บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 23-7-2020

Details: Category: บทวิเคราะห์; Published: Thursday, 23 July 2020 15:04; Hits: 4505

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 23-7-2020

กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play//Accumulate on Dip

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรง -19.96 จุด ณ สิ้นวันโดยถูกกดดันทั้งประเด็นตึงเครียดหลังสหรัฐฯสั่งให้จีนปิดสถานกงสุลที่เมือง Houston รวมถึงมีกระแสคาดการณ์ว่าไทยอาจติด Watch List แทรงแซงค่าเงินของสหรัฐฯ สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 571 ลบ. ส่วนนักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายซื้อสุทธิหนาแน่น 2.1 พันลบ. (และ Short Index Futures สูงถึง 1.3 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะกลับมาแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,350-1,365 จุด หลังปรับตัวลงแรง การเคลื่อนไหวของตลาดยังมีความผันผวนสูง โดยปัจจัยหนุนคือพัฒนาการของวัคซีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนเป็นปัจจัยหลักที่กดดันและต้องจับตา ซึ่งมีโอกาสที่จะรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะช่วงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯช่วงต้นเดือน พ.ย. 20 นอกจากนี้ยังต้องติดตามผลประกอบการฝั่ง Real Sector ที่อาจแย่กว่าคาดหลังกลุ่มธนาคารส่งสัญญาณเป็นลบ ส่วนประเด็นไทยอาจติด Watch List แทรกแซงค่าเงินของสหรัฐฯ ธปท.ได้พูดถึงในการประชุมนักวิเคราะห์ว่าได้มีการชี้แจงและประสานงานกับฝั่งสหรัฐฯอยู่แล้วจึงไม่น่าเป็นประเด็น อย่างไรก็ตามจากปัจจัยความไม่แน่นอนหลายอย่าง ระยะสั้นเราจึงยังเน้นให้เลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการ 2Q20 แข็งแกร่ง เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ที่อยู่อาศัย โรงไฟฟ้า เป็นต้น และหากดัชนีมีจังหวะปรับฐานลงใกล้ระดับ 1,300 จุด เรายังมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสม

กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดมีผลประกอบการ 2Q20 แข็งแกร่ง//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงตลาดปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน ก.ค. : BDMS, BEM, CK, DOHOME, OSP

หุ้นเด่นวันนี้: SC

- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2021 ที่ 2.80 บาท

- คาดกำไร 2Q20 โตโดดเด่นสวนทางกลุ่ม +61% Q-Q, +71% Y-Y เป็น 484 ลบ. หนุนจากโครงการแนวราบเป็นหลักถึง 85% ส่วนคอนโด Beatniq และ Saladaeng One มียอดขายเร่งตัวขึ้น

- Presales 2Q20 ดีกว่าที่คาดและทำ New High 5.8 พันลบ. +193% Q-Q, +38% Y-Y จาก Demand โครงการแนวราบที่แข็งแกร่ง เราคาดแนวโน้มกำไร 3Q20 ยังดีต่อ

- Valuation อยู่ในโซนถูก ซื้อขายที่ PER และ PBV เพียง 5.6 เท่าและ 0.5 เท่า ตามลำดับ พร้อมให้ Dividend Yield 7% (จ่ายปีละครั้ง)

Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนพลิกกลับมาไหลออกจากภูมิภาค US$113 ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไทยและไต้หวัน US$67 ล้านและ US$58 ล้าน ตามลำดับ ส่วนเกาหลีใต้มีเม็ดเงินไหลเข้า US$41 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกจากสถานกาณร์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่มากขึ้นและมีความกังวลว่าอาจลามไปสู่สงครามเย็น

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) หุ้นที่คาดมีกำไร 2Q20 แข็งแกร่ง AP BCH CBG CPF DRT ICHI MTC SC SMT STGT TACC XO

(-) สหรัฐฯ-จีนตึงเครียดมากขึ้น หลังสหรัฐฯสั่งให้จีนปิดสถานกงสุลในเมือง Houston และจีนจะตอบโต้ ซึ่งกดดันบรรยากาศการลงทุนระยะสั้น สิ่งสำคัญที่ต้องจับตาคือท่าทีของสหรัฐฯว่าจะมีมาตรการแข็งกร้าวต่อจีนเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้งเดือน พ.ย. และกระทบกับข้อตกลงทางการค้าหรือไม่ ซึ่งหากเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยยะมากขึ้นโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ

