- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 September 2020 12:11
- Hits: 16462
บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 21-9-2020
MARKET TALK
กลยุทธ์การลงทุน
การชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านไปได้ดี น่าจะทำให้ SET Index ดีดตัวกลับขึ้นมาแต่ยังไม่น่าจะผ่านบริเวณ 1300 จุด ประเด็นที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้ เป็นเรื่องการประชุม กนง. และตัวเลขการส่งออก แนะนำ Selective Buy เลือก DOHOME, NOBLE และ PTT เป็น Top Pick พอร์ตการลงทุน ขาย CRC และ AP สลับเข้า DOHOME , NOBLE และส่วนหนึ่งพักใน DIF
SET Index น่าจะฟื้น แต่ยังไม่เกิน 1300 จุด ... Selective Buy ภาพรวมการชุมนุมทางการเมืองวันเสาร์ที่ผ่านมาผ่านไปด้วยดี แต่ก็ถือเป็นเพียงยกที่ 1 ของการชุมนุม โดยน่าจะเห็นการนัดชุมนุมต่อเนื่อง ซึ่งก็จะทำให้สถานการณ์การเมืองยังคงร้อนแรง ประเมินว่า SET Index น่าจะดีดตัวขึ้นมาบริเวณ 1300 จุด สำหรับประเด็นอื่นช่วงสัปดาห์นี้ยังไม่ต่างจากเดิมมากนัก เริ่มจากราคาน้ำมันที่ยังน่าจะสามารถทรงตัวในระดับสูงได้ต่อเนื่องในช่วงฤดูกาลมรสุม ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานอย่าง PTT น่าสนใจ ส่วนในช่วงกลางสัปดาห์นี้จะม่การประชุม กนง. คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตามเดิม และยังมีการประกาศตัวเลขการส่งออก - นำเข้า ซึ่งคาดว่าจะหดตัวรุนแรงต่อเนื่อง กลยุทธ์การลงทุนกำหนดในลักษณะ Selective Buy โดยเลือกหุ้นที่มีจุดเด่นเฉพาะตัวสนับสนุน Top Pick วันนี้เลือก DOHOME ซึ่งคาดว่าผลประกอบการ 3Q63 โดดเด่นและยังได้รับประโยชน์หลังผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมในต่างจังหวัด, NOBLE ซึ่ง Valuation ต่ำมากจนให้ Dividend Yield สูงที่สุดในตลาดหุ้นไทย ตามด้วย PTT ด้วยเหตุผลเรื่องราคาน้ำมันดังกล่าวข้างต้น พอร์ตการลงทุนปรับโดยขาย CRC และสลับเข้า DOHOME ด้วยน้ำหนัก 10% และขาย AP น้ำหนัก 10% สลับเข้าลงทุนเพิ่มใน NOBLE 5% อีก 5% พักใน DIF
ทิศทางพายุ และ Hurricane ที่พัดเข้าชายฝั่ง Mexico
ที่มา: National Hurricane Center 21 ก.ย.2563
ฤดูมรสุม ยังน่าจะป็นผลดีต่อราคาน้ำมันต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันดิบโลกสัปดาห์ที่แล้ว อิง Brent ปรับขึ้นมาราว 10% ล่าสุด ยังแกว่งตัวสูงบริเวณ 43.2 เหรียญฯ โดยเชื่อว่าปัจจัยหนุนราคาน้ำมันในช่วงสั้นๆ หลักคือ ฝั่ง Supply
ภัยธรรมชาติ(Hurricane, พายุ) ยังคงมีหลายลูก (ดังรูป ลูกใหม่คือ BETA ) ที่พัดเข้าบริเวณอ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันราว 17%ของการผลิตน้ำมันทั้งหมดในสหรัฐ ทำให้มีการปิดโรงน้ำมัน **ช่วงตลอดเดือน ก.ย. จะเป็นฤดูกาลพายุ Hurricane เข้าอ่าวเม็กซิโก
ทิศทางพายุ และ Hurricane ที่พัดเข้าชายฝั่ง Mexico
ที่มา: National Hurricane Center 21 ก.ย.2563
ฝั่ง Demand เชื่อว่ายังมีปัจจัยหนุนจากกระแสพัฒนาการ Vaccine Covid-19 ที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง , เศรษฐกิจโลกเห็นสัญญาณฟื้นตัวสะท้อนจาก PMI ภาคการผลิตของสหรัฐและจีน ล่าสุด เดือน ส.ค. ยืนที่ 51.1 จุด (PMI เกิน 50 จุด บ่งชี้ว่าภาคการผลิตขยายตัว)
ความคืบหน้า Vaccine Covid-19
