- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 25 August 2020 18:57
- Hits: 3744
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 25-8-2020
Selective Buy//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นแรงกว่าที่เราและตลาดคาดมาก ปิดบวกได้ 17.85 จุด ณ สิ้นวัน โดยทุกกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นแข็งแรงโดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และขนส่ง มีเพียงกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวลงสวนตลาด สถาบันในประเทศเป็นฝ่ายซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิบางๆ 126 ลบ. (แต่ยัง Long Index Futures 7.3 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะฟื้นตัวต่อเนื่องทดสอบกรอบ 1,325-1,330 จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใส โดยตลาดคาดหวังเชิงบวกต่อทั้งพัฒนาการของวัคซีน COVID-19 รวมถึงการใช้พลาสม่าในการรักษา ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้คือมุมมองต่อเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของ FED ใน Jackson Hole Symposium วันที่ 27-28 ส.ค. รวมถึงรอกำหนดการพูดคุยรีวิวข้อตกลงทางการค้าเฟส1 ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ในเชิงกลยุทธ์เรายังเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2H20 ต่อเนื่องปี 2021 แข็งแกร่ง โดยเฉพาะที่ยัง Laggard กลุ่มอุตสาหกรรมที่เราชอบยังเป็น อาหารและเครื่องดื่ม อสังหาฯแนวราบ สื่อสารฯ การแพทย์ โรงไฟฟ้า ส่วนประเด็นวัคซีน COVID-19 ให้ติดตามผลการทดลองเฟสที่ 3 จากฝั่งสหรัฐฯ-ยุโรปช่วง 1-2 เดือนนี้ ซึ่งหากออกมาในเชิงบวกเราแนะนำให้เก็งกำไร Global Play
กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและยัง Laggard//ทยอยสะสมในช่วงตลาดปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : CPALL, GULF, PTG, SC, STGT
หุ้นเด่นวันนี้: OSP
- แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 51 บาท
- เราคาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q20 และการฟื้นตัวเป็นลักษณะ V-Shape ในครึ่งปีหลังจาก Demand ที่ฟื้นตัว การรับรู้กำลังการผลิตส่วนเพิ่มเต็มไตรมาส และภาษีสรรพสามิตสำหรับ Functional Drink ที่ลดลง
- เราคาดกำไรปี 2020-2021 +21% Y-Y และ +13% Y-Y ตามลำดับ โดย 2H20 คาดกำไรโตแรงกว่า CBG ขณะที่ราคาหุ้นยัง Laggard และ Valuation ซื้อขายที่ 2021PER ราว 27 เท่า ถูกกว่า CBG ที่ 29 เท่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในดีตที่ 30-35 เท่า
Fund Flow กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาค US$181 ล้าน โดยไหลเข้ากระจุกตัวที่เกาหลีใต้ US$305 ล้าน แต่ไหลออกจากอินโดนีเซียและไต้หวัน US$43 ล้านและ US$39 ล้าน ตามลำดับ ส่วนไทยยังไหลออกบางๆอีก US$4 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการรักษาและป้องกันการระบาดของ COVID-19 ทั้งการใช้พลาสม่ารวมถึงวัคซีนที่อยู่ระหว่างพัฒนา
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ส่งออกเดือน ก.ค. หดตัวน้อยกว่าคาด อยู่ที่ 1.89 หมื่นล้านดอลลาร์ -11.4% Y-Y หากไม่รวมทองคำที่ยังไม่ขึ้นรูปจะหดตัว -14.1% Y-Y เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว รวม 7M20 ส่งออกหดตัว -7.7% Y-Y โดยหากอิงเป้าของ NESDC และธปท.ที่คาดส่งออกทั้งปีติดลบราว-10% Y-Y ช่วง 5 เดือนที่เหลือต้องส่งออกเฉลี่ยเดือนละราว 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นไปได้ กลุ่มสินค้าที่ขยายตัวในเดือน ก.ค. ได้แก่ อาหารสัตว์ ทูน่ากระป๋อง สินค้า WFH รวมถึงถุงมือยาง ส่วนกลุ่มสินค้าที่หดตัวได้แก่ ยางพารา ข้าว น้ำตาล กุ้งแช่แข็งและแปรรูป รถยนต์ และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เรามองเป็นบวกต่อ CBG CPF KCE HANA SAPPE TU และ STGT
