WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 4-11-2020dbs
 “เกิด BLUE WAVE-DJ น้ำมันขึ้นต่อ-ติดตามประชุมเฟด”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : KCE (จากซื้อเป็นถือ), SYNEX (จากถือเป็น Full Valued)
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ ปรับขึ้นดี ปิด +19.17 จุด ที่ 1221.33 จุด มูลค่าซื้อขาย 50 พันลบ. ดัชนีปรับขึ้นสอดคล้องกับภูมิภาค คาดมีการเก็งกำไรไบเด็นชนะทรัมป์ ดาวโจนส์ขึ้นดี PMI ภาคการผลิตออกมาดีทั้ง จีน ยุโรป และสหรัฐ ทำสถิติดีขึ้น รอผลประชุมเฟด 4-5 พ.ย.นี้ ช่วงนี้กลุ่มอุตสาหกรรมทยอยประกาศงบไตรมาส 3 วานนี้กลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯบวกดี หลังน้ำมันปรับขึ้น ซื้อสุทธิมาก-สถาบัน ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ YTD ต่างชาติขายสุทธิสูงเป็น 303 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET-คาดแกว่งขึ้น เลือกตั้งจะเกิด BLUE WAVE หรือไม่ DJ-น้ำมันปรับขึ้นดี รอประชุมเฟด ปัจจัยบวก คือ หากไบเดนชนะขาด ครองเสียงมากทั้งวุฒิสภาและสส. (Blue Wave) ก็จะเปิดทางกระตุ้นศก.ครั้งใหญ่ รัฐที่จะรู้ผลเลือกตั้งก่อน เช่น จอร์เจีย อินเดียนนา เคนตักกี้ เป็นต้น ดาวโจนส์ +555 จุด น้ำมัน WTI +85 เซ็นต์ คาดปีหน้าเลื่อนแผนลดผลิต อุปทานยังน้อย โอเปกพลัสประชุม 30 พ.ย.-1 ธ.ค.63 ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน ก.ย.ดีขึ้น ดัชนีกังวล Vix ลดลงเป็น 35.6 จุด ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่บวก ไทย ติดตามนายกๆลงนาม พรบ.การออกเสียงประชามติ อาจจะมีมาตรการกระตุ้นศก.เพิ่มหลัง คนละครึ่ง และเที่ยวไปด้วยกันได้ผลดี ด้านปัจจัยลบคือ Ant Group ถูกระงับการ IPO ทั้งที่ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ แต่เช้านี้ ดาวโจนส์ Future ปรับลง และติดตามประชุมเฟด 4-5 พ.ย.นี้ สำหรับกลยุทธ์ระยะสั้น มีการเก็งกำไรมากขึ้น จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หากไบเด็นชนะตามโพลล์ อาจกลับมาสนใจหุ้นวัฏจักรมากขึ้น เพราะเก็งว่าการกีดกันทางการค้าจะลดน้อยลงกว่าสมัยทรัมป์ หุ้นวัฏจักร ได้แก่พลังงาน ปิโตรเคมี ธนาคาร ไฟแนนซ์และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น การเล่นรอบระยะนี้คาดดัชนีซื้อ-ขายในช่วง 1200-1240 จุด ระวังแนวต้าน 1230-1240 จุดแต่หากหลุด 1210 จุดเป็นสัญญาณไม่ดีอีกครั้ง ให้ Stop Loss ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังไม่สดใส จากปัจจัยผู้ติดเชื้อทั่วโลกสูงแก้ปัญหาไม่ได้ และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น หุ้นกลุ่ม Market Cap ใหญ่ถูกขาย โดยเฉพาะพลังงาน ที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกตก แต่ก็มีสัญญาณการฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ วัคซีน-ยาคืบหน้า ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ เงินออมบางส่วนไหลเข้าตลาดหุ้น รัฐมีมาตรการเยียวยา ราคาหุ้นลงมาต่ำ จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดี Defensive และปันผลสูง แนวรับคือ 1180-1160 จุด และ แนวต้าน 1230-1240 จุด ปัจจัยน่าติดตามคือ 1) KCE ปรับลดจาก ซื้อเป็น ถือ เพราะUpside จำกัด ที่ราคาพื้นฐาน 42 บาท แม้กำไร 3Q63 โต 92% q-o-q 2) CPF ราคาขยับขึ้นหลังดีลการซื้อธุรกิจสุกรในจีนสำเร็จ คาดช่วยเพิ่มกำไรในอนาคต แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 35 บาท และ 3) TU คาดประกาศงบ 3Q63 วันนี้ แนวโน้มกำไรหลัก 3Q63 จะออกมาแข็งแกร่งมาก เป็น 1.81 พันล้านบาท (+31.3% y-o-y,+4.7%q-o-q) เพราะอุปสงค์ในกลุ่มสินค้าอาหารทะเลแปรรูปมีอยู่สูงในช่วงล็อกดาวน์ แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 18.90 บาท
