- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 17 August 2020 12:45
- Hits: 5629
บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 17-8-2020
Market Wrap-Up
• SET ปิดวันที่ 14 ส.ค.63 ปิด -19.64 จุด อยู่ที่ 1,327.05 จุด มูลค่าการซื้อขาย 58,050 ลบ.ต่างชาติขาย 3,293 ลบ. สถาบันขาย 1,211 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 576 ลบ.ยอด NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 2,440 ลบ.โดยมียอดซื้อหุ้น PTL,COM7,CPALL,INTUCH,BJC และมียอดขายหุ้น AOT,CPF,BEM,KBANK,SCC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 514 ลบ หุ้นที่มีมูลค่า Short สูงคือ KBANK,GULF,PTT โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 15,425 สัญญาและมียอด Long สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 89,552 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 607 ลบ.
• ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones ปิด +0.12% , S&P500 +0.02% และ Nasdaq -0.21% หลังรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐ ก.ค. +1.2% ต่ำกว่าคาด +1.9% และชะลอตัวจาก มิ.ย.ที่ +8.4% ขณะที่ ม.มิชิแกนรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส.ค. อยู่ที่ 72.8 สูงกว่าคาดที่ 72.0 นักลงทุนสหรัฐยังรอความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 ปิด -1.20% หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการปรับลดลง หลังอังกฤษประกาศใช้มาตรการกักกัน 14 วัน สำหรับผู้ที่เดินทางกลับจากฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์ และมอลตา จากความเสี่ยงไวรัสระบาด ชณะที่รายงาน GDP Q2/63 ของยูโรโซนหดตัว -12.1%
Market View
• ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมา DJIA +1.18% , S&P500 +0.60%, Nasdaq +0.10% ยังได้แรงหนุนจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงต่ำกว่า 1 ล.ราย อยู่ที่ 963,000 ราย เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดไวรัสระบาด สะท้อนภาพตลาดแรงงานสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่ข่าวเริ่มผลิตวัคซีนต้านไวรัส Covid-19 ของรัสเซีย สปุตนิก 5 และทดลองวัคซีนเฟส 3 ของฝั่งสหรัฐ , อังกฤษจะทราบผลในช่วงปลายปีนี้ ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสใหม่เพิ่มขึ้นใน ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และเกาหลีใต้ ประเด็นที่ต้องติดตาม คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฉบับใหม่ที่ล่าช้า , รีวิวการค้าสหรัฐ – จีนที่เลื่อนออกไป , ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งให้ Bytedance ขาย TiKTok US.และการขายเครื่องบิน F16 ให้กับไต้หวัน ส่งผลลบต่อความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้นและตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้อยู่ในภาวะทรงตัว สำหรับดัชนี SET สัปดาห์ที่ผ่านมาทรงตัว ต่างชาติขาย 4 พัน ลบ. สถาบันซื้อ 1.5 พัน ลบ. โดย บจ. รายงานกำไร Q2/63 อยู่ที่ 1.1 แสน ลบ. -44% YoY, +38% QoQ และงวดครึ่งปี 63 มีกำไร 1.77 แสน ลบ. ลดลงเมื่อเที่ยบกับครึ่งปี 62 ที่ 4.2 แสน ลบ. เป็นกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ กลุ่มธุรกิจที่มีกำไรดีกว่าคาด คือ อาหารและเครื่องดื่ม, ICT, ไฟแนนท์, วัสดุก่อสร้าง วันนี้ติดตามสภาพัฒน์จะรายงาน GDP ไทย Q2/63 คาดหดตัว -13% YoY และ ครม.ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
Daily Strategy
• ดัชนี SET ถูกแรงกดดันจากสถานการณ์การเมือง อาจส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ ส่งผลให้ดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวลงสู่แนวรับ 1,300 – 1,310 จุด มีแนวต้าน 1,330 – 1,340 จุด แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวในกลุ่มอาหาร เช่น CPF, TU
• BEM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 10.70 บาท) รายงานกำรสุทธิ 2Q63 อยู่ที่ 152 ล้านบาท ลดลง 95%YoY จากปริมาณรถยนต์ที่ใช้ทางด่วนและจำนวนผู้โดยสาร (Ridership) รถไฟฟ้าหดตัวในช่วงมีมาตรการ Lockdown อย่างไรก็ตามคาด 2H63 กำไรจะฟื้นตัวจากตัวเลขสถิติที่ดีขึ้นเรื่อยมาจนถึงเดือน ส.ค.ที่กลับมาใกล้เคียงระดับปกติ และยังมีปัจจัยหนุนจากการเข้าประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มคาดว่าจะทราบผลปลายปี ส่วนปีหน้าแนวโน้มผลประกอบการจะฟื้นตัวกลับสู่ปกติได้ ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวลดลงมองเป็นโอกาสเข้าซื้อลงทุน อิง Bloomberg คาดกำไรปี 63-64 ที่ 2.72 พันล้านบาท -50%YoY และ 4.32 พันล้านบาท +59%YoY
