SET ปิดวันที่ 6 ส.ค.63 ปิด -4.13 จุด อยู่ที่ 1,333.22 จุด มูลค่าการซื้อขาย 55,061 ลบ.ต่างชาติซื้อ 608 ลบ. สถาบันซื้อ 551 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 64 ลบ.ยอด NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 139 ลบ.โดยมียอดซื้อหุ้น ADVANC,KBANK,SAWAD,CPALL,PTL และมียอดขายหุ้น PTTEP,BBL,TOP,PTTGC,BDMS มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 647 ลบ หุ้นที่มีมูลค่า Short สูงคือ PTTGC,PTTEP,GULF โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 11,587 สัญญาและมียอด Long สะสมตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 96,841 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 2,635 ลบ.

ตลาดหุ้นสหรัฐ Down Jones ปิด +0.68% , S&P500 +0.64% และ Nasdaq +1.00 ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี FAANG, กลุ่มพลังงานปรับลดลง สำหรับการหารืองบกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่นั้น นายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างวุฒิสภาพรรครีพับลิกันเผยใกล้ได้ข้อสรุป ส่วนรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 1.186 ล.ราย ต่ำกว่าคาดจะเพิ่ม 1.42 ล.ราย ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 ปิด -0.73% หุ้นกลุ่มเหมืองแร่, กลุ่มน้ำมันปรับลดลง หลังการประชุม BOE มีมติคงดอกเบี้ยที่ 0.10 % และไม่ได้ส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

Market View

ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐได้แรงหนุนจากคาดการณ์สภาคองเกรสจะสามารถผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ แต่ล่าสุดการหารือระหว่างแนนซี่ เปโลซี่ ประธานสภาผู้แทน ฯ พรรคเดโมแครตกับ รมว.คลัง สตีเฟ่น มนูชิน ยังไม่สามารถหาข้อตกลงได้ ต้องรอการประชุมต่อในวันนี้ โดยประธานาธิบดีทรัมป์อาจออกมาตรการช่วยเหลือชุดเล็ก ๆ ก่อนหากการหารือยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนการประชุมธนาคารกลางอังกฤษวานนี้มีมติคงดอกเบี้ยที่ 0.10 % และวงเงิน QE ที่ 7.45 แสน ล.ปอนด์ และยังคงดอกเบี้ยต่ำจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว โดยเงินเฟ้อคาดอยู่ที่ 0.25 % ในครึ่งหลังของปีนี้และต้องใช้เวลาอีก 2 ปีกว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับเป้าหมายที่ 2 % ส่งผลให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น Gold Spot เช้านี้อยู่ที่ 2,070 ดอลลาร์/ออนซ์ วันนี้ติดตามรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.ค. คาดเพิ่มขึ้น 1.36 ล.ราย อัตราว่างงานคาดลดลงอยู่ที่ 10.70 % สำหรับดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปิด -0.31 % ต่างชาติ, สถาบัน, พอร์ตโบรกเกอร์เป็นผู้ซื้อสุทธิ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานปรับลดลง หลังประเมิน Upside ราคาน้ำมันดิบค่อนข้างจำกัดจากอุปสงค์ที่ยังชะลอตัว ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ปรับตัวขึ้นแรงเริ่มถูกแรงขายทำกำไร ตลาดอยู่ระหว่างรอรายงานกำไร Q2/63 โดย ADVANC รายงานกำไร Q2/63 ที่ 7 พัน ลบ. -9.7% YoY, +3.6% QoQ ดีกว่าคาดการณ์ราว +8 % ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ครม.ชุดใหม่ , การรีวิวข้อตกลงการค้าเฟส 1 สหรัฐ- จีน ในสัปดาห์หน้า

Daily Strategy

ดัชนี SET คาดทรงตัวในกรอบแนวรับ1,325 -1,330 จุด แนวต้าน 1,340-1,350 จุด ระหว่างรอรายงานกำไร บจ. Q2/63 และการปรับพอร์ตการลงทุน แนะนำซื้อ ADVANC@225 กำไร Q2/63 ดีกว่าคาด (อ่านรายละเอียดใน Earning Results)

