- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 September 2020 13:40
- Hits: 2391
บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 14-9-2020
Market Wrap-Up
• SET ปิดวันที่ 11 ก.ย.63 ปิด -10.93 จุด อยู่ที่ 1,279.96 จุด มูลค่าการซื้อขาย 44,115 ลบ.ต่างชาติขาย 749 ลบ. สถาบันขาย1,148 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 279 ลบ. ยอด NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 64 ลบ.โดยมียอดซื้อหุ้น AOT,CBG,JMT,CRC,STGT และมียอดขายหุ้น SCC,CPALL,SAWAD,CPF,PTT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 437 ลบ หุ้นที่มีมูลค่า Short สูงคือ CBG,SUPER,KBANK โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 1,596 สัญญาและมียอด Long สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 110,748 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 643 ลบ.
• ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones ปิด +0.48%, S&P500 +1.78%, Nasdaq -0.60% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม, วัสดุ และการเงิน จากคาดการณ์เศรษฐกิจปี 64 มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังมีวัคซีนใช้งาน ส่วนรายงานทางเศรษฐกิจดัชนี CPI สหรัฐ ส.ค. +0.40% MoM, +1.30% YoY ดีกว่าคาดที่ +0.30% , +1.20% ตามลำดับ ขณะที่ตัวเลขขาดดุลงบประมาณสหรัฐ ส.ค. เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3 ลล.ดอลลาร์ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 ปิด +0.13% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มบริการสุขภาพ, เทเลคอม, อสังหา ฯ โดยยังรอประเมินการเจรจาการค้าระหว่างอียูกับอังกฤษที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลง
Market View
• ภาวการณ์ลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดย Down Jones -1.7%, S&P500 -2.5%, Nasdaq -4.1% หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐถูกแรงขายหลังมูลค่าหุ้นอยู่ระดับสูง +80% จากจุดต่ำสุดใน มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลสหรัฐเตรียมแบนบริษัทผู้ผลิตชิปจีน SMIC และจำกัดบริษัทซัพพลายเออร์ในการส่งสินค้าให้กับจีน ส่งผลลบต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม, การเงินเริ่มมีสัญญาณฟื้น จากความหวังจะมีวัคซีนใช้ในปีหน้า ส่งผลให้เม็ดเงินเริ่มไหลออกจากกลุ่มเทคโนโลยีเข้าสู่กลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นสหรัฐยังรอแรงขับเคลื่อนจาก ม.ด้านการคลัง โดยสภาคองเกรสยังไม่ผ่านงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ สัปดาห์หน้ารอการประชุมเฟด 15 – 16 ก.ย. เกี่ยวกับรายละเอียดนโยบายเงินเฟ้อเฉลี่ย และการประชุม BOJ 17 ก.ย. รวมถึงความคืบหน้าการเจรจาการค้าอังกฤษ - อียู ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป สำหรับดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง -2.4% สถาบันขาย 4 พัน ลบ. ต่างชาติขาย 1.68 พัน ลบ. ดัชนีปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 1,300 จุด จากข่าวนักฟุตบอลไทยลีก ชาวอุซเบกิสถาน 1 ราย ติดเชื้อ Covid-19 และกำลังติดตามตรวจผู้ใกล้ชิดอีก 43 ราย ขณะที่การระบาดไวรัสในพม่า มาเลเซียที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงระบาดบริเวณพรมแดนไทย ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่วงเงิน 7.5 หมื่น ลบ. ยังรอการพิจารณาในช่วงปลายเดือนนี้ สัปดาห์นี้วันศุกร์ FTSE All World Index จะเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย คือ BBL, CRC, CBG และรอประเมินสถานการณ์การชุมนุมวันที่ 19 ก.ย. ว่าจะมีการยกระดับการชุมนุมหรือไม่
Daily Strategy
• ดัชนี SET คาดเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,250 – 1,270 แนวต้าน 1,290 – 1,295 แนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นกลุ่มหลักบริเวณ 1,250 จุด แนะนำซื้อกลุ่ม Defensive เช่น GPSC, BGRIM, CPF (+จีนสั่งห้ามนำเข้าหมูจากเยอรมันจากกรณีไข้หวัดหมู)
• CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 39.25 บาท) คาดQ3/63 จะเติบโตขึ้นจากปัจจัยหนุนเรื่องราคาเนื้อสัตว์ที่ยังคงสามารถรักษาระดับราคาที่สูงในต่างประเทศ (ในเวียดนามราคาหมูยังสามารถยืนที่ระดับราว 70,000 VNG/kg.) และเริ่มเห็นการฟื้นตัวภายในประเทศ โดยสำหรับในประเทศไทยความเคลื่อนไหวของราคาหมู และราคาไก่มีแนวโน้มที่ดีที่ 79-80 บาท/กก.และ 34 บาท/กก.ตามลำดับ(ปรับตัวขึ้นจากราคาเฉลี่ย Q2/63 ที่ 66 บาท/กก.และ 29.7 บาท/กก.) โดยได้ผลพวงจากความกังวลของการระบาด African Swine Flu ทำให้มีรายย่อยในประเทศไทยเลิกประกอบธุรกิจเลี้ยงหมู ประจวบกับการระบาดโรค PRRS ทางภาคเหนือของไทย ส่งผล ให้Supply หมูลดลง ประเมินกำไรสุทธิปี 63 และ 64 อยู่ที่ 21,324 ลบ. (+15.54%YoY) และ 22,542 ลบ.(+5.71%YoY) ตามลำดับ