(0) SISB แนวโน้มผลประกอบการ 2Q20-3Q20 สะดุดชั่วคราวจากการปิดโรงเรียนและใช้วิธีเรียนออนไลน์แทน เราคาดกำไรปกติ 2Q20 (ไม่รวมรายการพิเศษจากการปิดสาขาเอกมัยและอื่นๆ) -71% Q-Q, -67% Y-Y ล่าสุดการเรียนและการรับนักเรียนกลับสู่ภาวะปกติ เราคาดว่ากำไรจะกลับขึ้นมาสู่ระดับก่อนมี COVID19 ได้ใน 4Q20 และ Turnaround ในปี 2021 โดยคาดคาดกำไรปี 2020 หดตัว -25% Y-Y และ +59%Y-Y ในปี 2021 เราปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2021 ที่ 11.20 บาท อย่างไรก็ตามเราแนะนำ "รอซื้อหลังประกาศงบ"

(0) ICHI คาดกำไร 2Q20 -9% Q-Q, +5.8% Y-Y เพราะถูกกระทบจาก COVID-19 ทำให้รายได้อ่อนตัวลง ส่วน BOI ของโรงงานหมดลงตั้งแต่ 1Q20 ทำให้ต้องกลับมาจ่ายภาษีในอัตราสูงขึ้นตั้งแต่ 2Q20 เป็นต้นไป เราคาดหวังกำไรกลับมาฟื้นใน 2H20 จากรับรู้รายได้ PH Plus 8.5 เต็มไตรมาสและมีแผนออกเครื่องดื่มผสมวิตามินตัวใหม่ คาดกำไรปี 2020 +28.8% Y-Y และปี 2021 +10.4% Y-Y เราจะปรับใช้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 9.50 บาท (เป้าปีนี้ 8.50 บาท) ราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงจนใกล้เต็มมูลค่า แนะนำ "Sell into strength และรอซื้อเมื่ออ่อนตัว"

(+) SMT เราคาด 2Q20 มีโอกาสพลิกกลับมากำไรอีกครั้ง แม้จะมีผลกระทบจาก COVID-19 แต่มีความเปลี่ยนแปลงภายในที่ดีหลังได้ผู้บริหารท่านใหม่ ซึ่งสามารถแย่งชิง Market Share ตลาด IC,PCBA เดิมและรุกตลาด Optics มากขึ้น คำสั่งซื้อปัจจุบัน Secure รายได้ปีนี้แล้ว 80-90% และเริ่มเห็นของปีหน้า เบื้องต้นเรามอง SMT เป็นหุ้น Turnaround ที่น่าสนใจแนะนำ "เก็งกำไร" เบื้องต้นประเมินราคาเหมาะสมในกรอบ

2-2.30 บาท (ไม่ได้อยู่ใน Coverage)

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 165.44 จุด ปิดที่ 27,005.84 จุด จากการปรับขึ้นหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภคขณะที่นักลงทุนติดตามการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ซึ่งคาดว่าจะมีวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์หรือมากกว่า ก่อนโครงการช่วยเหลือคนว่างงานจะหมดอายุลงในวันที่ 31 ก.ค.นี้

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน หลังมีรายงานข่าวรัฐบาลสหรัฐได้สั่งให้จีนปิดสถานกงสุลที่เมืองฮิวสตันภายใน 72 ชั่วโมง ขณะที่จีนกำลังพิจารณาที่จะปิดสถานกงสุลสหรัฐในเมืองอู่ฮั่น รวมถึงกดดันจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสม ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน ทั้งนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ (23 ก.ค.) เนื่องในวันแห่งทะเล

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 41.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 21.2 ดอลลาร์ หรือ 1.15% ปิดที่ 1,865.1 ดอลลาร์/ออนซ์ จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1225.01 / +5.26

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

23 ก.ค. - เกาหลีใต้: 2Q20 GDP

- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ค.)

24 ก.ค. - ไทย: นำเข้า-ส่งออก (มิ.ย.)

- สหรัฐ: Markit US Mfg & Services PMI (ก.ค.)

- ยูโรโซน: Markit Eurozone Mfg & Services PMI (ก.ค.)

27 ก.ค. - สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (มิ.ย.)

29 ก.ค. - ฮ่องกง: 2Q20 GDP

30 ก.ค. - สหรัฐ: ประชุม Fed

- เยอรมนี: 2Q20 GDP

Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530