- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 06 October 2020 11:09
- Hits: 3168
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 6-10-2020
“ดาวโจนส์-น้ำมันพุ่ง จากทรัมป์ออกรพ.-ม.เยียวยาคืบ”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ---
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วันจันทร์ ฟื้นตัว ปิด +5.45 จุด ที่ 1242.99 จุด แต่มูลค่าซื้อขายบาง 39.5 พันลบ. ปรับขึ้นคล้ายภูมิภาค แต่อัตราขึ้นน้อยกว่าสาเหตุคือ ทรัมป์อาการดีขึ้น ศบศ.จะมีมาตการกระตุ้นฯวันที่ 7 ต.ค.นี้ แต่น้ำมันร่วงแรง ช่วงบ่ายมีการประกาศชื่อ รมว.คลังใหม่แล้ว คือ คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ตามคาด ปัจจัยลบเดิมๆคือ ผู้ติดเชื้อเพิ่ม และปัจจัยการเมืองไทย ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ YTD ต่างชาติขายสุทธิเป็น 279 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET- รีบาวด์ต่อแต่ยังต้องระวัง ทรัมป์ออกจาก รพ. มาตรการเยียวยาคืบหน้า ไทย- 7 ต.ค.ออกมาตรการกระตุ้น ปัจจัยบวกคือ วานนี้ดาวโจนส์ปรับขึ้นถึง 465 จุด น้ำมัน WTI +6% รับข่าวทรัมป์ดีขึ้น และมาตรการเยียวยาสหรัฐใกล้สำเร็จ มีความหวังยาที่ใช้รักษาทรัมป์จะช่วยประชาชนได้และเร็วกว่าคาด ดัชนีภาคบริการสหรัฐ ก.ย.ปรับขึ้นดี 7 ต.ค.-จับตาดีเบตคู่รองประธานาธิบดี และก.คลังเสนอมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายให้กับ ศบศ. ส่วนค่าระวางเรือเพิ่มต่อ 2% อาจมีเก็งกำไร PSL,TTA เงินเฟ้อ ก.ย.หดตัวน้อยกว่าคาดเป็น -0.7% เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านบวกถ้วนหน้า ดาวโจนส์ Future เพิ่มเล็กน้อย ด้านปัจจัยลบคือ โควิด-19 ยังหนักฝรั่งเศสประกาศเตือนสูงสุด ฟิลิปปินส์ติดเชิ้อมากสุดในแถบนี้ ดัชนีกังวล VIX เพิ่มเล็กน้อยเป็น 28 จุด สำหรับกลยุทธ์ระยะสั้น ความเสี่ยงยังมาก ควรเล่นรอบ ระยะนี้คาดดัชนีซื้อ-ขายช่วง 1230-1260 จุด หากหลุด 1240 จุดเป็นสัญญาณไม่ดีอีกครั้ง ให้ Stop Loss ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังไม่สดใส ความเสี่ยงคือ หมดเงินเยียวยา หนี้เสียสูง และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น แต่ก็มีสัญญาณการฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ วัคซีน-ยาคืบหน้าดอกเบี้ยในตลาดต่ำ เงินออมบางส่วนไหลเข้าตลาดหุ้น มีมาตรการเยียวยา จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดี แนวรับคือ 1230-1220 จุด และ แนวต้าน 1250-1260 จุด สำหรับเป้าหมายดัชนีทางพื้นฐานปี 63 เป็น 1340 จุด ด้วย Forward P/E ที่ระดับ 25.4 เท่า จากคาดการณ์ EPS ปี 63 และ 64 ที่มีการเปลี่ยนแปลงคือ -41%/+28% y-o-y ตามลำดับ ปัจจัยน่าติดตามคือ KBANK จะออกบอนด์สหรัฐ 2.5 พันล้านเหรียญ หรือ ราว 78.8 พันล้านบาท เพื่อเพิ่มเงินกองทุนขั้นที่ 1 อาจจะทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องเงินกองทุน คล้าย BBL ก่อนหน้าที่ออกไปถึง 7 พันล้านเหรียญ ส่วน CKP (Not Rated) วานนี้ราคาหุ้นปรับลง คาดว่าจะเป็นเพราะข่าวไทยเลื่อนแผนการรับซื้อไฟฟ้า เนื่องจากมีไฟฟ้าสำรองสูง ขณะที่บางโครงการยังไม่ลงนามสัญญาซื้อไฟฟ้า แต่ทางกลุ่ม CKPยืนยันว่าไม่กระทบ และติดตาม Preview 3Q63 ที่จะทยอยออกมา แบงก์กลุ่มแรก
