WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 25-8-2020dbs

ดาวโจนส์-ยุโรปบวกแรงใช้พลาสมารักษาโควิด-19 ได้ผล

  • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ :

# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ปรับเพิ่ม ยืนเหนือ 1300 จุด ปิด +17.85 จุด ที่ 1317.11 จุด มูลค่าซื้อขายปานกลาง 57 พัน ซื้อสุทธิสูง-สถาบัน ช่วงเช้าไซด์เวย์ทางบวก จากตัวเลข PMI และยอดขายบ้านมือสองสหรัฐออกมาดี พอช่วงบ่ายดัชนีฯพุ่งขึ้นจากตัวเลขส่งออก ก.ค.ที่ปรับตัวลงน้อยกว่าคาด หากไม่นับทองคำและน้ำมันปรับลง13% y-o-y ไทย-ลดความกังวลผู้ติดเชื้อหญิง 2 รายในประเทศ ซื้อสุทธิมาก-สถาบัน ขายสุทธิมาก-รายย่อย YTD ต่างชาติขาย 241 พันลบ.

# ปัจจัยและกลยุทธ์: SET มีโอกาสปรับขึ้น รับข่าวใช้พลาสมารักษาโควิด-19 ตลาดหุ้นยุโรป ดาวโจนส์ เอเซีย น้ำมันขึ้นรับข่าว ปัจจัยบวกคือ FDA อนุมัติใช้พลาสมาที่มีโปรตีนคุ้มกันช่วยรักษาไม่ให้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทรัมป์กล่าวช่วยลดอัตราเสียชีวิตได้ 35% ดาวโจนส์ทะยานถึง 378 จุด น้ำมัน +28 cent ทองคำ -7.8 U$ เข้าตลาดหุ้นแทนดัชนีความกังวล VIX ลดลงเป็น 22.4 จุด ด้านไทยส่งออก ก.ค.-11.4% ต่ำกว่าคาด เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านและดาวโจนส์ Future ปรับตัวขึ้นดี ส่วนปัจจัยลบคือ ทั่วโลกจับตาการประชุมเฟดประจำปี ที่เมืองแจ็คสัน โฮล 27-28 ส.ค. แต่เฟดล่าสุดบ่งชี้ศก.สหรัฐยังเสี่ยง ผู้ติดเชื้อทั่วโลกยังสูงมากถึง 23.6 ล้านราย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ผ่านความขัดแย้งจีน-สหรัฐ และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น ทั้งการประชุมนศ. และประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ ม. 256 เกี่ยวกับกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการจัดตั้ง สสร. กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1300-1340 จุด ทยอยขายแนวต้านลดเสี่ยง ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังย่ำแย่ ความเสี่ยง หมดเงินเยียวยา หนี้เสียสูง และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้น แต่ก็มีสัญญาณการฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ วัคซีน-ยาคืบหน้า และไตรมาส 2เป็นจุดต่ำสุดของปีแล้ว ไบเดนชนะเลือกตั้งจะเป็นผลดีกับเอเซียมากกว่าตอนทรัมป์ จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดี หุ้นพลังงานช่วงนี้ผันผวนแต่แนะนำซื้อ-PTT,PTTEP,TOP,BGRIM.GPSC,BCP วัสดุก่อสร้างพื้นฐานดี-TASCO,DRT,DCC หุ้นกลุ่มการแพทย์เข้าไฮซีซัน-BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive-ADVANC,DTAC,CPF,CHG,OSP หุ้นปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัวดี- AP,MTC,PTL,TASCO,TU,STI ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง-กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIF,AIMIRT,IMPACT กลุ่มธนาคารไม่สดใส ยังต้องตั้งสำรอง ECL มากใน 2H63 แต่เก็งกำไรปันผลแนวรับคือ 1290-1280 จุด และ แนวต้าน 1330-1340 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1310 จุด ปัจจัยน่าติดตามคือ สหรัฐฯและทั่วโลกมีความหวังกับการใช้พลาสมาจากผู้ป่วยที่หายมาช่วยให้พ้นจากการเสียชีวิต คาดว่าหลักทรัพย์กลุ่มที่เคยได้รับผลกระทบทางลบมากจะฟื้นตัว เช่น โรงแรม สายการบิน และสนามบิน AOT หุ้นวัฏจักร เช่น พลังงาน ปิโตรฯ และธนาคาร เป็นต้น แต่หุ้น Defensive อาจมีแรงขายออกมา เช่น STGT, PTL, AJ, RBF แต่เรื่องวัคซีน ยา จะเป็นบวกเป็นแค่ระยะสั้นๆ