# Stock Pick Today: PTTEP บริษัทคาดปริมาณขายปิโตรเลียมปี 64 ไม่ต่ำกว่าปีนี้ ที่คาดว่าจะทำได้ระดับ 350,000 บาร์เรลต่อวัน จากปริมาณผลิตใหม่ที่เข้ามาเพิ่มเติมส่วนทิศทางราคาน้ำมันดิบ 4Q63 บริษัทประเมินว่าจะอยู่ที่ระดับ 40-45 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก q-o-q เพราะคลายล็อกดาวน์ ติดตามโอเป็กพลัสประชุม 30 พ.ย.-1ธ.ค.นี้ ซึ่งหลายฝ่ายคาดจะเลื่อนการลดกำลังการผลิตน้อยลงตั้งแต่ปีหน้า อุปทานก็จะยังน้อยลง ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 101 บาท (DCF)
กลยุทธ์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็น(แค่)บวกเล็กๆ {“ปิดบวกแรง”เหนือ“SMA10วัน”อีกครั้ง (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)}ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบมีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน (แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1230 / (1240 – 1250) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1210” (แนวรับย่อย“1180 (หรือ 1160 – 1150)” จุด}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Initial Coverage : AMANAH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 3.800)
TSR (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 5.10)
Company Update : HANA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 50.50)
KCE (ถือ -ราคาพื้นฐาน 42.00)
SYNEX (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 13.84)
TEAMG (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 2.82)
Flash Note : HMPRO (ถือ -ราคาพื้นฐาน 15.20)
Stock in Focus : MCS (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 17.00)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ เลือกตั้งสหรัฐ: คาดว่าผลการเลือกตั้งเกิด "Blue Wave"เปิดทางกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
# แซค แพนเดิล นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะเกิดปรากฎการณ์ "Blue Wave" หรือสถานการณ์ที่นายไบเดนสามารถเอาชนะปธน.ทรัมป์ และพรรคเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์ ก็จะเปิดทางให้คณะทำงานของนายไบเดนสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยเยียวยาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19
# ทั้งนี้พรรคเดโมแครตเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่พรรครีพับลิกันเสนอวงเงินเพียง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ในการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
• นักลงทุนยังคงรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการ
# นักลงทุนยังคงรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ เนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศขนาดใหญ่และใช้โซนเวลาแตกต่างกัน จึงทำให้แต่ละรัฐมีเวลาเปิดหีบและปิดหีบเลือกตั้งไม่เหมือนกัน โดยรัฐจอร์เจีย อินเดียนา เคนตั๊กกีเซาท์แคโรไลนา เวอร์มอนท์ และเวอร์จิเนีย เป็นรัฐกลุ่มแรกที่ปิดหีบเลือกตั้ง และเริ่มนับคะแนนเร็วที่สุดของสหรัฐ โดยตรงกับวันนี้เวลา 07.00 น.ตามเวลาไทย
• จับตาการประชุมเฟดวันที่ 4-5 พ.ย.- ศุกร์ประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร
# นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 4-5 พ.ย. หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเพียงวันเดียว และการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์
- แอนท์ กรุ๊ปถูกระงับการจดทะเบียนหุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้
# การระงับการจดทะเบียนหุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ได้ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของแอนท์ กรุ๊ปในการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) สูงถึง 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการทำ IPO ครั้งใหญ่ที่สุดของโลก โดยหากประสบความสำเร็จจะสามารถทำลายสถิติเดิมที่บริษัทซาอุดี อารามโคทำไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์
+ สหรัฐ: ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐก.ย.เพิ่มขึ้นดี 1.1% สูงกว่านักวิเคราะห์คาด
