- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 22 October 2014 16:41
- Hits: 2404
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ต่างประเทศสดใสขึ้น
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : อังคาร SET Index แกว่งแคบปิดตลาด -0.53 จุด ปิดที่ 1,526.14 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 3.6 หมื่นล้านบาทตลาดหุ้นเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ปรับลงเล็กน้อยเช่นกัน มีแรงขายทำกำไรสลับออกมา ส่วนการประกาศกำไรไตรมาส 3 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยได้จบลง และส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆมากระตุ้นตลาดฯ อย่างไรก็ตามระยะกลางยังมีความหวังว่าเฟดอาจจะยังไม่เร่งรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตชะลอตัวลง ขณะเดียวกันอุปสงค์ในตลาดโลกก็แผ่วลงตามการฟื้นตัวที่ล่าช้า ซึ่งการปรับขึ้นค่อนข้างจำกัด นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 872 ล้านบาท แต่รายย่อยซื้อสุทธิ 1,427 ล้านบาท สำหรับ SET Index วันนี้ปัจจัยตลาดต่างประเทศเป็นใจ ดาวโจนส์และตลาดเพื่อนบ้านเกื้อหนุน ตลาดยุโรปก็ปรับขึ้นดี เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้เข้าซื้อตราสารหนี้ที่มีการค้ำประกันด้วยสินเชื่อที่มีคุณภาพ (covered bond)แต่ตลาดยังไม่เปลี่ยนภาพเป็นขาขึ้นเสียทีเดียว การเก็งกำไรจึงไม่ควรหวัง Gap กำไรที่มาก ควรเข้าไวออกไว สิ่งที่ควรติดตามคือดัชนีฯ หากปรับลงต่ออาจไปทำยอดต่ำสุดใหม่ที่ 1,510 จุดได้ ก็จะยิ่งเป็นสัญญาณไม่ดี ควรทยอยขายทำกำไร เพื่อมีเงินสดไว้รอซื้อเมื่อดัชนีฯ ปรับตัวลงมามากแล้ว โดยปัจจัยที่จับตา คือ ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำ, ผลประกอบการ Real Sectors ซึ่งมีเส้นตายการประกาศงบการเงิน 3Q57 คือ15 พ.ย.57 แต่กลุ่มวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่จะประกาศก่อนปลายเดือนนี้ สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น AOT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเปลี่ยนเป็นลบ ความน่าจะเป็นของตลาดวันนี้ “แกว่งลง” เป็น หลักแต่หากรักษาค่าบวกได้ อาจมีการลุ้นรีบาวด์ระยะสั้น แนวต้านคือ 1535-1545 ค่าลบของหุ้นและ SET Index หากดูไม่ดี มีสิทธิลงไปทำ New Low ที่ 1510 (+/-10 จุด) ดังนั้นในการเข้าซื้อใหม่จึงเน้นซื้อตามด้วยค่าบวก สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะทำ New High ทางเทคนิคและให้ถือต่อ ได้แก่ MAJOR, MJD และ PPS ส่วนที่เข้าใหม่เป็น APURE,NIPPON, AOT หุ้นที่หลุด List คือ EGCO และหุ้นที่แนะนำไปแล้วและอยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit ประกอบด้วย EE และ OCEAN
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
+สหรัฐ: ยอดขายบ้านมือสองออกมาดี ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนก.ย. แตะระดับสูงสุดในรอบหนึ่งปีที่ 5.17ล้านยูนิต ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นจากที่ปรับตัวลงโดยไม่คาดหมายในเดือนส.ค. และตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์
+/- สหรัฐ: บริษัทประกาศกำไรหลากหลาย บริษัทแอปเปิล อิงค์เปิดเผยกำไรสุทธิแตะที่ 8.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ขณะเดียวกันผู้ผลิตไอโฟนยังได้คาดการณ์รายได้ที่แข็งแกร่งสำหรับไตรมาสปัจจุบัน ส่วนแมคโดนัลด์รายงานว่า กำไรสุทธิในไตรมาสสามร่วงลง30% เทียบรายปี แตะ 1.07 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.09 ดอลลาร์/หุ้นและโคคา-โคล่าเปิดเผยรายได้ไตรมาสสามที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
•สหรัฐ: รอดู CPI ก.ย.นักลงทุนจับตาดูดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทยหลังจากดัชนี CPI ส.ค. ปรับตัวลง 0.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว เนื่องจากราคาพลังงานลดลง