# Stock Pick Today : VGI ภาวะธุรกิจทยอยฟื้นตัว ราคาลงมากไป คาด 2Q63-64 (สิ้นสุด ก.ย.63) มีโอกาสจะขาดทุนน้อยลง และพลิกกำไรใน 2H63-64 และปี 64-65 ด้านสื่อโฆษณาที่เติบโตดีคือ VGI Digital Lab ส่วนโฆษณา Out of Home ค่อยๆมีการฟื้นตัวตามการเปิดเมือง บริษัทมีความพร้อมเรื่องการมีสื่อที่หลากหลาย ผู้บริหารมีความสามารถและงบดุลแข็งแกร่ง เพียงรอให้ธุรกิจกลับมาฟื้นตัว และมีบ.ร่วม Kerry Express ที่มีมูลค่าสูง ให้ราคาพื้นฐาน 6.65 บ.(SOP)

การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...กลับเป็นบวกเล็กๆ อาจมีรีบาวด์ช่วงสั้นๆ แต่ยังคงให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicatorsเหมือนจะเปลี่ยนมาให้ภาพบวกเล็กๆ {“ปิดบวกค่อนข้างแรงใต้“SMA10วัน” (โดยมีโครงสร้างขาลง ระยะกลางกดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้แกว่งแบบให้น้ำหนักกับการลง แต่ค่าบวก”(ถ้ามี / มีแนวรับย่อย 1300” + “Oversold”ในกราฟรายนาทีเดิมหนุน”) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1330 (หรือ 1340– 1350) จุด {แนวตัดขาดทุน ต่ำกว่า 1310” (แนวรับย่อย “1290 – 1280 / 1250” จุด)}

Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com

Inside Story

Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ

In The News : สหรัฐ : ทีมหาเสียงทรัมป์ประกาศนโยบายเลือกตั้ง

PTTGC (ราคาปิด 49.25 บาท) : งดจ่ายปันผลระหว่างกาลงวด 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2563

SVI (ราคาปิด 3.68 บาท) : มีคำสั่งซื้อใหญ่ช่วยหนุนกำไรปี 63

ข่าวเด่นวันนี้

Key Drivers TODAY

ปัจจัยต่างประเทศ

+ สหรัฐ: FDA ได้อนุมัติให้ใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19

# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แถลงว่า FDA ได้อนุมัติให้ใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19โดยพลาสมาเหล่านี้ได้รับการบริจาคจากผู้ที่เคยป่วยด้วยโรคโควิด-19 แต่ได้รับการรักษาจนหายดี

# ปธน.ทรัมป์แถลงต่อสื่อมวลชนว่า "นี่เป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพมาก เราจะกระจายพลาสมาเหล่านี้ออกไปเพื่อให้ชาวอเมริกันที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 สามารถเข้าถึงการรักษานี้ได้มากขึ้น" นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ระบุว่า การรักษาโดยใช้พลาสมาจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้ถึง 35%

+ สหรัฐ: ผลทดลองจาก National Convalescent Plasma Expanded Access Protocol ยืนยันความมั่นใจ

# ทางด้าน FDA ระบุว่า การรับรองให้ใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกันในการรักษาโรคโควิด-19 นั้น พิจารณาจากหลักฐานที่ได้จากผลการทดลองใช้พลาสมาดังกล่าวในช่วงแรกที่ไวรัสเริ่มแพร่ระบาด, หลักฐานการทดลองทางคลินิกที่ทำหลายครั้งจนมั่นใจ และข้อมูลยืนยันจาก "National Convalescent Plasma Expanded Access Protocol"

  • •/- สหรัฐ: จับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันที่ 27-28 ส.ค.

# บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันที่ 27-28 ส.ค. โดยการประชุมดังกล่าวจะปรับรูปแบบเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในหัวข้อ "Navigating the DecadeAhead: Implications for Monetary Policy" ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในวันพฤหัสบดีที่ 27 ส.ค. เวลา 09.10 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 20.10 น.ตามเวลาไทย

+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 378.13 จุด ขานรับการรักษาโควิดคืบหน้า

# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 28,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ต่างก็ปิดทำนิวไฮ หลังจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้อนุมัติให้ใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน (convalescent plasma) ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่เป็นความหวังว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบิน และกลุ่มอุตสาหกรรม

+ น้ำมัน: WIT ปิดบวก 28 เซนต์ หลังบริษัทน้ำมันลดการผลิตหนีพายุจ่อถล่มอ่าวเม็กซิโก

# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) หลังมีรายงานว่าบริษัทน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกพากันอพยพพนักงานออกจากแท่นขุดเจาะเพื่อเตรียมรับมือกับพายุ 2 ลูกที่จ่อถล่มอ่าวเม็กซิโก ส่งผลให้มีการระงับการผลิตน้ำมันมากกว่าครึ่งหนึ่งในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ การผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกคิดเป็นสัดส่วน 17% ของการผลิตในสหรัฐ ส่วนการผลิตก๊าซธรรมชาติคิดเป็น 5%

  • ทองคำ: ปิดลบ $7.8 นลท.ขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังตลาดหุ้นพุ่ง

# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นขานรับข่าวความคืบหน้าในการรักษาโรคโควิด-19

-โควิด-19: ยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตทั่วโลกยังอยู่ในเกณฑ์สูง

# วานนี้ Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่ายอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 23,612,908 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 812,991 ราย

  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้

# นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคาบ้านเดือนมิ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จาก Conference Board, ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.,ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)ไตรมาส 2/2563 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค.,ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.

ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์

+ เศรษฐกิจไทย: ส่งออกไทย ก.ค.63 ติดลบน้อยกว่าคาด ไม่นับทองคำ อาวุธและน้ำมัน -13% y-o-y

# กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน ก.ค.63 โดยการส่งออกไทยมีมูลค่า 18,819.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวลดลง -11.4% จากตลาดคาดว่าจะหดตัว -15 ถึง -19.5% แม้ว่ายังหดตัวต่อเนื่อง แต่ในภาค RealSector เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวที่ดีขึ้น

# อย่างไรก็ตาม เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และ อาวุธ การส่งออกในเดือน ก.ค.หดตัวที่ 13.0% แต่ยังหดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับการหดตัว 23.2% ในเดือน มิ.ย. ส่วนทั้งปียังคาดการณ์ว่าการส่งออกจะติดลบในช่วง -8 ถึง -9%

+ ส่งออกไทย 2H63 ฟื้นตัวจากสินค้าเช่น อาหาร บรรจุภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

# ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี (TMB Analytics) ประเมินทิศทางการส่งออกสินค้าในครึ่งปีหลัง 63 จะฟื้นตัวจากกลุ่มสินค้าอาหาร อาหารสัตว์ ผักผลไม้ ยารักษาโรคและเครื่องมือแพทย์ เครื่องดื่ม พลังงาน เคมีภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน สินค้าอุปโภค เครื่องจักรกล สินค้าเกษตร ซึ่งมีสัดส่วน 3 ใน 4 ของมูลค่าส่งออกรวม

# หลักทรัพย์ส่งออกที่มีปัจจัยพื้นฐานเด่น และยังแนะนำซื้อ ใน DBS Coverage แต่ในกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงคืออิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีส่วนเพิ่ม (Upside) ไม่มากนัก เช่น HANA ราคาพื้นฐาน 44.75 บาท มีส่วนเพิ่มราว 4% ส่วน DELTA ราคาปิดสูงกว่าราคาพื้นฐานที่ 124.00 บาทแล้ว ยกเว้น KCE ราคาพื้นฐานเป็น 34.75 บาท จึงถือว่ามีส่วนเพิ่มที่น่าสนใจราว 19% ด้านส่งออกอาหาร คงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับ CPF และ TU ราคาพื้นฐานเป็น 41.00 และ17.10 บาท ตามลำดับ ถือว่ามีส่วนเพิ่มอยู่ในเกณฑ์ที่มาก

