- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 27 October 2014 16:51
- Hits: 1455
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังมีสิทธิดีดขึ้นได้ แต่คาดกรอบบวกจำกัด จึงเน้นถือเงินสดต่อ!
กลยุทธ์ : แม้ว่า SET ยังอยู่ในช่วงรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ หลังนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการทำ stress test ของแบงก์ในยุโรปลงบ้าง แต่ถ้ายังไม่มีปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม FSS คาดว่าก็ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรกดดันในช่วงบวกให้ SET กลับไปปรับตัวลงอีกครั้งไว้อยู่ โดยกรอบบวกช่วงนี้คาดว่ามีจำกัด ดังนั้นเรายังแนะนำให้เน้นถือเงินสดไว้ก่อนดีกว่า เพื่อรอจังหวะซื้อใหม่เมื่อดัชนีไหลลงต่ำ ซึ่งเรามองเป้าหมายไว้ที่ 1500 จุดหรือใกล้เคียง
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SVI, E, GFPT(short)
แนวโน้ม : ตลาดหุ้นสหรัฐยังสามารถขยับบวกต่อเนื่องเมื่อคืนวันศุกร์(24 ต.ค.) หลังผลประกอบการของบริษัทเอกชนต่างๆ ที่ทยอยประกาศยังออกมาดี ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปจะปิดปรับตัวลง จากความวิตกเกี่ยวกับผลการทดสอบภาวะวิกฤติ(stress test) ของธนาคารในยุโรป ซึ่งนักลงทุนกังวลว่าจะมีธนาคารหลายแห่งไม่ผ่านการทดสอบ อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้ว ECB ประกาศว่ามีธนาคารเพียง 25 แห่งจาก 130 แห่งที่ไม่ผ่านการทดสอบฯ ซึ่งธนาคารเหล่านี้มีเวลา 9 เดือนในการชดเชยภาวะฐานเงินทุนให้เป็นไปตามข้อกำหนด จึงทำให้นักลงทุนยังมีความมั่นใจในสินทรัพย์เสี่ยง และช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดเป็นบวกได้ดีพอควร ขณะที่ตลาดหุ้นไทยก็ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยผลักดันให้ SET มีจังหวะแกว่งบวกได้ตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ FSS คาดว่าต้นสัปดาห์นี้ดัชนียังมีลุ้นโอกาสแกว่งตัวในด้านบวกได้อีก แต่ถ้าไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาหนุนเพิ่มเติม เราคาดว่า SET จะขยับบวกขึ้นได้ในกรอบจำกัด และต้องระวังแรงขายกดดันให้ SET กลับไปปรับตัวลงต่อไว้ด้วย
แนวรับ 1535-1530 , 1525-1520 จุด แนวต้าน 1542-1545 , 1550-1556 จุด
Fund Flow สัปดาห์ที่ผ่านมากลับมาไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบางมาก US$92 ล้าน จากไหลออก US$2,767 ล้านเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า ศุกร์ที่ผ่านมาเข้าออกสลับในปริมาณเบาบางมาก โดยต่างชาติซื้อสุทธิเกาหลีใต้ US$307.9 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$3.1 ล้าน และเวียดนาม US$0.8 ล้าน แต่ขายไต้หวัน US$197.9 ล้าน ไทย US$85.2 ล้าน อินโดนีเซีย US$29.2 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบารอผลประชุมเฟด 28-29 ตค.
