WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 27-8-2020dbs

“Nasdaq ทำนิวไฮ คำสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่ม รอผลเฟด

  • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --

# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ มีแรงซื้อต่อเนื่อง ปิด +6.56 จุด ที่ 1322.55 จุด มูลค่าซื้อขายปานกลาง 49 พันลบ. เพราะการเจรจาการค้าทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นดำเนินการเฟส 1 ให้สำเร็จ ดัชนีราคาบ้านและยอดขายบ้านใหม่สหรัฐเพิ่มขึ้น น้ำมัน WTI +73 Cent รับข่าวอเมริการลดผลิตเพราะพายุถล่มอ่าวเม็กซิโก มีงานไทยแลนด์โฟกัส วันนี้เฟดจะประชุมประจำปี ซื้อสุทธิมาก-สถาบัน ขายสุทธิมาก-รายย่อย YTD ต่างชาติขาย 241 พันลบ.

# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET ไซด์เวย์ รอผลประชุมเฟดประจำปีวันนี้ Nasdaq ทำ New High ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นดี ปัจจัยบวกคือ Nasdaq และ S&P 500 ทำNew High ธุรกิจได้รับผลดีจากการพึ่ง On Line ช่วงโควิด-19 โมเดอร์นาแถลงผลทดลองวัคซีนใช้กับผู้สูงอายุได้ผล ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ก.ค. +11.2% ดีกว่านวค.คาด ดาวโจนส์ +83.5 จุด น้ำมัน WTI ปรับขึ้นเล็กน้อย และไทยมีการจัดงาน Thailand Focus วานนี้วันแรก รมว.คลังใหม่ คุณ ปรีดีคาดปี 64 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ส่วนปัจจัยลบคือ โควิด-19ยังหนักมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 24 ล้านรายแล้ว ทั่วโลกจับตาการประชุมเฟดประจำปีเริ่มวันนี้ ที่เมืองแจ็คสัน โฮล ถึง 28 ส.ค. คาดกันว่าเฟดจะปรับเพิ่มอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายมากกว่า 2%ทองคำกลับมาร้อนแรง +29.4 เหรียญ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ผ่าน ความขัดแย้งจีน-สหรัฐ และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน Mix และดาวโจนส์Future ปรับลง ด้านไทยตัวเลขดัชนีภาคอุตสาหกรรม ก.ค.-14.7% y-o-y แต่ +3.1% m-o-m กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1300-1340จุด ทยอยขายแนวต้านลดเสี่ยง ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังย่ำแย่ ความเสี่ยง หมดเงินเยียวยา หนี้เสียสูง และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น แต่ก็มีสัญญาณการฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ วัคซีน-ยาคืบหน้า และไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุดของปีแล้ว ไบเดนชนะเลือกตั้งจะเป็นผลดีกับเอเซียมากกว่าตอนทรัมป์ จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดี หุ้นพลังงานช่วงนี้ผันผวนแต่แนะนำซื้อ-PTT,PTTEP,TOP,BGRIM.GPSC,BCP วัสดุก่อสร้างพื้นฐานดี-TASCO,DRT,DCC หุ้นกลุ่มการแพทย์เข้าไฮซีซัน-BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive-ADVANC,DTAC,CPF,CHG,OSP หุ้นปันผลสูง-KKP,TISCO,LHเติบโต-ฟื้นตัวดี- AP,MTC,PTL,TASCO,TU,STI ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง-กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ-DIF,AIMIRT,IMPACT กลุ่มธนาคารไม่สดใส ยังต้องตั้งสำรอง ECL มากใน 2H63 แต่เก็งกำไรปันผล แนวรับคือ 1290-1280 จุด และ แนวต้าน 1330-1340 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1310 จุด ปัจจัยน่าติดตามคือ มีข่าวว่าจีนยิงมิไซล์ที่ทะเลจีนใต้ ทำให้สหรัฐไม่พอใจ ดัชนีความกังวล (VIX) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 23.27 จุด และจะมีผลกับการเจรจาการค้าเฟสต่อไปหรือไม่