MEGA* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 37.94 บาท) ตลาดคาดกำไรสุทธิงวดQ2/63ที่ 239.5 ล้านบาท(+8.68%YoY,-25.15QoQ) ยังสามารถเติบโตได้ดีปีต่อปี ได้ปัจจัยหนุนทางรายได้จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยผู้บริโภคมีความสนใจต่อสุขภาพมากขึ้นสืบเนื่องจาก Covid-19 ส่งผลบวกต่อยอดขายวิตามิน และสมุนไพร นอกจากนี้ยังมีโอกาสขยายตลาดจากการลงทุนขยายธุรกิจโรงงานผลิตยาในประเทศเมียนมา ซึ่งมีประชากรอยู่ราว 54.4 ล้านคน (ราว 77.9%ของประชากรไทย)ตลาดคาดกำไรสุทธิปี63 และ ปี64 ที่ 1,294 ล้านบาท(+13.63%YoY) และ 1,424 ล้านบาท(+10.02%YoY) ตามลำดับ

PTTEP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 102.00 บาท) Analyst Meeting : สาระสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์บริษัทพูดถึงความพร้อมในการปรับตัวเข้ากับ Global New Normal มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ วางเป้าหมายปี 2573 ตั้งเป้าลด Unit Cost ลงเหลือ 25$/BOE ให้มีความยืนหยุ่นต่อระดับราคาน้ำมันที่ต่ำ ขณะเดียวกันมองหาการเติบโตผ่านดีล M&A เพื่อรักษาระดับ R/P ration ที่ระดับ 7 ปี พยายามเพิ่มสัดส่วนปริมาณขาย Gas ให้ได้ 80% จากปัจจุบันที่ 70% และต่อยอดในการสร้าง LNG Value Chain ร่วมกับกลุ่ม PTT รวมถึงการ Diversify ไปสู่ธุรกิจใหม่ทั้ง ARV (AI and Robotic Venture), Power Business (Gas to Power, Green Power), Future Technology โดยตั้งเป้าสัดส่วนกำไรจากธุรกิจใหม่ราว 20% ส่วนภาวะตลาดน้ำมันมองราคา Brent 40-45$/bbl +/- สอดคล้องกับสมมติฐานที่เราคาดเอาไว้ ติดตามการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการพัฒนาวัคซีนถ้าสำเร็จได้แล้วจะเป็นบวกต่อ Cyclical Stock

Daily Key Factors

Oil Update (-) WTI Futures ก.ย.ปิด -$0.24 ดอลลาร์ อยู่ที่ $41.95 /บาร์เรล Brent Futures ก.ย. ปิด -$0.08 ดอลลาร์ อยู่ที่ $45.09 /บาร์เรล ปรับลดลงจากความกังวลต่ออุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันอาจลดลง หลังรายงานผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 ทั่วโลกอยู่ที่ 19.2 ล.ราย เสียชีวิต 7.16 แสน ราย ขณะที่กลุ่มโอเปกพลัสได้ลดการลดกำลังการผลิตที่ 7.7 ล.บาร์เรล/วัน

Gold Update (+) Gold Futures ธ.ค.ปิด +20.10 ดอลลาร์ อยู่ที่ 2,069.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย นักลงทุนยังกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อในอนาคต หลังธนาคารกลางหลักประเทศต่าง ๆ เพิ่มสภาพคล่องในระบบอย่างมาก โดย Dollar Index อ่อนค่า -0.07% อยู่ที่ 92.8025

Fund Flow (+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +30.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +19.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด -0.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +11.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าเล็กน้อยอยู่ที่ 31.05 บาทดอลลาร์สหรัฐ

(+) ดัชนี BDI ปิด +25 จุด อยู่ที่ 1,500 จุด

(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 0.533 % , 2 ปี อยู่ที่ 0.117 %

(-) ค่าเงินหยวน off-shore อ่อนค่าอยู่ที่ 6.9520/USD

(-) วานนี้สหรัฐรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น 58,177 ราย รวมอยู่ที่ 5,031,745 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1,179 ราย รวมอยู่ที่ 162,780 ราย ( Worldometers )

Economic Calendar

ในประเทศ

05 มิ.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) (ปีต่อปี) ( ก.ค.)

ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย (ปีต่อปี) ( ก.ค.)

การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของไทย

05 มิ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย ( ก.ค.)

ต่างประเทศ

03 มิ.ย. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนจากสถาบัน Caixin ( ก.ค.)

US ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ( ก.ค.)

