- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 11 August 2020 16:30
- Hits: 5541
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 11-8-2020
---กลยุทธ์วันนี้---
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบแคบตามคาดและเก็งกำไรเป็นรายตัวที่มีผลประกอบการ 2Q20 แข็งแกร่ง โดยดัชนีปิดลบเล็กน้อย 2.39 จุด ณ สิ้นวัน ปริมาณการซื้อขายเบาบางเพียง 3.7 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิบางๆ 262 ลบ. (และ Long Index Futures 2.1 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,320-1,330 จุดและมีมูลค่าการซื้อขายเบาบางเนื่องจากบ้านเราเป็นช่วงคาบเกี่ยววันหยุด ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม โดยจีนเริ่มมีการตอบโต้บ้างโดยคว่ำบาตร 11 นักการเมืองสหรัฐฯ ขณะที่ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ-จีนมีกำหนดพบกันวันที่ 15 ส.ค. นี้เพื่อรีวิวข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดัน ซึ่งจากกรอบการเคลื่อนไหวที่ค่อนขางแคบ ทำให้แรงซื้อและแรงเก็งกำไรคาดยังคงกระจุกตัวอยู่ในหุ้นที่มีกำไร 2Q20 แข็งแกร่งซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำของเรา ส่วนจังหวะอ่อนตัวของดัชนีลงใกล้ระดับ 1,300+- ยังมองเป็นจุดในการทยอยสะสมเพื่อถือลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยหากมีพัฒนาการเชิงบวกของวัคซีนในเฟส 3 เราแนะนำให้ Switch ไปลงทุนกลุ่ม Global Play ทันที
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดมีผลประกอบการ 2Q20 แข็งแกร่ง//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงตลาดปรับฐานบริเวณ 1,300 จุด+-
หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : CPALL, GULF, PTG, SC, STGT
---หุ้นเด่นวันนี้: CPF---
- แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 40 บาท
- จะประกาศกำไร 2Q20 วันพฤหัสฯนี้ มีโอกาสออกมาดีกว่าคาดการณ์ที่ -7.6% Q-Q, +37.6% Y-Y หนุนโดย CPP ที่แจ้งเตือนกำไรงวด 1H20 จะเติบโตถึง 270-300% Y-Y จากราคาหมูในเวียดนามที่พุ่งขึ้น
- แนวโน้ม 3Q20 จะเร่งตัวขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y และเป็นจุดสูงสุดของปีนี้จากราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับขึ้นทั้งไก่และหมูในไทย และหมูในเวียดนาม หลัง Demand ฟื้นตัวขึ้นจากการ Reopen เราคาดกำไรปี 2020 โตแรง +41.8% Y-Y และ +2.5% Y-Y ในปี 2021
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่องอีก US$153 ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีไต้และอินโดนีเซีย US$184 ล้านและ US$132 ล้าน ตามลำดับ ส่วนไต้หวันและไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$78 ล้านและ US$8 ล้าน ตามลำดับ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกโดยยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงการรีวิวข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกที่มีกำหนดพูดคุยกันกลางเดือนนี้
---ประเด็นสำคัญวันนี้---
(+) หุ้นที่คาดมีกำไร 2Q20 แข็งแกร่ง AP BCH CPF GUNKUL ICHI MTC PRM PTG STGT TU XO (ตลาคคาดกำไร 2Q20 ของ SET -14% Q-Q, -60% Y-Y)
(0) IVL คาดกำไรปกติ 2Q20 +116% Q-Q, -16% Y-Y ถูกกดดันจาก Product Margin ที่แคบลงจากผลกระทบของ COVID-19 แต่แนวโน้ม 2H20 จะเริ่มฟื้นจากปริมาณการขายและ Product Margin ที่ขยายตัว และเรามีมุมมองบวกต่อการขยายธุรกิจรีไซเคิล PET โดยล่าสุดซื้อโรงงานที่โปแลนด์ อย่างไรก็ตามเราปรับลดกำไรสุทธิปี 2020-2022 ลง 13-51% สะท้อนการใช้กำลังการผลิตที่ต่ำกว่าคาด แต่จากกำไรที่จะ Bottom ใน 1H20 จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 40 บาท