ที่มา: New York Times 21 ก.ย.2562
อีกปัจจัยหนุน คือ Dollar Index ยังแกว่งตัวอยู่ทิศทางอ่อนค่า นับตั้งแต่ต้นปี (ytd) อ่อนค่าราว 4% ล่าสุดอยู่ที่ 92.86 จุด เชื่อว่าปัจจัยกดดัน Dollar อ่อนค่าในระยะสั้นหลักยังคงมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการคลังสหรัฐยังไม่ผ่าน ส่วนระยะยาว คือ การที่ Fed ส่งสัญคงดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำไปจนถึงปี 2023
โดยรวมราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นแรงดังกล่าว ถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานที่ยังแนะนำซื้อมี IVL(Buy: FV@B32) และ PTT(Buy: FV@B41)
กลางสัปดาห์นี้ ติดตามการประชุม กนง. และ ตัวเลขส่งออก
ในประเทศ ASPS ให้น้ำหนัก 3 ประเด็นสำคัญ คือ
- • การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 ดูเหมือนว่ามีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ คาดกรอบเวลาจะไม่ล่าช้ามากนัก หรือ ล่าช้าราว 2 อาทิตย์ – 1 เดือน ล่าสุด ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติอเห็นชอบงบประมาณวารที่ 2-3เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นถัดไปคือ วันนี้ 21-22 ก.ย.63 วุฒิสภาจะพิจารณา หากไม่ติดอุปสรรคคาดจะนำขึ้นทูลเกล้า ในลำดับต่อไป
อย่างไรก็ตามหลังงบประมาณอาจจะไม่ล่าช้ากว่ามากกว่าคาดดังกล่าว ล่าสุด เห็นสัญญาณรัฐบาลผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อ้างอิง จาก นสพ.กรุงเทพธุรกิจ 21 ก.ย.เผย นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ที่ปรึกษาเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรีเสนอให้เร่งรัดลงทุนโครงกาโครงสร้างพื้นฐานวงเงินรวม 1.2 ล้านล้านบาท เช่น โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี วงเงิน 8.05 หมื่นล้านบาท, รถไฟฟ้าสายสีแดงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน วงเงิน 2.83 หมื่นล้านบาท เป็นต้น
- • 22 ก.ย. ครม.จะพิจารณาอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ ศบศ. เห็นชอบไปเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น โครงการคนละครึ่ง, มาตรการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการ และมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จากต่างชาติ โดยเมื่อโครงการอนุมัติ คาดจะเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มค้าปลีก (CPALL) และกลุ่มอสังหาฯ (NOBLE)
- • 23 ก.ย. รายงานการส่งออก & การนำเข้าของไทย Consensus คาดส่งออกจะหดตัวราว -17.8%yoy ส่วนการนำเข้าหดตัว – 23.2%yoy และหากพิจารณาการนำเข้าของประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย (สัดส่วนเกือบ 40% ของการส่งออกรวมของไทย) ในเดือน ส.ค. 2563 หดตัวเฉลี่ย -12.3%yoy เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดที่คาด -17.8% และในวันเดียวกัน การประชุม กนง. Consensus ในตลาดคาด 100% ว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% สอดคล้องกับ Bond Yield 1 ปีของไทยที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.51% อย่างไรก็ตาม ASPS ประเมินว่า กนง. น่าจะมีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้ง ราว 0.25% ในช่วงปลายปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงจากการอนุมัติงบประมาณปี 2564 ล่าช้า รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะการชุมนุมในวันที่ 24 ก.ย. และ 14 ต.ค. 2563 ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป
จับตาคำตัดสินศาลอุธรณ์คดี TPIPL ทำเหมืองแร่นอกเขตประทานบัตรพรุ่งนี้
จากกรณีที่ TPIPL ถูกกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีทำเหมืองแร่นอกเขตประทานบัตร โดยวันที่ 2 ส.ค. 2562 ศาลแพ่งได้พิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ สว.5/2559 ให้ TPIPL ต้องนำแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์จำนวน 12.48 ล้านตัน ไปถมกลับคืนยังพื้นที่เดิมที่เอาแร่ไป หรือให้ชำระค่าเสียหายจำนวน 1,603 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% นับแต่วันที่ 31 ส.ค. 2558 นั้น ทาง TPIPL ได้ยื่นอุธรณ์คัดค้านคำพิพากษา และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี โดยศาลนัดฟังคำพิพากษา และ/หรือคำสั่งของศาลอุธรณ์ ในวันพรุ่งนี้ 22 ก.ย 2563 ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามเนื่องจากคำพิพากษาดังกล่าวอาจถูกตีความขยายผลไปสู่คดีความอื่นๆที่คล้ายคลึงกัน ซึ่ง TPIPL ถูกฟ้องร้องรวม 5 คดี ดังตารางด้านล่าง
สรุปคดีความที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองแร่ผิดเงื่อนไขในเขตประทานบัตรที่ TPIPL แพ้ในศาลชั้นต้น
ที่มา: ฝ่ายวิจัยเอเชียพลัส รวบรวม
ฝ่ายวิจัยไม่สามารถคาดการณ์คำตัดสินของศาลอุธรณ์ได้ หากศาลอุธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จะส่งผลกระทบเชิงลบทางจิตวิทยาต่อราคาหุ้น แม้ว่า TPIPL ยังไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองหนี้ค่าปรับในงบการเงินทันที เพราะสามารถใช้สิทธิ์ยื่นฎีกา และมีทางเลือกที่จะชดเชยความเสียหายด้วยการนำแร่หินปูนไปถมคืนพื้นที่ ซึ่ง TPIPL ยังมีสำรองแร่หินปูนและแร่หินดินดานในพื้นที่ประทานบัตรของตนเองถึง 1,052 ล้านตัน และ 266 ล้านตัน ตามลำดับ โดยประเมินค่าใช้จ่ายในการนำแร่หินปูนและหินดินดานไปถมคืนพื้นที่หากถูกตัดสินให้แพ้ทุกคดีเพียง 600-800 ล้านบาท เท่านั้น แต่หากศาลพิพากษาในทางตรงข้ามคือตัดสินว่า TPIPL ไม่ได้กระทำผิดตามฟ้องก็จะส่งผลบวกต่อราคาหุ้น ทั้งนี้มีโอกาสที่ศาลอุธรณ์จะเลื่อนนัดฟังคำสั่งออกไปอีกก็ได้หากสำนวนคดียังไม่ถูกส่งลงมาเนื่องจากเป็นคดีที่มีความซับซ้อนและมีทุนทรัพย์สูง ฝ่ายวิจัยประเมิน FV ภายใต้วิธี Sum of the part โดยมีการ Adjust ความเสี่ยงเพิ่มเติมด้วยการหักเงินค่าปรับจากคดีความที่แพ้ในศาลชั้นต้นบนเงื่อนไขที่สูงที่สุดบนหลักอนุรักษ์นิยม จะให้ราคาเหมาะสม 1.77 บาท
เน้นพื้นฐานดี ราคาย่อจนน่าซื้อสะสม NOBLE, PTT, DOHOME
ประเด็นการเมืองยังร้อนแรง ถึงแม้จะผ่านการชุมนุมใหญ่ของนักศึกษาไปแล้ว แต่ยังมีการจัดการชุมนุมอีกในช่วงปลายสัปดาห์นี้ และช่วงกลางเดือน ต.ค. ซึ่งความไม่แน่นอนดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งที่กดดันให้ตลาดหุ้นปรับขึ้นได้ยาก
นอกจากนี้ช่วงเดือน ก.ย. – ต.ค. มักเป็นช่วงฤดูมรสุม ทั้งฝั่งทวีปอเมริกาใต้ เผชิญกับพายุเฮอริเคน Teddy Beta และ Wilfred ที่ทยอยพัดเข้ามาอ่าวแม็กซิโก ทำให้โรงน้ำมันในแถบนั้น (กำลังผลิต 17% ของสหรัฐ) ต้องหยุดผลิตชั่วคราว ถือเป็นบวกต่อหุ้นน้ำมัน รวมถึงประเทศไทยยังเผชิญกับผลกระทบจากฤดูมรสุม ทำให้เกิดน้ำท่วมในบางแห่ง