• TU* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 15.98 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิงวดQ2/63ที่ 1,716 ล้านบาท(+1,440%YoY,+69%QoQ) ยังสามารถเติบโตได้ดีและสูงกว่าตลาดคาด ได้ปัจจัยหนุนทางรายได้จากประเภทธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปและอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีสัดส่วนสูงขึ้นจากความต้องการอาหารกระป๋องในช่วงการระบาดของCovid-19 โดยทั้ง 2 ประเภทธุรกิจนี้มี มีGross Marginที่สูงราว 18-26% สูงกว่าประเภทธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง(GM ราว 7-12%) สำหรับ Q3/63 ร้านอาหารจะเริ่มกลับมาเปิดจึงจะช่วยให้demand อาหารทะเลแช่แข็งฟื้นตัว ถือเป็นปัจจัยบวกเช่นกัน ตลาดคาดกำไรสุทธิปี63 และ ปี64 ยังเติบโตต่อเนื่องที่ 4,690 ล้านบาท(+22.91%YoY) และ 5,196 ล้านบาท(+10.78%YoY) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update (-) WTI Futures ก.ย.ปิด -$0.23 ดอลลาร์ อยู่ที่ $42.01 /บาร์เรล Brent Futures ต.ค. ปิด -$0.16 ดอลลาร์ อยู่ที่ $44.80 /บาร์เรล IEA คาดอุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันโลกปีนี้ลดลงอยู่ที่ 91.9 ล.บาร์เรล/วัน ขณะที่เบเกอร์ ฮิวส์รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 4 แท่น อยู่ที่ 172 แท่น ลดลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์ วันพุธนี้ติดตามการประชุมคณะกรรมการควบคุมการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก คาดยังไม่ปรับลดกำลังการผลิตเพิ่ม
Gold Update (-) Gold Futures ธ.ค.ปิด -20.60 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,948.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่า -0.26% อยู่ที่ 93.0957
Fund Flow (-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ -110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -129 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด -42.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +61.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ทรงตัวอยู่ที่ 31.04 บาทดอลลาร์สหรัฐ
(+) ดัชนี BDI ปิด +18 จุด อยู่ที่ 1,595 จุด
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 0.709 % , 2 ปี อยู่ที่ 0.147 %
(0) ค่าเงินหยวน off-shore ทรงตัวอยู่ที่ 6.950/USD
(-) วานนี้สหรัฐรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น 36,811 ราย รวมอยู่ที่ 5,566,600 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 522 ราย รวมอยู่ที่ 173,128 ราย ( Worldometers )
(-) GDP ญี่ปุ่น (เม.ย. – มิ.ย.) -7.8 %QoQ & คาด -7.5 %QoQ
Economic Calendar
สัปดาห์ที่3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม,ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
17 ส.ค. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 2/63
19 ส.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ
สัปดาห์ที่4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.)แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
ต่างประเทศ
18 ส.ค. US รายงานจำนวนใบอนุญาตก่อสร้าง ( ก.ค.)
19 ส.ค. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( ก.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
20 ส.ค. US รายงานการประชุมของ FOMC
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ( ส.ค.)
EU ธนาคารกลางยุโรปจะตีพิมพ์รายงานการประชุมนโยบายการเงิน
CN อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีของธนาคาร PBoC
21 ส.ค. US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) ( ก.ค.)
Theme Strategy
(1) กลุ่ม Defensive Stock BCPG*, BGRIM*, BPP*, GPSC*, GULF*, ADVANC, INTUCH*
(2) กลุ่มที่อิงการบริโภคในประเทศ CPALL, CBG*, ICHI*, OSP*
(3) กลุ่มรับประโยชน์ ศก.ชะลอ NPL เพิ่ม สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียน BAM*, CHAYO*, JMART*, JMT*, SINGER*
(4) กลุ่มส่งออกอาหารเงินบาทอ่อนค่า CPF*, GFPT*, TFG*, TU*, STA*
(5) กลุ่มรับประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและการคลาย Lockdown TOP, PTTGC, IVL*, PRM*, PTG*, TASCO*
(6) กลุ่มรับประโยชน์จากปลดล็อก พ.ร.บ.งบประมาณ STEC, SEAFCO*, PYLON*
*หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio July 2020: INTUCH*, JKN*, TVO*, TASCO*, CPF*, BCH*
Analysts
Apichai Raomanachai No. 002939
Nopporn Chaykaew No. 043964
Piyatat Pasommanatsakul No. 081741
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web