-ตลาดต่างประเทศ: วานนี้ตลาดเกิดใหม่ถูกขายทำกำไร เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทเอกชน ซึ่งได้ฉุดหุ้นบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบและบริษัทโทรคมนาคมร่วงลง หุ้น 8 ใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง โดยหุ้นแอลจี เคม ดิ่งลง 14% ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ หุ้นไชน่า โมบาย ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ในตลาดหุ้นฮ่องกง ส่วนหุ้นซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลง 2.1%
-/+จีน: รายงาน GDP 3Q57 ต่ำ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ได้เปิดเผยวานนี้ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาส3/2557 ขยายตัว 7.3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่อ่อนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2552 อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่าต้องติดตามว่าทางการจีนจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่โดยเฉพาะการอัดฉีดสภาพคล่อง
+ดาวโจนส์: ดีดตัวขึ้น ดาวโจนส์ปิดที่ 16,614.81 จุด ดีดขึ้น 215.14จุด หรือ +1.31% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,419.48 จุด พุ่งขึ้น 103.41 จุดหรือ +2.40% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,941.28 จุด เพิ่มขึ้น 37.27 จุด หรือ+1.96%
+น้ำมัน: ปรับขึ้นได้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 10เซนต์ ปิดที่ 82.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ ปิดที่ 86.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ทองคำ: ปรับขึ้นดี ปิดตลาด +7 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.56% ปิดที่1,251.7 ดอลลาร์/ออนซ์
+ดัชนีค่าระวางเรือ: เพิ่มขึ้นดี BDI วานนี้เพิ่ม 117 จุด หรือ +12% ปิดที่ 1,090 จุด
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์
+ธปท.: คาดเศรษฐกิจเริ่มฟื้น 2H57 โฆษก ธปท. เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันถือว่าอยู่ในช่วงฟื้นตัวและได้พ้นจากช่วงภาวะเศรษฐกิจซบเซา (Stagnation) ไปแล้ว แต่ยังถือเป็นช่วงรอยต่อที่สำคัญ จึงต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้มากน้อยเพียงใด
-น้ำมัน: ผลกระทบราคาร่วง ฝ่ายวิจัยฯ DBS Group ได้ลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในตลาดโลกสำหรับ Brent เป็น 95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลล์ สำหรับปี 58 จากเดิมที่ 104 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลล์ สำหรับปี58 ขณะที่ราคาหุ้นในกลุ่มน้ำมันและก๊าซได้ปรับตัวลงไปส่วนหนึ่งแล้ว จึงได้มีการสรุปคำแนะนำล่าสุดที่เปลี่ยนจากเดิม และราคาพื้นฐานใหม่ดังนี้:-
PTTEP เดิม- ถือ ใหม่- เต็มมูลค่า (Fully Valued) ราคาพื้นฐาน 146.00บาท
PTT เดิม- ซื้อ ใหม่- ซื้อ ราคาพื้นฐาน 364.00 บาท
TOP เดิม- ถือ ใหม่- ถือ ราคาพื้นฐาน 51.00 บาท
PTTGC เดิม-ถือ ใหม่-ถือ ราคาพื้นฐาน 64.00 บาท
BCP เดิม-ซื้อ ใหม่-ถือ ราคาพื้นฐาน 34.00 บาท
IRPC เดิม-ซื้อ ใหม่-ซื้อ ราคาพื้นฐาน 4.20 บาท
+งบโครงสร้างพื้นฐาน: ปี 58 ราว 68 พันล้านบาท สนข.เผยว่า ครม.มีมติรับทราบแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 ซึ่งกำหนดไว้ 5 แนวทางเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาการคมนาคมขนส่งทั้งระบบ ตั้งเป้าใช้วงเงินงบประมาณปี 58 สำหรับดำเนินการใน 5 แผน วงเงินรวม 68,000 ล้านบาทความเห็น: หลักทรัพย์กลุ่มรับเหมาก่อสร้างทยอยปรับตัวลงตามภาวะตลาดฯ แต่หากมองไกลไปปี 58 ที่จะมีงานก่อสร้างขนาดใหญ่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว เราเห็นว่าเป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีในกลุ่มคือ CK และ STEC ส่วนรับเหมาขนาดเล็กคือ SYNTEC, SEAFCO,SRICHA
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : Tel 7835 [email protected]