- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 10 September 2020 19:09
- Hits: 2053
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 10-9-2020
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วานนี้ SET ย่อแล้วดีด ตอบรับปัจจัยจากการปรับฐานของตลาดหุ้นโลก แต่เริ่มมีแรงรีบาวน์ทางเทคนิคหลังทดสอบแนวรับสำคัญ โดยสิ้นวัน SET ปิดที่ 1,293.40 (-0.40 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 4.7 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 4.5 หมื่นล้านบาท)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 813 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 73 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 8,467 สัญญา)
SYNEX (ราคาเป้าหมาย 14.75 บาท) คาดกำไรใน 3Q-4Q63 จะยังเติบโตได้ระดับสองหลักเทียบ YoY จาก i) ตัวเลขนำเข้าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ฯ โตต่อกันเป็นเดือนที่สาม ii) งาน Commart ผลตอบรับดี iii) สินค้า Apple ใหม่ๆยังมีออกมาต่อเนื่องและมียอดขายโดดเด่น
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
หุ้นเทคโนโลยี US รีบาวน์หลังปรับฐานแรง : ภาพรวมตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มมีสัญญาณการรีบาวน์ โดยมีจิตวิทยาเชิงบวกหลักจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี US เช่น Apple (AAPL), Microsoft (MSFT), Amazon (AMZN), Alphabet (GOOG), Tesla (TSLA), Facebook (FB) หลังมีการขายปรับพอร์ตระยะสั้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเรายังคงเชื่อว่าภาพแนวโน้มหลักของกลุ่มเทคโนโลยียังคงเป็นขาขึ้น เนื่องจากการปรับตัวของราคาหุ้นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างมากตั้งแต่ต้นปีมาจากทิศทางกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง สวนภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่หลายบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ยังได้รับผลกระทบที่ค่อนข้างมากจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่วนด้านสัญญาณตลาดหุ้นไทย วานนี้มีสัญญาณรีบาวน์หลังทดสอบแนวรับสำคัญทางเทคนิคบริเวณ 1270-1280 จุด โดยระยะสั้นคาดจะแกว่งสร้างฐาน เพื่อรอดูปัจจัยสำคัญในช่วงถัดไป ทั้งประเด็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากภาครัฐฯและการเคลื่อนไหวทางการเมือง ส่วนประเด็นที่น่าติดตามวันนี้คือ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยต้องจับตาว่าจะมีการส่งนโยบายผ่อนคลายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่
Investment Strategy : วันนี้คาด SET แกว่ง sideways กรอบแนวรับ 1,280 ต้าน 1,300 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรขยายตัว โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “SYNEX, HANA, WICE”
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น : เริ่มเข้าสะสมอีกครั้ง ในกรณีดัชนีลงต่ำกว่าระดับ 1293 จุด
ไม่มีหุ้น : เข้าสะสมเล่นรอบที่บริเวณ 1275-1287 จุด
ผ่าตลาดทาวน์โฮมครึ่งปีหลัง เจาะทำเลรับ 'นิวนอร์มอล' (กรุงเทพธุรกิจ)
ความเห็น : การเปิดตัวโครงการอสังหาฯใหม่ในปีนี้คาดว่าจะลดต่ำเป็นประวัติการณ์อาจต่ำกว่าปีน้ำท่วมใหญ่ 2011 ด้วยซ้ำ เนื่องจากการเปิดตัวคอนโดใหม่ลดลงมากโดยผู้ประกอบการจะเน้นเปิดตัวแนวราบ เรามองเป็นบวกกับ AP และ LH ซึ่งมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่มากที่สุดมีมูลค่า 44 พันล้าน และ 28 พันล้านตามลำดับ
"ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์“ เหนือจอง 29% (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา)
