 ต.ค.ด้วย
แนวรับ 1545-1542 , 1540-1536 จุด แนวต้าน 1550-1552 , 1556-1560 จุด
Fund Flow วานนี้ไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบาง โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ซื้อตลาดหุ้นไต้หวัน US$216 ล้าน อินโดนีเซีย US$55.8 ล้าน เกาหลีใต้ US$14.1 ล้าน และเวียดนาม US$0.3 ล้าน แต่ขายตลาดหุ้นไทย US$41.5 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$6.6 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางรอผลประชุมเฟดคืนวันที่ 29 พ.ย. นี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) คาด Fed สิ้นสุด QE3 อย่างเป็นทางการสิ้นเดือนนี้ จากขนาดการซื้อสินทรัพย์ที่เหลืออยู่ US$1.5 หมื่นล้าน เนื่องจากเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว การจ้างงานนอกภาคเกษตรที่กลับมาเท่ากับระดับปกติก่อนเกิดวิกฤต และตลาดบ้านปรับตัวดีขึ้น จึงไม่มีเหตุผลที่จะคง QE ต่อไป แต่อาจส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปก่อน เพราะเงินเฟ้อไม่กดดันและเศรษฐกิจโลกส่อแววชะลอ อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าชั่วคราว
(+) GUNKUL เป็นหุ้นเด่นที่เราแนะนำในกลุ่มพลังงานทดแทน แม้ว่ากำไรใน 3Q14 จะชะลอตามฤดูกาล แต่ศักยภาพในอนาคตยังสดใสจากตลาดโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กว่า 1,400MW ที่รออยู่ในอนาคต โดยเฉพาะในส่วนของงานค้างท่อ 576MW คาดว่าจะรู้ผลต้น พ.ย. นี้ เราเชื่อว่าบริษัทมีโอกาสสูงที่จะได้รับงานเพิ่มเติม ซึ่งทำให้ราคาเป้าหมายของเราที่ 22 บาทมีแนวโน้มจะปรับขึ้น แนะนำหาจังหวะซื้ออ่อนตัว
(-) TOP เราคาดผลประกอบการ 3Q14 จะขาดทุนสุทธิถึง 1,619 ล้านบาท จากขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบที่คาดว่าจะสูงถึง 4,061 ล้านบาท แม้ธุรกิจอะโรเมติกส์จะกลับมาเป็นกำไรจากที่ขาดทุน 2 ไตรมาสติดต่อกัน แต่ไม่สามารถชดเชยได้ แนวโน้มใน 4Q14 คาดว่าจะมีกำไรแต่อยู่ในระดับต่ำ ส่วนแนวโน้มค่าการกลั่นปีหน้าจะถูกกดดันจากกำลังการกลั่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นถึง 60% เราปรับกำไรสุทธิปีนี้ลง 52% เป็นหดตัว 53% Y-Y และปรับกำไรปีหน้าลง 32% เป็นเติบโต 53% Y-Y แต่ยังต่ำกว่าระดับปกติถึง 30-40% เราปรับลดเป้าหมายปี 2015 ลงจาก 57 บาทเหลือ 47 บาท ลดคำแนะนำลงเป็นถือ จากเดิมซื้อ
(-) BCP เราคาดกำไรสุทธิ 3Q14 หดตัวถึง 87% Q-Q และ 88% Y-Y จากขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบกว่า 1.4 พันล้านบาท แม้ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นแต่ไม่สามารถชดเชยได้ แนวโน้มผลประกอบการจะอ่อนแอต่อใน 4Q14 เพราะน่าจะมีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันอีก ส่วนแนวโน้มค่าการกลั่นในปี 2015 จะถูกกดดันจากกำลังกลั่นใหม่จากตะวันออกกลางเข้าสู่ตลาดเพิ่มเป็น 800KBD จาก 500KBD ในปีนี้ เราปรับลดกำไรปี 2014-15 ลงปีละ 13% ปรับลดเป้าหมายปี 2015 จาก 33 บาทเหลือ 31 บาท ลดคำแนะนำลงเป็นขาย จากเดิมถือ
(+) HMPRO รายงานกำไรสุทธิต่ำกว่าคาดเล็กน้อย -3% Q-Q, +6% Y-Y จากอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าคาดและดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น แต่ยอดขายสาขาเดิมในไตรมาสนี้เติบโต 4-5% Y-Y โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นในกลุ่ม แนวโน้มกำไรใน 4Q14 จะเป็นจุดสูงสุดของปีเพราะมีงาน Expo เดือน พ.ย. และเปิดสาขาอีก 3 แห่ง เรายังคาดกำไรปี 2014-15 โต 7% Y-Y และ 19% Y-Y คงราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 10.70 บาท (DCF) แนะนำซื้อ
(0) DELTA กำไรปกติใกล้เคียงคาด +21% Q-Q, +12% Y-Y จากการปรับ Product mix ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น การคุมค่าใช้จ่ายได้ดี และเป็น high season เรายังคงคาดกำไรปกติปีนี้โต 16% Y-Y ปีหน้าโต 13% Y-Y แต่ upside ของราคาหุ้นจำกัดเมื่อเทียบกับเป้าหมายปีหน้าที่ 67 บาท จึงลดคำแนะนำลงเป็นถือ จากเดิมซื้อ
ตลาดหุ้นนิวยอร์คยังปิดเป็นบวกได้อีก 12.53 จุดหรือคิดเป็น 0.07% หลังปรับตัวลงเป็นลบก่อนในช่วงต้น หลังผลประกอบการของบริษัทเอกชนในสหรัฐยังออกมาสดใส และยอดการทำสัญญาขายบ้านของสหรัฐยังปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.ย.
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดเป็นลบ เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลี หลังมีรายงานว่าธนาคารของอิตาลีหลายแห่งไม่ผ่านการทำ stress test
ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดเป็นลบอีกครั้ง แต่ก็ยังเป็นการแกว่งตัวในกรอบจำกัดอยู่
ค่าเงินบาทเริ่มมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนอีกครั้ง หลังขยับอ่อนค่ามาพอควร โดยล่าสุดแกว่งตัวแคบๆ ภายในกรอบ 32.39-32.43 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ยังลงต่ออีก 0.01 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 81 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดแนวโน้มราคาน้ำมันดิบปีหน้าลง
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. กลับมาปรับลง 2.5 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,229.3 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจจะยุติ QE ในการประชุมสัปดาห์นี้(28-29 ต.ค.)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
28-29 ต.ค. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
28 ต.ค. - สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.ย.), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค(ต.ค.)
- ยูโรโซน: European Commission Economic Forecasts
30 ต.ค. - ไทย: TSE เทรดวันแรก (ราคา IPO 3.90 บาท)
- สหรัฐ: 3Q14 GDP
31 ต.ค. - ไทย: ธปท.รายงานเศรษฐกิจเดือน ก.ย., SPA เทรดวันแรก (ราคาIPO 1.70 บาท)
- ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม
- ไต้หวัน: 3Q14 GDP
1 พ.ย. - จีน: Manufacturing PMI (ต.ค.)
3 พ.ย. - ไทย: BA เทรดวันแรก (ราคา IPO 25 บาท)
- จีน: Non-manufacturing PMI (ต.ค.)
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (ต.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852