+ การลงทุน: ค่ายนิสสันย้ายฐานการผลิตจากอินโดฯ มาไทย

# บริษัท นิสสันฯ ได้มีการปิดโรงงานในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อรวมฐานการผลิตเพื่อส่งออกไว้ที่ประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในภูมิภาคอาเซียน โดยล่าสุด บริษัทได้เปิดตัว Nissan Kicks รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% โดยไม่ต้องชาร์จ ซึ่งนำเทคโนโลยีใหม่ e-Powers มาใช้ในรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลก (นอกเหนือจากการผลิตในบริษัทแม่ณ ประเทศญี่ปุ่น) โดยรถยนต์รุ่นนี้มีการผลิตในไทยและส่งออกไปจำหน่ายยังญี่ปุ่นอีกด้วย (Aspen)

# ผลกระทบ: ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมไทยยังไม่ฟื้นตัว จนกว่าจะมีการเปิดน่านฟ้าให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาได้ การลงทุนจึงควรเป็นการทยอยสะสมมากกว่า ปัจจุบัน หลักทรัพย์แนะนำ ซื้อ คือ AMATA และ ROJNA (รับเงินปันผลสูง)ส่วน WHA แนะนำ ถือ แต่เวลามีข่าวเรื่องวัคซีน ยา ก็ทำให้มีการเล่นรอบเก็งกำไรหลักทรัพย์กลุ่มนี้เช่นกัน

-การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรปีนี้อาจหลุดเป้า จากผลกระทบโรคโควิด-19

# อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ในการจัดเก็บรายได้ของกรมฯปีนี้จะต้องหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อีกครั้ง โดยวัดจากการจัดเก็บรายได้เดือน ส.ค. เป็นตัวชี้ขาดว่าการเก็บรายได้ทั้งปีงบประมาณ 63 จะเป็นเท่าใด เนื่องจากที่ผ่านมาการทำประมาณการรายได้อยู่บนพื้นฐานเศรษฐกิจไทยขยายตัว 5% แต่ขณะนี้คาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัว -8%ดังนั้น เป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ 2.11 ล้านล้านบาทคงไม่สามารถทำได้ในภาคปฏิบัติ แต่ก็คงไม่นำเรื่องเป้าหมายดังกล่าวมาเป็นตัวตั้ง เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ประชาชนและผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อน

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]

สหรัฐ : ทีมหาเสียงทรัมป์ประกาศนโยบายเลือกตั้ง

In The News

สหรัฐ : ทีมหาเสียงทรัมป์ประกาศนโยบายเลือกตั้ง

  • ทีมหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศนโยบายชุดหลักเพื่อใช้หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.2563 โดยประกาศก่อนการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน (RNC) จะเปิดฉากขึ้น
  • นโยบายดังกล่าวมีสโลแกนว่า "Fighting for You" โดยเน้นที่การจ้างงาน การกำจัดโรคโควิด-19 บริการดูแลสุขภาพการศึกษา การอพยพเข้าเมือง นวัตกรรม นโยบายต่างประเทศ และขอบข่ายอื่นๆ รวมทั้งยังเดินหน้าตามนโยบาย"America First" ต่อไป
  • ทรัมป์ได้ให้คำมั่นว่าถ้าได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัยจะสร้างงานเพิ่ม 10 ล้านตำแหน่งใน 10 เดือน พัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ภายในสิ้นปีนี้ ส่งมนุษย์ไปประจำการบนดวงจันทร์ และส่งมนุษย์ไปดาวอังคารเป็นครั้งแรก
  • ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBS : มองว่าในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ น่าจะมีปัจจัยและความหวังทางบวกที่นักการเมืองคิดค้นกันมาแย่งคะแนนเสียงสนับสนุนจากประชาชน ซึ่งจะช่วยพยุงตลาดหุ้นเอาไว้ ส่วนว่าทรัมป์จะมีคะแนนนิยมตีตื้นขึ้นมาได้หรือไม่นั้น ต้องติดตามกัน โดยจากนั้นไปจนถึงต้นพ.ย.2563 การหาเสียงจะมีความเข้มข้นขึ้นเป็นลำดับ

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : [email protected]

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!