- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 31 August 2020 15:44
- Hits: 3420
บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 31-8-2020
Market Wrap-Up
- • SET ปิดวันที่ 28 ส.ค.63 ปิด -3.50 จุด อยู่ที่ 1,323.31 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,673 ลบ.ต่างชาติขาย 3,816 ลบ. สถาบันซื้อ 3,032 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 337 ลบ.ยอด NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 799 ลบ.โดยมียอดซื้อหุ้น MINT,KBANK,AOT,BDMS,TISCO และมียอดขายหุ้น CPALL,GULF,PTTEP,SCC,CPN มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 686 ลบ หุ้นที่มีมูลค่า Short สูงคือ MINT,PTT,KBANK โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 16,004 สัญญาและมียอด Long สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 110,721 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 2,954 ลบ.
- • ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones ปิด +0.57% , S&P500 +0.67% และ Nasdaq +0.60% ได้แรงหนุนหลังเฟดเปลี่ยนมาใช้นโยบายเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย ส่งผลให้ดอกเบี้ยสหรัฐคาดอยู่ระดับต่ำอีกนาน ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 วงเงิน 1.3 ลล.ดอลลาร์ หลังวงเงินเดิมได้สิ้นสุดแล้ว 4 สัปดาห์ ส่วนรายงานทางเศรษฐกิจ การใช้จ่ายส่วนบุคคล ก.ค. +1.9% สูงกว่าคาดที่ +1.5% และรายได้ส่วนบุคคล ก.ค. +0.3% & มิ.ย. ที่ -1.1% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 ปิด -0.52% ถูกแรงขายจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและเฮลธ์แคร์ หลังรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 ใน สเปน ฝรั่งเศส เยอรมันเพิ่มขึ้น ขณะที่ GFK เผยดัชนีคาดการณ์ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมัน ก.ย. ลดลงอยู่ที่ระดับ -1.80 & ส.ค. ที่ -0.20 และรายงาน GDP ฝรั่งเศส Q2/63 หดตัว -13.8%
Market View
- • ตลาดหุ้นสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมา Down Jones +2.6%, S&P500 +3.3%, Nasdaq +3.40% ยังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยมีการนำหุ้นเซลล์ฟอร์ท ดอทคอม, ฮันนี่เวลล์ และเอมเจนเข้าคำนวนในดัชนี Down Jones สิ้น ส.ค. เพื่อรักษาน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี หลัง Apple มีการแตกพาร์ ขณะที่การประชุมที่แจ๊คสัน โฮล เจอโรม พาวเวลเผยเฟดจะเปลี่ยนนโยบายการเงินจากเดิมใช้เงินเฟ้อเป้าหมายที่ 2 % เป็นใช้เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย 2 % โดยเฟดยอมให้เงินเฟ้อปรับสูงขึ้นเพื่อกระตุ้นตลาดแรงงานและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลอัตราดอกเบี้ยสหรัฐอยู่ระดับต่ำอีกนาน คาดเม็ดเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ปัจจัยต่างประเทศสัปดาห์นี้ วันศุกร์ สหรัฐรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ส.ค. คาดเพิ่มขึ้น 1.4 ล.ราย , อัตราว่างงาน ส.ค. คาดลดลงอยู่ที่ 9.8 % สำหรับดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาทรงตัว ต่างชาติขาย 7.3 พัน ลบ. สถาบันซื้อ 9.7 พัน ลบ. โดยเริ่มมีแรงซื้อกลุ่มคอนซูมเมอร์ไฟแนนท์, โรงไฟฟ้า หลังราคาหุ้นปรับฐานลง ขณะที่กลุ่มธนาคารได้ปัจจัยจากมาตรการ ธปท.ให้รวมหนี้บัตรเครดิต-พีโลน-เช่าซื้อ เข้ากับหนี้บ้านโดยใช้หลักประกันเดียวกัน เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่าย ซึ่งก็ส่งผลบวกช่วยลดความเสี่ยงหนี้เสียของธนาคารด้วย ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้คาดได้ปัจจัยหนุนสภาพคล่องจากคาดการณ์เฟดคงดอกเบี้ยต่ำอีก 2 – 3 ปี
Daily Strategy
- • วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,310 – 1,320 จุด แนวต้าน 1,330 – 1,340 จุด แนะนำซื้อ SCB, TMB (+มาตรการรวมหนี้เป็นบัญชีเดียวกัน )/ CENTEL, MINT, AOT, AVV จากเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ใน ต.ค. / เก็งกำไร CPALL ได้สิทธิ์ฟรานไชส์ในลาว 30 ปี
- • AAV (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 2.12 บาท) เก็งกำไร Sentiment บวกจากประเด็นข่าวที่ช่วงสัปดาห์ก่อนผู้บริหารสายการบิน Low Cost เข้าพบนายกฯ ให้หาทางช่วงเหลือเรื่อง Soft Loan วงเงินรวม 2.4 หมื่นล้านบาท เงื่อนไขขอผ่อนชำระเป็นเวลา 5 ปี แบ่งเป็นสินเชื่อ Payroll สินเชื่อหมุนเวียนธุรกิจ ต่ออายุลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ซึ่งนายกยืนยันจะรีบดำเนินการภายใตเดือน ต.ค.63 ทั้งนี้เรามองว่า AAV จะได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวเนื่องจากจะช่วยลดแรงกดดันเรื่องสภาพคล่อง และลดภาระค่าใช้จ่ายจากต้นทุนน้ำมันเพราะ AAV กลับมาดำเนินการเพิ่มเที่ยวบินมากสุด
