กลยุทธ์ลงทุนรายวัน

วานนี้ SET ย่อตัว จากความกังวลทางการเมืองที่มีการปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุมอีกครั้ง โดยสิ้นวัน SET ปิดที่ 1,349.81 (-1.25 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.0 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 7.9 หมื่นล้านบาท)  

โดยนักลงทุนต่างชาติ ซื้อหุ้นไทย 1,417 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,665 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 20,963 สัญญา)

MAJOR (ปรับราคาเป้าหมายขึ้นสู่ 18.20 บาท) ผลประกอบการเริ่มฟื้นตัวใน 3Q63 โดย EBITDA ฟื้นมาเป็นบวกจากการลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย คาดแนวโน้ม 4Q63 ค่อยๆ ดีขึ้นก่อนที่จะเติบโตอย่างมีนัยยะในปี 2564 จากการที่หนังฮอลิวูดและหนังไทยเตรียมเข้าฉายจำนวนมาก และการดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การเมืองในประเทศร้อนแรงขึ้น

: วานนี้ตลาดหุ้นไทยถเผชิญแรงขายในภาคบ่าย กด SET กลับมาปิดในแดนลบ โดยมีปัจจัยกดดันจากความกังวลต่อปัญหาการเมืองในประเทศที่ดูเหมือนจะกลับมาร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่บริเวณใกล้รัฐสภาฯ ซึ่งในที่ประชุมสภาฯกำลังมีการอภิปรายประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยวันนี้แนะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อการโหวตรับ/ไม่รับ ร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ฉบับ ซึ่งจุดสำคัญจะอยู่ที่ร่างฉบับไอลอร์ (iLaw) ซึ่งหากไม่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาฯ ก็อาจสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งแนะติดตามการนัดชุมนุมใหญ่วันนี้ ซึ่งกลับมาที่จุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญอีกครั้ง คือบริเวณแยกราชประสงค์ ดังนั้นด้วยการเคลื่อนไหวเช่นนี้อาจกลับมาเป็น sentiment เชิงลบต่อการลงทุนในระยะสั้น โดยสรุปอาจกดดัน SET ย่อลงมาทดสอบบริเวณแนวรับที่สำคัญบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย EMA200วัน ที่ระดับ 1340+/- จุดอีกครั้ง ส่วนปัจจัยอื่นในวันนี้ที่น่าติดตาม เช่น การประชุม กนง. คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% 

Investment Strategy

: วันนี้คาด SET ย่อสร้างฐาน กรอบแนวรับ 1,340 และแนวต้าน 1,365 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “MAJOR, AU, NRF”

AH มีดีลออเดอร์ใหม่ รับโชคยอดรถยนต์ฟื้น (ทันหุ้น)

ความเห็น : เราประเมิน กำไรปีนี้ 260 ล้านบาท ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 181 ล้านบาท และ กำไรปี 2564 เท่ากับ 527 ล้านบาท เติบโต 103% ตามยอดผลิตรถยนต์ที่คาดจะฟื้นตัวประมาณ 10% สู่ระดับ 1.55 ล้านคัน ในปี 2564  เราประเมินราคาเป้าหมาย บนฐานค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปี ประมาณ 9.3 เท่า โดยใช้กำไรปี 2564 จะได้เท่ากับ 15.5 บาท แนะนำ Trading Buy ช่วงอ่อนตัว

BTS-BEM ฟื้นชัดกำไรโต รฟม.เลื่อนเปิดซองสีส้ม (ข่าวหุ้น)

ความเห็น : เราคาดว่าศาลปกครอง น่าจะเลื่อนไปไม่ได้ไกลมาก เพราะกำหนดเปิดซองจะเกิดในช่วงปลายเดือนนี้ เชื่อว่าจะมีความชัดเจนก่อนเปิดซอง โดยการฟื้นตัวของกำไรไตรมาส 3/63 จะเห็นชัดว่า BEM ฟื้นตัวได้ดีกว่า BTS มาก จากหน่วยงานทางด่วนที่ฟื้นแข็งแกร่งใกล้เป็นปกติแล้ว ขณะที่ในแง่ราคาหุ้น BEM มี upside มากกว่าอีกด้วย แนะนำ ซื้อ 13.00 บาท ส่วน BTS นอกจาก upside จะจำกัดแล้ว ยังมีประเด็นทวงค่าเดินรถส่วนต่อขยายจาก กทม. มากดดันอีก แนะนำ  ถือ 10.80 บาท

PSH ปักธงปี 64 รายได้โต 15% เล็งผุด 30-35 โครงการ มูลค่า 3-3.5 หมื่นล้าน (ข่าวหุ้น)

ความเห็น : PSH คาดหวังการปรับตัวขึ้นบ้างของธุรกิจอสังหาฯจากฐานที่ต่ำมากในปี 2020 แต่การจะกลับมาเป็นเจ้าตลาดอีกครั้งคงยาก และขาดทุนจากการเปิดโรงพยาบาลในกลางปี 2021 จะกดดันกำไรต่อเนื่องไปอีก 4-5 ปี บริษัทคาดการณ์ว่าธุรกิจโรงพยาบาลจะสามารถทำกำไรได้ใน 7 ปี แนะนำ ขาย เป้า 9.15 บาท

RBF โชว์กำไร 9 เดือนพุ่ง 56.71% ทุ่มงบ 200-250 ล้าน สร้างโรงงานในอินโดฯ (ข่าวหุ้น)

ความเห็น : คงมุมมองบวกต่อ RBF คาดกำไร 4Q63 ขยายตัวได้ QoQ, YoY จาก (1)กลุ่มลูกค้าเครื่องดื่มมีการเปิดตัวสินค้ากันมากขึ้น และ (2)เห็นการประหยัดต้นทุนจากโรงงานอินโดฯมากขึ้น ขณะที่ Outlook ปี 64 ยังสดใสต่อเนื่องด้วยลูกค้าใหม่ๆ ที่ปิดดีลได้ในปีนี้เป็นไปตามคาด และจะเริ่มเห็นออเดอร์เพิ่มขึ้นในปีหน้า คาดหนุนรายได้ขยายตัวต่อ YoY ทั้งปี  คงคำแนะนำ ”ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 บาท

ยอดขายรถต.ค.ได้รับอานิสงส์รัฐช่วยกระตุ้นสินค้าเกษตรดี (แนวหน้า)

ความเห็น : ตัวเลขอุตสาหกรรมรถยนต์เดือน ต.ค. เริ่มชะลอตัว หลังจากที่ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันมา 5 เดือน แต่นับว่าผู้ในเกณฑ์เกือบปกติ คือ ลดลงไม่มาก คือ ยอดผลิตรถยนต์ 149,360 คัน (-1%MoM, -2%YoY)  คาดผลิตรถยนต์ปีนี้ 1.4 ล้านคัน ลดลง 30% ปีหน้าจะฟื้นตัว 1.55 ล้านคัน โต 10% คงน้ำหนักลงทุนเท่าตลาด แนะนำ ซื้อ STANLY (เป้าหมาย 175 บาท) SAT (เป้าหมาย 14.8 บาท) และ Trading Buy ใน AH (เป้าหมาย 15.50 บาท)