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนก.ย. ซึ่งดีกว่าเดือนส.ค.ที่ขยับขึ้นเพียง 0.6% และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1% โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินค้าจำพวกคอมพิวเตอร์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 554.98 จุด รับคาดการณ์ไบเดนคว้าชัยเลือกตั้งปธน.สหรัฐ
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า นายโจ ไบเดนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ และพรรคเดโมแครตจะสามารถครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งจะเปิดทางให้คณะบริหารของนายไบเดนสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
+ น้ำมัน WTI ปิดบวก 85 เซนต์ คาดโอเปกเลื่อนแผนเพิ่มผลิต
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะเลื่อนแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน เนื่องจากกังวลว่าการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรปจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
# โอเปกพลัสจะจัดการประชุมในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมัน ขณะที่ก่อนหน้านี้ โอเปกพลัสมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.2564
• ทองคำ: ปิดพุ่ง $17.9 ดอลล์อ่อนหนุนแรงซื้อ,ลุ้นผลเลือกตั้งสหรัฐ
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์มื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำก่อนที่จะรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐทยอยประกาศภายในสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค.จากADP, ดุลการค้าเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ การเมืองไทย: นายกฯ จะลงนามในร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ
# นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะลงนามในร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ภายหลังจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่างดังกล่าวเสร็จแล้ว ทั้งนี้เพื่อเตรียมส่งไปยังรัฐสภาต่อไป
+ ส่งออกไทย: สภาผู้ส่งออกปรับคาดการณ์ส่งออกไทยปี 63 ดีขึ้นมาเป็นหดตัวเหลือ -7%
# สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ปรับคาดการณ์การส่งออกของไทยปี 63 ดีขึ้นมาเป็นหดตัวเหลือ -7% จากก่อนหน้านี้ที่ประเมินไว้ที่ -8% เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์การส่งออกเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแล้ว จากแนวโน้มเศรษฐกิจการค้าโลกที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนด้วยเช่นกัน
+ รับเหมาก่อสร้าง: ครม.รับทราบความคืบหน้าทางด่วนสายกะทู้-ป่าตอง
# ครม.สัญจร รับทราบผลการดำเนินโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) มูลค่าลงทุน 14,177 ล้านบาท เป็นโครงการก่อสร้างทางยกระดับมีอุโมงค์อยู่ในช่วงกลางของแนวสายทางระยะทางรวม 3.98 กิโลเมตร ทั้งนี้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้ขอให้กทพ.เร่งดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ให้มีความชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่ทั้งหมดแล้วเสร็จได้ภายในเดือนธ.ค.63โดยตามแผนงานจะคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการได้ในเดือน มิ.ย.64 - ม.ค.66 ก่อสร้างโครงการเดือนก.พ.66-ม.ค.70 เปิดให้บริการได้ในเดือนก.พ.70 (Aspen)
# ผลกระทบ: เป็นบวกกับหลักทรัพย์กลุ่มรับเหมาก่อสร้างในระยะยาว ที่ปัจจัยพื้นฐานดี แนะนำ ซื้อ คือ CK และ NWR
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!