05 มิ.ย. US การเปลี่ยนแปลงในการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรมจากเอดีพี (ADP) ( ก.ค.)

US ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ( ก.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

06 มิ.ย. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

07 มิ.ย. US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ( ก.ค.)

US อัตราการว่างงาน ( ก.ค.)

Theme Strategy

(1) กลุ่ม Defensive Stock BCPG*, BGRIM*, BPP*, GPSC*, GULF*, ADVANC, INTUCH*

(2) กลุ่มที่อิงการบริโภคในประเทศ CPALL, CBG*, ICHI*, OSP*

(3) กลุ่มรับประโยชน์ ศก.ชะลอ NPL เพิ่ม สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียน BAM*, CHAYO*, JMART*, JMT*, SINGER*

(4) กลุ่มส่งออกอาหารเงินบาทอ่อนค่า CPF*, GFPT*, TFG*, TU*, STA*

(5) กลุ่มรับประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและการคลาย Lockdown TOP, PTTGC, IVL*, PRM*, PTG*, TASCO*

(6) กลุ่มรับประโยชน์จากปลดล็อก พ.ร.บ.งบประมาณ STEC, SEAFCO*, PYLON*

*หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research:

Monthly Portfolio August 2020: INTUCH*, JKN*, TVO*, TASCO*, CPF*, BCH*

Technical Brief

SET Daily คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,325-1,345 จุด เลือกเล่นแบบ Selective Buy

กลยุทธ์การลงทุน ภาพรวมดัชนีแกว่ง Sideways ไร้ทิศทางมีปัจจัยกดดันแรงขายสลับกลุ่ม ช่วงสั้นระหว่างรอประกาศงบให้เลือกเก็งกำไรเป็นรายตัว วางแนวรับ 1,325-1,330 จุด และแนวต้าน 1,345-1,350 จุด

SET Weekly: Wait and See รอเลือกทาง

กลยุทธ์การลงทุน ดัชนีเลือกแกว่ง Sideways ออกข้างในกรอบ 1,300-1,400 จุด สำหรับการลงทุนในระยะกลางแนะนำ Wait and See เพื่อรอการเลือกทาง สัปดาห์นี้ดูแล้วยังมีแนวต้านหลักที่ 1,350 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,300 / 1,305 จุด หากหลุดแนวรับสำคัญให้ลดพอร์ต

Gold Spot: รันเทรนบนแนวโน้มขาขึ้น ทยอยขยับ Trailing Stop

กลยุทธ์การลงทุน แท่งเทียนรักษาแนวโน้มขาขึ้นได้ต่อเนื่อง ประเมินแนวต้าน 2,080-2,090 USD/Oz ส่วนแนวรับขยับขึ้นมาที่ 2,040-2,050 USD/Oz โดยวาง Trailing Stop เป็นการจำกัดความเสี่ยงไว้ที่ 2,000 USD/Oz หากหลุดลงมาอาจเป็นสัญญาณพักตัว

Fast Trade

KAMART: แนะนำซื้อเก็งกำไร Res 3.36-3.42/ Sup 3.06/ Cut 3.00

PLE : แนะนำซื้อเก็งกำไร Res 0.95-0.99/ Sup 0.88/ Cut 0.86

PRIME : แนะนำซื้อเก็งกำไร Res 0.54-0.57/ Sup 0.46/ Cut 0.44

SET 50 Index Future

กลยุทธ์ระยะสั้น ถ้าเราดูกราฟราย 30 นาทีจะเห็นว่าวานนี้สำหรับ S50U20 มีการแกว่งตัวทดสอบแนวต้านบริเวณ 860-866 จุดแล้วยังไม่ผ่านดังนั้นวันนี้เราประเมิน S50U20 มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อโดยเราวางแนวรับไว้ที่บริเวณ 845-850 จุด สำหรับผู้เล่นขา Long แนะนำรอดูการทดสอบแนวรับดังกล่าวหากยืนได้ค่อยเปิด Long ขึ้นมาแต่ถ้า S50U20 หลุดแนวรับกรอบล่างที่ 845 จุดเราแนะนำ Follow Short

การลงทุนรายสัปดาห์ สำหรับภาพระยะกลางเรายังคงมุมมองเดิมคือ Sideway/Sideway down ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ถือสถานะ Short 1/3 ของ Port ต่อและ Wait & See