(+) BEM รายงานตัวเลขเดือน ก.ค. 20 ปริมาณรถบนทางด่วน -8% Y-Y แต่ฟื้นตัว +10% M-M ดีกว่าที่ประเมิน ซึ่งชดเชยปริมาณผู้ใช้รถไฟฟ้าที่ต่ำกว่าที่ประเมิน +25% M-M, -20% Y-Y เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงาน 2H20 ที่จะฟื้นตัวลักษณะ V-Shape คงราคาเป้าหมาย 11.40 บาท แนะนำ "ซื้อ" เป็น Top Pick
(+) SC ประกาศกำไร 2Q20 ออกมาดีตามคาด +65% Q-Q, +57% Y-Y จากโครงการแนวราบที่โตแกร่ง แนวโน้ม 3Q20 คาดว่าจะดีต่อเนื่องจาก Presale 2Q20 ที่ทำ New High ยังคงราคาเป้าหมายที่ 2.80 บาท แนะนำ "ซื้อ"
(+) MAKRO ประกาศกำไรสุทธิ 2Q20 -30% Q-Q, Flat Y-Y ดีกว่าคาด 6% แม้ SSSG จะพลิกเป็น -3.6% Y-Y แต่ Margin ยังทรงตัวได้ดีจากการควบคุมต้นทุน แนวโน้ม 2H20 คาดฟื้นตัวจากการ Reopen และเปิดสาขาใหม่ เราคาดกำไรปี 2020 Flat Y-Y ก่อนเร่งตัว +18% ในปี 2021 แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 50 บาท และคาดเป็นตัวช่วย CPALL มีกำไร 2Q20 ใกล้เคียงคาดซึ่งจะประกาศวันนี้ เราแนะนำ "ซื้อ" CPALL เช่นกันราคาเป้าหมาย 85 บาท
2Q20 Results (+) TASCO PLANB ดีกว่าคาด (0) PTT IRPC MAJOR ใกล้เคียงคาด (-) TOP แย่กว่าคาด
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 357.96 จุด ปิดที่ 27,791.44 จุด หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า รัฐบาลพร้อมการเจรจาครั้งใหม่กับแกนนำพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิด-19 และคาดบรรลุข้อตกลงได้เร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้ รวมถึงหนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามคำสั่งให้ขยายระยะเวลาในการให้เงินช่วยเหลือผู้ว่างงานจนถึงปลายปีนี้ในอัตรา 400 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ หลังจากหมดอายุไปในปลายเดือนผ่านมา
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของจีนในเดือนก.ค.ปรับตัวลง 2.4% น้อยกว่าในเดือนมิ.ย.ที่ -3%
(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น ตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ ท่ามกลางนักลงทุนติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 41.94 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทซาอุดี อารามโค คาดว่าอุปสงค์น้ำมันในเอเชียจะปรับขึ้น จากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงหนุนจากข่าวอิรักจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันอีก 4 แสนบาร์เรล/วันในเดือนส.ค.และก.ย. เพื่อชดเชยกับการผลิตน้ำมันเกินโควต้าใน 3 เดือนก่อนหน้า
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 11.7 ดอลลาร์ หรือ 0.58% ปิดที่ 2039.7 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐที่มากขึ้น และความคืบหน้าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1262.12 / +-
---ปัจจัยที่ต้องติดตาม----
11 ส.ค. - ออสเตรเลีย: ความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (ก.ค.)
- อังกฤษ: จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการ (ก.ค.)
- เยอรมนี: ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (ส.ค.)
- รัสเซีย: GDP 2Q20
12 ส.ค. - ออสเตรเลีย: ความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ค.)
- อังกฤษ: GDP 2Q20
- ยูโรโซน: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (มิ.ย.)
- สหรัฐฯ: เงินเฟ้อ (ก.ค.)
13 ส.ค. - ประกาศ MSCI Rebalance
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: FINNANSIA SYRUS SECURITIES
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web