(0) กลุ่มธนาคาร สินเชื่อเดือนก.ค. +0.27% M-M โดยหลักๆมาจากฝั่ง Corporate โดยรวมธนาคารยังระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อโดยเฉพาะ SMEs และรายย่อย โดยคาดกำไรของ BBL KBANK TISCO ผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q20 จากสำรอง ECL ที่จะลดลงใน 2H20 ขณะที่ฝั่งฐานะการเงินและเงินกองทุนยังแข็งแรงและคาดจ่ายเป็นผลเต็มปี 2020 Yield เฉลี่ยราว 5% เรายังเลือก BBL และ TISCO เป็น Top Pick โดยเหมาะสำหรับซื้อลงทุนระยะยาว
(0) SEAFCO แรงงานต่างด้าวไม่สามารถกลับไทยได้จาก COVID-19 ยังคงเป็นปัญหาทำให้ความคืบหน้าของงานช้าลง บริษัทจึงปรับลดเป้ารายได้ปีนี้ลงเป็นทรงตัว Y-Y สอดคล้องกับประมาณการของเรา Backlog ณ สิ้น 2Q20 อยู่ที่ 2.2 พันลบ.รองรับคาดการณ์รายได้ปีนี้หมดแล้ว เราคาดกำไร 2H20 ทรงตัว H-H แต่ชะลอ Y-Y จาก Margin ที่อ่อนตัว อย่างไรก็ตามคาดว่า SEAFCO ชนะประมูลงานเพิ่มและได้ประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐในระยะถัดไป ราคาหุ้นที่ปรับฐานจึงเป็นโอกาสในการเข้า "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 6.90 บาท
(+) THANI ขึ้นเครื่องหมาย XR วันนี้เพิ่มทุน 2 หุ้นเดิม : 1 หุ้นเพิ่มทุนที่ราคา 1 บาท มี Price Dilution 25% และราคาเป้าหมายของเราจะลดจาก 4.56 บาทเหลือ 3.70 บาท ในแง่พื้นฐานคาดเป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยต่ำและการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถน้อยที่สุดเพราะ 90% เป็นสินเชื่อเช่าซื้อ ส่วนคุณภาพสินทรัพย์ยังดี (NPL ต่ำ) เรายังแนะนำ "ซื้อ"
(+) ตลาดดาวโจนส์ ปรับขึ้น 378.13 จุด ปิดที่ 28,308.46 จุด รับปัจจัยบวกจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) อนุมัติให้คณะแพทย์ให้นำพลาสมาของผู้ป่วยที่หายแล้วมาทำการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 รวมถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แถลงว่า การรักษาโดยใช้พลาสมาจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้ถึง 35%
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หนุนจากสหรัฐฯอนุญาตให้ใช้พลาสมารักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19
(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น ตามทิศทางของตลาดดาวโจนส์ จากความคืบหน้าการพัฒนาวิธีรักษาโควิด-19
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.51 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.66% ปิดที่ 42.62 ดอลลาร์/บาร์เรล จากบริษัทน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกอพยพพนักงานออกจากแท่นขุดเจาะ และปรับลดกำลังผลิตน้ำมันรวม 57.6% หรือประมาณ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อรับมือกับเฮอร์ริเคนมาร์โคและพายุโซนร้อนลอราที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านอ่าวเม็กซิโก
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 7.8 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,939.2 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการรักษาโควิด-19
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1252.38 / +-
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
25 ส.ค. - เยอรมนี: GDP 2Q20 Final, Ifo Business Climate (ส.ค.)
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ค.)
26 ส.ค. - ไทย: ผลผลิตอุตสาหกรรม (ก.ค.)
- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.ค.)
27 ส.ค. - เกาหลีใต้: ประชุมธนาคารกลาง
- สหรัฐฯ: GDP 2Q20 คาดการณ์ครั้งที่ 2, Jackson Hole Symposium
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: FINNANSIA SYRUS SECURITIES
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web