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ธนาคาร 25 แห่งในยุโรปไม่ผ่าน Stress Test โดยธนาคาร 12 แห่งได้เพิ่มทุนสำเร็จแล้วเมื่อปลายปีก่อน อีก 13 ธนาคารต้องทำแผนเพิ่มทุนเพื่อเสนอให้ ECB ภายใน 2 สัปดาห์และต้องเพิ่มทุนให้เสร็จภายใน 9 เดือน แม้ไม่ใช่ข่าวดีแต่ตลาดหุ้นกลับพอใจที่เห็นความชัดเจน อย่างไรก็ตาม การประชุม Fed 28-29 ต.ค. นี้ที่จะมีการสิ้นสุด QE3 อย่างเป็นทางการ อาจทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่า ระวังความผันผวนของค่าเงินบาท
(+) ก.คมนาคมประเมินแผนยุทธศาสตร์พัฒนาคมนาคมขนส่ง 8 ปี (ปี 2015-22) คาดลงทุนไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านบาทยังไม่รวมโครงการรถไฟฟ้า 10 สายและมอร์เตอร์เวย์ สำหรับงบฯปี 2015 จะให้ความสำคัญกับโครงการรถไฟทางคู่เป็นหลัก 6 เส้นทาง และมีโครงการรถไฟฟ้าหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตที่อยู่ระหว่างเร่งประกวดราคา และอีก 6 โครงการรถไฟฟ้าที่เตรียมขออนุมัติ รวมทั้งการพัฒนาทางน้ำ ขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่งเป็นบวกกับกลุ่มรับเหมา Top picks คือ CK และ STEC รวมถึงกลุ่มขนส่งคือ AOT
(-) BCP เราคาดกำไรสุทธิ 3Q14 ลดลงถึง 87% Q-Q และ 88% Y-Y ส่วนกำไรปกติ คาดลดลง 77% Q-Q และ 89% Y-Y จากผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบ แม้ค่าการกลั่นจะเพิ่มขึ้นแต่ไม่สามารถชดเชยได้ เรามีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรลง และราคาหุ้นยังถูกกดดันจากการลดสัดส่วนของ PTT เราคิดว่าหุ้น BCP ไม่น่าสนใจ
(+) TUF ศุกร์ที่ผ่านมามี Big lot 45 ล้านหุ้น ที่ราคา 69 บาทจากการขายของ Standard Charter Private Equity ที่ใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญ เป็นการปลดล็อกความกังวลของตลาด เราแนะนำให้ซื้อจากกำไรปกติ 3Q14 ที่คาดว่าจะทำ new high +26% Q-Q, +94% Y-Y และปี 2015 ได้ประโยชน์เต็มปีจากการซื้อ MerAlliance และ King Oscar คงราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 84 บาท (PE 15 เท่า)
(+) DTAC แม้กำไรใน 3Q14 จะต่ำกว่าที่เราคาด และทำให้เราปรับกำไรปกติปีนี้ลง 5% เป็นหดตัว 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็ถือว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ราคาหุ้นที่ปรับลงมาทำให้ upside กว้างขึ้นเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายปี 2015 ใหม่ที่ปรับลงเป็น 113 บาท และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจ 6% ต่อปี จึงเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมถือ
(+) IPO ใหม่ “VPO” บมจ. วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบมานานกว่า 25 ปี มีกำลังผลิตรวม 180 ตันผลปาล์มทะลายต่อชั่วโมง เป็นกำลังผลิตสูงสุดในจ.ชุมพร มีสวนปาล์มของตนเอง ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบ 14% ของวัตถุดิบรวม ที่เหลือซื้อจากภายนอกซึ่งบริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม และมีโรงไฟฟ้าขนาด 8.4MW เราคาดกำไรในปีนี้ทรงตัวเมื่อเทียบปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 24% ในปี 2015 จากปริมาณขายที่เพิ่มและดอกเบี้ยจ่ายลดลง เราประเมินเป้าหมายปี 2015 ที่ 2.90 บาท (PE 13 เท่า) (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ VPO)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดเป็นบวกต่อเนื่องในค่ำวันศุกร์ถึง 127.51 จุดหรือคิดเป็น 0.76% ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาดูผลประกอบการซึ่งบริษัทต่างๆ ได้ทยอยเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งข่าวการยืนยันว่าผู้ติดเชื้ออีโบลารายแรกในนิวยอร์กจะไม่ส่งผลต่อภาวะการซื้อขาย
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนวันศุกร์ยังปิดเป็นลบ เนื่องจากถูกกดดันจากความไม่มั่นใจต่อผลการทำ Stress test ของแบงก์ในยุโรป ซึ่งสุดท้ายผลออกมาว่ามีแบงก์ไม่ผ่าน 25 แห่งจาก 130 แห่ง
ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เริ่มกลับมาแกว่งด้านบวกอีกครั้ง แต่กรอบไม่กว้างนักและยังมีบางแห่งย้อนลบอยู่ด้วย
ค่าเงินบาทยังขยับอ่อนค่าลงต่อเนื่องอยู่ แต่ล่าสุดเริ่มแกว่งทรงตัวภายในกรอบ 32.32-32.4 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 1.08 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 81.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากดีดขึ้นแรงวันก่อน โดยเทรดเดอร์มองว่าการที่ซาอุดิอาระเบียลดปริมาณการส่งออกไม่ได้เป็นสัญญาณว่าการผลิตของประเทศลดลง
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ขยับขึ้น 2.7 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,231.8 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังนักลงทุนเข้าเก็งกำไรจากการปรับลงติดต่อกัน และค่าเงินดอลล์อ่อนค่า
Contact person : Somchai Anektaweepon Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852