ความเห็น : เรามองธุรกิจ MLM ในประเทศจะเป็นฐานรายได้สำคัญของ SCM ก่อนที่รายได้จากการส่งออกไปต่างประเทศ โดยเฉพาะในพม่าจะเร่งตัวขึ้นใน 2H63 หากมีการอนุญาตให้ทำธุรกิจ MLM ในประเทศได้ หนุนแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q63 จะเริ่มเห็นพัฒนาการบวกเทียบ QoQ อย่างไรก็ดีราคาปัจจุบันขึ้นมาใกล้เคียงกับราคาเหมาะสมปี 2564 ที่เราประเมินไว้ที่ 2.50 บาท/หุ้น ทำให้ Upside เริ่มจำกัด
NR Instant Produce (NRF)
เติบโตไปกับกระแสอาหารแห่งอนาคต
Pre-IPO
คำชี้แจงที่สำคัญ : บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) อาจเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ของ บมจ. เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF)
ประเด็นการลงทุน
NRF เป็นผู้ผลิตอาหารที่มีโอกาสเติบโตไปกับอุตสาหกรรมอาหารโลก และกระแสรักษาสุขภาพภายใต้ฐานธุรกิจที่มั่นคง จากการมีลูกค้ามาเป็นเวลายาวนาน จัดจำหน่ายสินค้าครอบคลุมหลายประเทศ รวมทั้งมีทีม R&D ที่แข็งแกร่งพัฒนาสินค้าหลากหลายตอบโจทย์ลูกค้า เราคาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 108% ซึ่งมาจากทั้งธุรกิจเดิม และการลงทุนเพิ่มทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราประเมินราคาเป้าหมายที่ 5.75 บาท (อ้างอิง PE 26 เท่า)
ผู้ผลิต Ethnic Food และอาหารโปรตีนจากพืชที่มีความโดดเด่น
NRF มีความโดดเด่นจากการเป็นผู้ผลิตเครื่องปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุง และพร้อมรับประทาน อยู่ในอุตสาหกรรมมา 30 ปี มีแบรนด์เองและรับจ้างผลิตสินค้ามากกว่า 2,000 SKU และ 500 สูตรอาหาร รวมทั้งมีช่องทางการจำหน่าย 25 ประเทศ โดยอาหารประจำชาติที่ส่งออกไปขายต่างประเทศ (Ethnic Food) มีแนวโน้มเติบโตได้ดีตามอุตสาหกรรมอาหารโลก รวมทั้งมีทีม R&D ที่แข็งแกร่งในการพัฒนาสินค้าร่วมกับลูกค้า NRF ยังผลิตอาหารโปรตีนจากพืช ซึ่งเป็นกระแสอาหารแห่งอนาคต โดยเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ๆ จากการร่วมลงทุนใน Start-up หลายแห่ง
มีศักยภาพเติบโตสูงจากทั้งธุรกิจเดิม และลงทุนเพิ่ม
คาดว่ากำไรสุทธิปี 2564 เติบโต 217% เป็น 300 ล้านบาท เนื่องจาก 1) การเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นใน City Food จาก 15% เป็น 100% 2) ลงทุนในเครื่องจักรเพื่อผลิตเส้นบุกเอง 2,700 ตัน/ปี ใน 4Q63 ทำให้มีอัตรากำไรเพิ่มขึ้น 3) รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก Plant and Bean ที่ขยายกำลังการผลิตจาก 4,757 ตัน/ปี เป็น 36,000 ตัน/ปี ภายในปี 2567 และ 4) มีรายได้จากการผลิต V-shape อีกทั้งคาดว่าค่าใช้จ่ายลดลงจากปี 2563 ที่มีค่าใช้จ่ายพิเศษหลายรายการ และดอกเบี้ยจ่ายลดลงหลังจากคืนหนี้ระยะยาว การเติบโตระยะยาวยังมาจากการลงทุนใน Start-up ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งจะกลายมาเป็นลูกค้าหรือคู่ค้าของบริษัท รวมทั้งอัตราการใช้กำลังการผลิตของ Plant and Bean ที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น และ Organic growth ของธุรกิจเดิมปีละไม่ต่ำกว่า 7% ตามการเติบโตของอุตสาหกรรม การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และขยายตลาด
ประเมินมูลค่าหุ้นที่ 5.75 บาท
เราประเมินมูลค่าหุ้น NRF โดยอ้างอิงจาก PE ของกลุ่มอาหารในไทยและต่างประเทศ ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 24-30 เท่า โดยเราให้ PE ของ NRF ที่ระดับ 26 เท่า เนื่องจากคาดว่า NRF จะมีอัตราการเติบโตสูงกว่า และได้ Premium จากการมีสินค้าโปรตีนจากพืช แต่มี Market cap และฐานรายได้ต่ำกว่า ราคาเป้าหมายของ NRF จะเท่ากับ 5.75 บาท ซึ่งคิดเป็น Market Cap. 7,796 ล้านบาท หรือ 247 ล้านเหรียญฯ
ความเสี่ยง: เงินบาทแข็งค่า ลูกค้ายกเลิกคำสั่งซื้อ ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web