# Stock Pick Today SVI ปัจจัยพื้นฐานกลับมาแกร่งขึ้น ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มเนื่องจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ล่าสุดมาจากจีนและญี่ปุ่น ขณะที่มีการเพิ่มกำลังการผลิตที่สโลวาเกีย และกัมพูชา ด้านลูกค้าเดิมมีคำสั่งซื้อสำหรับปี 64 และคาดว่าจะได้ลูกค้าใหม่ๆเพิ่มด้วย ล่าสุดปรับประมาณการปี 64 สูงขึ้น 18% สะท้อนยอดรายได้ที่มากขึ้นคำแนะนำเป็น ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐานคือ 5.00 บาท ถือว่าเป็นหุ้นที่เคลื่อนไหวช้ากว่ากลุ่ม จึงถือว่าน่าสนใจ ขณะที่ DELTA,HANA,KCE ไปไกลมาก
กลยุทธ์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เหมือนว่าจะเป็นบวกเล็กๆ {“ปิดบวกไม่มาก”ใต้“SMA10วัน” (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มีสภาวะ Oversold + Divergenceในกราฟรายนาที”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1250 (หรือ 1260 – 1270) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1240” (แนวรับย่อย “1230 – 1220 / 1200” จุด)}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : กลุ่มพลังงาน : ราคาน้ามันดิบบวกขึ้นกว่า +5% เมื่อคืนนี้
Company Update : AP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 7.80)
BCH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 17.00)
In the News: นิคมอุตสาหกรรม
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของปธน.ทรัมป์ ออกจากรพ.แล้ว
# นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของปธน.ทรัมป์ หลังมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์อาการดีขึ้น ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า ปธน.ทรัมป์ออกจากศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์ รีดแล้วในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 เป็นเวลา 4 วัน
+ สหรัฐ: ยารักษาทรัมป์ จุดประกายความหวังรักษาคนไข้ในวงกว้างและเร็วกว่าที่คาด
# นักวิเคราะห์จากบริษัทสเตทสโตน เวลธ์ ในสหรัฐกล่าวว่า นักลงทุนต่างก็ให้มีความหวังว่า ยาที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ให้กับปธน.ทรัมป์จะได้รับการผลักดันให้สามารถนำออกสู่สาธารณชนเป็นวงกว้างและรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
+ สหรัฐ: มีแนวโน้มสูงทำเนียบขาวจะบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
# ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หลังจากนายมาร์ก มีโดวส์หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า มีแนวโน้มสูงที่ทำเนียบขาวจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ และปธน.ทรัมป์เองก็มุ่งมั่นที่จะผลักดันให้มีข้อตกลงดังกล่าว
- • สหรัฐ: จับตาการประชันวิสัยทัศน์ของคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ 7 ต.ค.นี้
# นักลงทุนจับตาการประชันวิสัยทัศน์ของคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ ระหว่างนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน และนางคามาลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ในการดีเบตวันที่ 7 ต.ค.นี้
+ สหรัฐ: ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.8 ในเดือนก.ย.
# รายงานผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ57.8 ในเดือนก.ย. จากระดับ 56.9 ในเดือนส.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56.0 โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน
-โควิด 19: ฝรั่งเศสยกระดับเตือนภัยสูงสุด-ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
# ทำเนียบนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสประกาศยกระดับการเตือนภัยจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในกรุงปารีส สู่ระดับสูงสุดในวันนี้ โดยจะมีการบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้
# กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 2,291ราย ส่งผลให้ขณะนี้ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 324,762 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่อินโดฯเสียชีวิตสูงสุด
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 465.83 จุด รับข่าวทรัมป์อาการดีขึ้น,มาตรการกระตุ้นศก.คืบหน้า
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 28,000 จุดเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) ขานรับข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ มีอาการดีขึ้น และล่าสุดได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยจากโรคโควิด-19 นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ รวมทั้งรายงานดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด
+ น้ำมัน: WTI ปิดพุ่ง $2.17 ขานรับทรัมป์อาการดีขึ้น,แผนกระตุ้นศก.คืบหน้า
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 6% เมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีอาการดีขึ้น หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยจากโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
- • ทองคำ: ปิดบวก $12.5 ดอลล์อ่อนหนุนแรงซื้อ,มาตรการกระตุ้นศก.คืบหน้า
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลการค้าเดือนส.ค., ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนส.ค. และรายงานการประชุมเดือนก.ย.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC)
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ วานนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" เป็นรัฐมนตรีคลังแล้ว
# เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คนใหม่ ตลาดขานรับดี และมองว่านายอาคม มีความน่าเชื่อถือ และน่าจะทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดนี้ได้อย่าง smooth
+ CPI เดือนก.ย.63 หดตัว -0.70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ลบน้อยกว่าจากตลาดคาด -5% ถึง -4.5%
# กระทรวงพาณิชย์ เผยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือนก.ย.63 หดตัว -0.70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสำคัญที่ปรับตัวลดลงตามตลาดโลก ขณะที่ CPI เฉลี่ย 9 เดือน -0.99% และ Core CPIเฉลี่ย 9 เดือน ขยายตัว 0.32% พร้อมประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อไตรมาส 4 ปีนี้จะหดตัวเล็กน้อยที่ -0.34% โดยทั้งปี 63ยังให้ประมาณการเงินเฟ้อไว้ในกรอบเดิมที่ -1.5 ถึง -0.7% หรือค่ากลางที่ -1.1%
# ผลกระทบ: ถือว่า CPI ก.ย.63 ออกมาดีตรงติดลบน้อยกว่าคาด เพราะสิ่งที่นักลงทุนกังวลคือ ภาวะเงินฝืด ที่ได้รัผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 และการที่ CPI ออกมาน้อย ทำให้ ก.น.ง.ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำ เพื่อประคองเศรษฐกิจไทยไว้
+ วันนี้กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอที่ประชุม ศบศ. มาตรการกระตุ้นการบริโภค ชิมช้อปใช้ และช้อปช่วยชาติ
# กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (ศบศ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ เพื่อพิจารณาเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการบริโภค ผ่าน 2 โครงการ คือ ชิมช้อปใช้ และช้อปช่วยชาติ หลังจากที่ได้หารือกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงานแล้ว
# ผลกระทบ: เป็นบวกกับกลุ่มพาณิชย์ โดยเฉพาะช่วงปลายปี จะมีการออกโทรศัพท์เทคโนโลยี 5G ด้วย จึงอาจมีการเก็งกำไร COM7, SYNEX, JMART ต่อเนื่อง ส่วนหลักทรัพย์เป็น Top Pick กลุ่มนี้คือ CPALL และ COM7 อย่างไรก็ตาม BJCดูเหมือนจะอ่อนแรง SSSG 3Q63 ยังติดลบในตัวเลขสองหลัก ราว 15% ถือว่าฟื้นตัวช้าเทียบกับกลุ่ม แนะนำ ถือ นอกจานี้คาดว่ากลุ่มสื่อสาร และอาหาร-เครื่องดื่ม ก็จะได้ประโยชน์ด้วย หลักทรัพย์แนะนำซื้อ คือ ADVANC,DTAC และ OSP
+ KCE ได้ประโยชน์…ราคาวัตถุดิบทองแดงปรับลง
# ราคาวัตถุดิบทองแดงปรับลงต่อเนื่อง จากต้น ก.ย.63 ปัจจุบันลดลงมาแล้ว 5% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวได้ดีขึ้นด้านแนวโน้ม 3Q63 พบว่ายอดขายมีโอกาสโต 15-20%QoQ และจะเพิ่มต่อใน 4Q63F ด้านอัตรากำไรขั้นต้นงวดครึ่งหลับปีนี้ (2H63F) จะเพิ่มขึ้นเป็น 20-24% จาก18.2% ใน 2Q63 เพราะมีประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น คาดกำไรหลักปีนี้/ปีหน้าโตสูงถึง 34%/49% ให้ราคาพื้นฐาน 34.75 บ. (P/E ปี 64 ที่ 24 เท่า)
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web