• TVO* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 29.00 บาท) รับอานิสงส์ราคาถั่วเหลืองพุ่งแรงในรอบ 2 ปี หนุนราคาขายกากถั่วเหลืองโตตาม ส่งผลดีต่อบริษัทในการจำหน่ายกากถั่วเหลืองสำหรับผลิตอาหารสัตว์ซึ่งดีมานด์อาหารสัตว์เติบโตต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศ-ต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนจากการเร่งขยายพันธ์สุกร นอกจากนี้บริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่เกี่ยวกับอาหารสัตว์เพิ่ม Value Added รอบรับความต้องการที่กำลังขยายตัวในอนาคต ทั้งนี้ปัจจุบันสัดส่วยรายได้กว่า 60% มาจากการจำหน่ายอาหารสัตว์ ส่วนอีก 40% เป็นการจำหน่ายน้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งในส่วนนี้คาดปริมาณการจำหน่ายน้ำมันถั่วเหลืองจะเพิ่มขึ้นหลังผ่อนคลาย Lockdown และราคามีโอกาสปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับน้ำมันปาล์มในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว
Daily Key Factors
Oil Update (0) WTI Futures ต.ค. ปิด $ +0.03 อยู่ที่ $37.33 /บาร์เรล Brent Futures พ.ย. ปิด -$0.23 อยู่ที่ $39.83 /บาร์เรล EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 2 ล.บาร์เรล สวนทางคาดจะลดลง 5 แสน บาร์เรล โดย EIA ได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกปีนี้ลง 2.1 แสน บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 8.32 ล.บาร์เรล/วัน วันพฤหัสนี้ติดตามผลการประชุม JMMC ต่อสถานการณ์อุปทานน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น
Gold Update (-) Gold Futures ธ.ค.ปิด -16.40 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,947.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ถูกแรงขายทำกำไรหลังรายงานดัชนี CPI สหรัฐ ส.ค. ออกมาดีกว่าคาดการณ์ นักลงทุนขายกำไรหลังราคาทองคำปรับขึ้นสูงในช่วงไวรัสระบาด ขณะที่ Dollar Index ทรงตัว +0.01 % อยู่ที่ 93.333
Fund Flow (-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ -408 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -54 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด --310 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ -44 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าเล็กน้อยอยู่ที่ 31.270 บาทดอลลาร์สหรัฐ
(-) ดัชนี BDI ปิด -2 จุด อยู่ที่ 1,267
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวที่ 0.687%, 2 ปี ลดลงอยู่ที่ 0.141
(0) ค่าเงินหยวน off-shore ทรงตัวอยู่ที่ 6.833/USD
(-) วานนี้สหรัฐรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น 31,857 ราย รวมอยู่ที่ 6,708,458 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 392 ราย รวมอยู่ที่ 198,520 ราย / อินเดียติดเชื้อเพิ่มขึ้น 93,215 ราย รวมอยู่ที่ 4,845,003 ราย ( Worldometers )
(+) ญี่ปุ่นบรรลุข้อตกลงการค้ากับอังกฤษ
Economic Calendar
ในประเทศ
09 ก.ย. ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.)
สัปดาห์ที่2 สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและอัพเดตสถานการณ์ลงทุน
สัปดาห์ที่3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า
ต่างประเทศ
15 ก.ย. CN ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน (ปีต่อปี) ( ส.ค.)
16 ก.ย. US ดัชนีดัชนียอดขายปลีกพื้นฐาน เดือนต่อเดือน) ( ส.ค.)
US ดัชนียอดขายปลีก (เดือนต่อเดือน) ( ส.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
17 ก.ย. US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของคณะกรรมการกำหนดนโยบาย
การเงิน (FOMC) ของสหรัฐ
US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US แถลงการณ์ของคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลาง
US รายงานจำนวนใบอนุญาตก่อสร้าง ( ส.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( ส.ค.)
Theme Strategy
(1) กลุ่ม Defensive Stock BCPG*, BGRIM*, BPP*, GPSC*, GULF*, ADVANC, INTUCH*
(2) กลุ่มที่อิงการบริโภคในประเทศ CPALL, CBG*, ICHI*, OSP*
(3) กลุ่มรับประโยชน์ ศก.ชะลอ NPL เพิ่ม สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียน BAM*, CHAYO*, JMART*, JMT*, SINGER*
(4) กลุ่มส่งออกอาหารเงินบาทอ่อนค่า CPF*, GFPT*, TFG*, TU*, STA*
(5) กลุ่มรับประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและการคลาย Lockdown TOP, PTTGC, IVL*, PRM*, PTG*
(6) กลุ่มรับประโยชน์จากปลดล็อก พ.ร.บ.งบประมาณ STEC, SEAFCO*, PYLON*
*หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio September 2020: WICE*, JKN*, BGC*, CPF*, BCH*
Analysts
Apichai Raomanachai No. 002939
Nopporn Chaykaew No. 043964
Piyatat Pasommanatsakul No. 081741
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web