ดังนั้นกลยุทธ์แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งราคาย่อตัวลงจนน่าซื้อ NOBLE (P/E ต่ำ, ปันผลสูง กว่ากลุ่มอยู่มาก) และหุ้นที่มีแรงบวกเฉพาะตัวในช่วงฤดูมรสุม PTT (ราคาน้ำมันขึ้น), DOHOME (Sentiment ที่ดีต่อหุ้นวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง)
PTT(FV @ 41.00) ราคาน้ำมันดิบในช่วงสั้นปรับตัวขึ้นมาเร็วและแรง จากประเด็นพายุที่เข้ามาในชายฝั่งเม็กซิโก ถือเป็นบวกต่อหุ้นน้ำมันอย่าง PTT ที่ราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองเชิงบวกเท่าที่ควร และยังได้ปัจจัยหนุนเสริมจากความคืบหน้า เรื่องการนำบริษัทลูกอย่าง OR เข้าซื้อขายในตลาดฯ ซึ่งช่วยเพิ่มสีสันให้กับ PTT อีกหนึ่งแรง
NOBLE(FV @ 22.70) พัฒนาการเชิงบวกที่มีการเปลี่ยนแปลงเด่นชัด หลังปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นตั้งแต่ปี 2562 ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอนาคต ผ่านกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าต่างชาติ และเพิ่มพอร์ตสินค้าราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท เพื่อครอบคลุมทุกตลาด คาดแนวโน้ม 2H63 มีกำไรปกติ 1 พันล้าน และผลักดันกำไรปกติปีนี้ 1.69 พันล้านบาท ก่อนเพิ่มเป็น 1.73 พันล้านบาท ในเชิง Valuation ที่มี PER63Fต่ำเพียง 3-4 เท่า และ Div Yield สูงสุดในกลุ่มฯกว่า 16% ต่อปี
DOHOME(FV64 @ 15.00) ท่ามกลางภาพรวมกลุ่มค้าปลีกยังฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป หากพิจารณาจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามของฝ่ายวิจัย พบว่า มี DOHOME ที่ฟื้นตัวหลัง COVID-19 เป็นบวกอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่างวด 3Q63 จะโดดเด่นสุดในกลุ่มฯ สะท้อนจาก 1) ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) 3Q63 QTD ที่เติบโตสูงราว 12%yoy หากไม่รวมผลฐานต่ำ (น้ำท่วมสาขาอุบลก.ย.62) คาด SSSG ยังสูง 7.5% จากทั้งยอดขายค้าปลีก – ค้าส่ง (อย่างละ 50% ของยอดขาย) และ 2) Gross margin จะกลับมาขยายตัว หลังยอดขายปลีกหน้าร้านฟื้นตัว หนุนการผลักดันสินค้า Private Brand โดยเฉพาะสินค้าปรับปรุงและตกแต่งบ้านที่มีมาร์จิ้นสูง นอกจากนี้ อีกพัฒนาการที่ฝ่ายวิจัยชื่นชอบ คือ ล่าสุด DOHOME มีการเปิดสาขาใหญ่ 1 แห่ง (เดือนก.ค.63) ซึ่งปัจจุบันสร้างกำไรได้แล้วในเพียง 1.5 เดือน เร็วกว่าเป้าบริษัทที่ภายใน 4 เดือน สะท้อนความสำเร็จรูปแบบสาขา + กลยุทธ์ ทั้งความครอบคลุมสินค้า + ราคา ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ช่วยให้สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งโดยรอบได้ ทั้งกลุ่มร้านค้าดั้งเดิม และโมเดิร์น เทรด สะท้อนจากที่มีสาขาคู่แข่งทั้ง HMPRO, GLOBAL, ไทวัสดุ (CRC) รายล้อม สอดคล้องกับที่ฝ่ายวิจัยเคยนำเสนอ จึงปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ โดยปรับใช้มูลค่าพื้นฐานปี 2564 ที่ 15 บาท
RESEARCH DIVISION
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 110506
ภวัต ภัทราพงศ์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web