- • CK ซื้อเก็งกำไร/ ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท) ประเมินผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปในช่วง 1H63 แล้ว ในช่วงที่เหลือของปีแม้รายได้ก่อสร้างในปีนี้จะรับรู้ค่อนข้างต่ำจาก Backlog ที่เหลืออยู่น้อย ( ณ สิ้น 1H63 อยู่ที่ 3.12 หมื่น ลบ.) แต่ส่วนแบ่งกำไรจาก บ. ลูกทั้ง BEM และ CKP มีโอกาสที่จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นตลาดยังรอฟังข่าวดีจากความคืบหน้าในการเซ็นต์สัญญางานโรงไฟฟ้าหลวงพระบางที่ลาวมูลค่ากว่า 9 หมื่น ลบ. ซึ่งทีความเป็นไปได้สูงที่จะเซ็นต์สัญญากันในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า และจะเป็นการพลิก Backlog ของกลุ่ม CK ให้กลับมาที่ระดับ 1 แสน ลบ. ได้อีกครั้ง สำหรับประมาณการกำไรปี 2563-2564 เราประเมินไว้ที่ระดับ 843 ลบ. และ 1.65 พัน ลบ. -51%YoY, +89%YoY ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update (-) WTI Futures ต.ค.ปิด -0.07 ดอลลาร์ อยู่ที่ $42.97 /บาร์เรล Brent Futures ต.ค. ปิด -$0.04 ดอลลาร์ อยู่ที่ $45.05 /บาร์เรล หลังจากผลกระทบจากเฮอริเคนลอราไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับโรงกลั่น ตลาดน้ำมันกลับมาติดตามภาวะอุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มชะลอตัว จากผลกระทบไวรัสระบาด
Gold Update (+) Gold Futures ธ.ค.ปิด +42.30 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,974.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากการเปลี่ยนนโยบายการเงินเฟ้อของเฟด คาดจะส่งผลให้ดอกเบี้ยสหรัฐอยู่ระดับต่ำอีกนาน ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่า -0.69% อยู่ที่ 92.3711
Fund Flow (-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ -503 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -234 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด -169 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าอยู่ที่ 31.09 บาทดอลลาร์สหรัฐ
(-) ดัชนี BDI ปิด -16 จุด อยู่ที่ 1,488 จุด
(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 0.731% , 2 ปี อยู่ที่ 0.131 %
(+) ค่าเงินหยวน off-shore แข็งค่าอยู่ที่ 6.8647/USD
(-) วานนี้สหรัฐรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น 33,981 ราย รวมอยู่ที่ 6,173,236 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 369 ราย รวมอยู่ที่ 187,224 ราย / ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อ 25.3 ล.ราย เสียชีวิต 8.5 แสน ราย ( Worldometers )
Economic Calendar
ในประเทศ
31 ส.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
01 ก.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) (ปีต่อปี) ( ส.ค.)
ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย (ปีต่อปี) ( ส.ค.)
03 ก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย ( ส.ค.)
04 ก.ย. ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ (ดอลลาร์สหรัฐ)
ต่างประเทศ
31 ส.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ( ส.ค.)
01 ก.ย. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนจากสถาบัน Caixin ( ส.ค.)
EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( ส.ค.)
US ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ( ส.ค.)
02 ก.ย. US การเปลี่ยนแปลงในการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม (ADP)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
03 ก.ย. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ( ส.ค.)
04 ก.ย. US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ( ส.ค.)
US อัตราการว่างงาน ( ส.ค.)
Theme Strategy
(1) กลุ่ม Defensive Stock BCPG*, BGRIM*, BPP*, GPSC*, GULF*, ADVANC, INTUCH*
(2) กลุ่มที่อิงการบริโภคในประเทศ CPALL, CBG*, ICHI*, OSP*
(3) กลุ่มรับประโยชน์ ศก.ชะลอ NPL เพิ่ม สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียน BAM*, CHAYO*, JMART*, JMT*, SINGER*
(4) กลุ่มส่งออกอาหารเงินบาทอ่อนค่า CPF*, GFPT*, TFG*, TU*, STA*
(5) กลุ่มรับประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและการคลาย Lockdown TOP, PTTGC, IVL*, PRM*, PTG*, TASCO*
(6) กลุ่มรับประโยชน์จากปลดล็อก พ.ร.บ.งบประมาณ STEC, SEAFCO*, PYLON*
*หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio July 2020: INTUCH*, JKN*, TVO*, TASCO*, CPF*, BCH*
Analysts
Apichai Raomanachai No. 002939
Nopporn Chaykaew No. 043964
Piyatat Pasommanatsakul No. 081741
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web