# Stock Pick Today : TU เด่นด้านอัตรากำไรขั้นต้นสูง กำไรหลัก 2Q63 ดีกว่าที่เราและตลาดคาดเป็น 1.52 พันล้านบาท ลดลง 2.7% y-o-y แต่เพิ่มขึ้น 18.6% q-o-q ประการสำคัญคือ สามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 2Q63 นี้ ช่วยชดเชยผลขาดทุนจาก Red Lobster ได้เป็นอย่างดี ล่าสุดได้ปรับประมาณการดีขึ้นสำหรับปีนี้และปีหน้าในอัตรา +30%/+7% ตามลำดับ สะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ทำได้สูง กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 17.10 บาท มี upside อีก 17%

การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...กลับเป็นบวกเล็กๆ อาจมีรีบาวด์ช่วงสั้นๆต่อ แต่ยังคงให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicatorsเปลี่ยนกลับมาให้ภาพบวกเล็กๆอีกครั้ง {“ปิดบวกเหนือ“SMA10วันได้อีกครั้ง (โดยมีโครงสร้างขาลง ระยะกลางกดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้แกว่งแบบให้น้ำหนักกับการลง แต่ค่าบวก”(มี“SMA10หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1330 (หรือ 13401350) จุด {แนวตัดขาดทุน ต่ำกว่า 1310”(แนวรับย่อย 12901280 / 1250จุด)}

Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com

Inside Story

Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ

Company Guide : SPA (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.80)

Flash Note : MC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 10.50)

VGI (ถือ -ราคาพื้นฐาน 6.69)

In The News : MCS (ราคาปิด 14.10 บาท) : แนวโน้มธุรกิจดีต่อเนื่องใน 2H63F ถึง ปี 64F

Turnover List Watch : ติดตาม ETC มีโอกาสสูงติด Cash Balance ขึ้นกับราคาปิดวันนี้

New Listing : ITEL-W2

Key Drivers TODAY

ปัจจัยต่างประเทศ

+ สหรัฐ: Nasdaq และ S&P500 ยังคงปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนเดินหน้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

# หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก,แอปเปิล,แอมะซอน,เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ว่าธุรกิจในภาคส่วนดังกล่าวจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการที่ประชาชนต้องพึ่งพาระบบออนไลน์ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด

+ สหรัฐ: โมเดอร์นาแถลงผลการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ในเฟสแรกกับคนอายุมาก ได้ผลน่าพอใจ

# หุ้นโมเดอร์นา ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.42% หลังจากบริษัทแถลงว่า ผลการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ในเฟสแรกกับอาสาสมัครที่มีอายุมากนั้น ได้ผลเป็นที่น่าพอใจเหมือนกับที่ทดลองกับอาสาสมัครในวัยหนุ่มสาว

+ สหรัฐ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้น 11.2% ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

# รายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 11.2% ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น4.3% หลังจากดีดตัวขึ้น 7.6% ในเดือนมิ.ย.

  • •/- สหรัฐ: จับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันที่ 27-28 ส.ค.

# บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันที่ 27-28 ส.ค. โดยการประชุมดังกล่าวจะปรับรูปแบบเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในหัวข้อ "Navigating the DecadeAhead: Implications for Monetary Policy" ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้หรือพฤหัสที่ 27 ส.ค. เวลา 09.10 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 20.10 น.ตามเวลาไทย

  • มีการคาดการณ์ว่าประธานเฟดอาจจะส่งสัญญาณการปรับเพิ่มเป้าหมายเงินเฟ้อรายปีของเฟด

# นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ นายพาวเวลอาจจะส่งสัญญาณการปรับเพิ่มเป้าหมายเงินเฟ้อรายปีของเฟด จากปัจจุบันที่ระดับ 2%

# ผลกระทบ: หากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น จะดีกับทองคำ ส่วนตลาดหุ้นหากเฟดระบุว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไว้ แม้เงินเฟ้อเพิ่มก็จะไม่กระทบมาก

+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดบวก 83.48 จุด,Nasdaq ทำนิวไฮต่อเนื่อง รับแรงซื้อหุ้นเทคโนฯ

# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ยังคงปิดทำนิวไฮเนื่องจากนักลงทุนเดินหน้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ว่าธุรกิจในภาคส่วนดังกล่าวจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการที่ประชาชนต้องพึ่งพาระบบออนไลน์ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันนี้

+ น้ำมัน: WTI ปิดบวกเล็กน้อย หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด

# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นคือ 4 เซ็นต์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการอุปสงค์น้ำมันที่ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

  • ทองคำ: ปิดพุ่ง $29.4 ดอลล์อ่อนหนุนแรงซื้อ,จับตาสุนทรพจน์"พาวเวล"

# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันนี้

-โควิด-19: ปัญหาโควิดยังหนัก จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มต่อเนื่อง

# ข้อมูลบนเว็บไซต์ของ Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 24,090,800 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 824,162 ราย ขณะที่สหรัฐยังคงติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19

  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้

# นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.

ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์

+ เศรษฐกิจไทย: รมว.คลังใหม่ ปาฐกถาพิเศษงาน Thailand Focus มองศก.ปี 64 ฟื้น

# รม ว .ค ลัง ป า ฐ ก ถ า พิเศ ษ หัว ข้อ "Navigating through global uncertainties: Thailand's opportunities fortransformation" ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นการฟื้นตัวกลับมาอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง มองว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/63 จะเป็นไตรมาสที่มีเศรษฐกิจต่ำที่สุด ก่อนจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนในปีหน้า โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 64 จะกลับมาขยายตัวได้ในระดับ 4-5%

# ผลกระทบ: คาดว่าการให้ความเห็นต่อเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ รมว.คลังใหม่ หลังเข้ามารับตำแหน่งไม่นานมีส่วนช่วยทำให้ SET กลับมาบวกได้วานนี้ จาก Sentiment ด้านบวก แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ กว่าจะไปถึงปี 64 และรูปแบบการฟื้นตัวอาจต้องใช้เวลานานเป็นรูปตัว U หรือ W

+ งาน Thailand Focus 2020: Resiliency to Move Forward จะมีในช่วงวันที่ 26-28 ส.ค.63

# กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวเปิดงาน Thailand Focus 2020: Resiliency toMove Forward ว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ความกังวลเรื่องการระบาดของโควิด-19 และภาวะของเศรษฐกิจโลกทำให้ตลาดทุนปั่นป่วน ดัชนี SET ร่วงลงอย่างรุนแรงในเดือนมี.ค.และเม.ย.ที่ผ่านมา แต่ด้วยปัจจัยแห่งความแข็งแกร่งทนทานของตลาดทุนไทย ทำให้สามารถผ่านพ้นช่วงยากลำบากนั้นมาได้ด้วยดี โดยดัชนี SET ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากผู้ป่วยโควิดรายแรกที่ยืนยันในประเทศเมื่อวันที่ 31 ม.ค.63 ทำให้ดัชนี SET ร่วงลงถึง 37% และดีดกลับมาในปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และแตะระดับใกล้กับก่อนวิกฤตในเวลาเพียงไม่กี่เดือน

-/+ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนก.ค.63 ที่หดตัว -14.69% y-o-y แต่หดตัวน้อยกว่า มิ.ย.63

# รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนก.ค.63 ที่หดตัว -14.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกต้องชะลอตัว แต่เป็นการหดตัวที่น้อยกว่าเดือนก่อน สะท้อนให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และกำลังทยอยฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับปกติในช่วงก่อนโควิด-19 ภายใต้เงื่อนไขว่าประเทศไทยจะไม่มีการระบาดของโควิด-19 รอบที่ 2

# ผลกระทบ: แม้ปรับลง y-o-y แต่กระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนก.ค. 2563 ขยายตัว3.12% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน (m-o-m) และขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แล้ว ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 3 เดือน ล่าสุดขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอยู่ที่ระดับ 56.01% จากเดิมที่ 55.07% สะท้อนภาคอุตสาหกรรมได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และกำลังทยอยฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกติ

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!