- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 23 July 2020 14:59
- Hits: 4725
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 23-7-2020
“สหรัฐ จีน ตึงเครียด-ผู้ติดเชื้อสูง-ไทยอาจถูกขึ้นบัญชี FX”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ---
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า :
SET วานนี้มีแรงขายช่วงบ่าย เกิดความขัดแย้งจีน-สหรัฐ ปิด -19.96 จุด ที่ 1357.04 จุด มูลค่าซื้อขายสูงขึ้น 64 พันลบ. สหรัฐสั่งจีนปิดสถานกงสุลที่เมืองฮิวสตัน ภายใน 3 วัน จีนกล่าวจะโต้ตอบ และมีข่าวไทยอาจถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีประเทศที่ถูกจับตาเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งมีการต่อพรก.ฉุกเฉิน 1 เดือน คลายเฟส 6 เรื่องต่างชาติเข้าไทย แต่ไม่ชัดเจนนัก ผู้ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ YTD ต่างชาติขายสุทธิ 222 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET ผันผวน ปัจจับลบความตึงเครียด สหรัฐ-จีน ผู้ติดเชื้อรอบ 2 สูง และไทยอาจถูกขึ้นบัญชีเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ปัจจัยลบคือ สหรัฐให้จีนปิดสถานกงศุลที่เมืองฮิวสตันภายใน 3 วัน จีนอาจจะตอบโต้ ตอนนี้ผู้ติดเชื้อทั่วโลกสูงถึง 15.1 ล้านรายแล้ว สหรัฐยังอันดับ 1 น้ำมันปรับลง เพระสต็อกสูง เข้าหาทองคำจนทำ New High ไทยอาจถูกสหรัฐจับตาเป็นพิเศษเรื่องแทรกแซงค่าเงิน และต่อพรก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน ด้านปัจจัยบวกคือ สหรัฐเริ่มสั่งซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์ รอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากสหรัฐ ดัชนีกังวลไม่สูง 24.3 จุด ติดตามผลประกอบการ วันนี้ Microsoft และ Tesla เช้านี้เพื่อนบ้านบางตลาดรีบาวด์ ส่วนไทยมีการผ่อนปรนระยะที่ 6 ต่างชาติเข้าไทย และมีโผจัดตั้งครม.ใหม่แล้ว กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1340-1370 จุด ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังย่ำแย่ ความเสี่ยง ติดเชื้อรอบสองและการเมืองไทย แต่มีสัญญาณการผลิต-บริการจ้างงานเริ่มฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ และไตรมาส 2 เป็นจุดต่ำสุดของปีแล้ว จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ เก็งกำไบริษัทซื้อหนี้มาบริหาร (หนี้เสียมีมาก หลังแบงก์ตั้งสำรองฯสูง)- BAM,JMT,CHAYO เก็งกำไรหุ้นกลุ่มส่งออกเมื่อบาทอ่อน- DELTA,HANA,KCE,CPF,TU หุ้นพลังงานช่วงนี้ผันผวน แต่แนะนำ ซื้อ-PTT,PTTEP,TOP,GPSC,BGRIM,BCP วัสดุก่อสร้างพื้นฐานดี-SCC,TASCO,DRT หุ้นกลุ่มการแพทย์เข้าไฮซีซัน-BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive-ADVANC,DTAC,CPF,CHG,OSP หุ้นปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัวดี- AP,MTC,PTL,TASCO,TU, STI ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง-กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ- DIF,AIMIRT,IMPACT แต่ระยะสั้นระวังงบ 2Q63 ไม่ดี คือ BTS,CPALL,HMPRO,CK,VGI,PFอาจมีการเก็งกำไร กลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยว สนามบิน AOT นิคมฯ-คอนโดรอโอนจากจีน และโรงพยาบาลเน้นต่างประเทศ BH เพราะอยู่ในช่วงคลายให้ต่างชาติเข้าไทย แนวรับคือ 1330-1310 จุด และ แนวต้าน 1370-1380 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1355 จุด
# Stock Pick Today : AOT แนะเก็งกำไร ตัวเลขผู้ใช้สนามบินมากขึ้น ตัวเลขผู้ใช้สนามบินมากขึ้น จาก 6 สนามบินที่บริหารอยู่ ตัวเลข มิ.ย.63 เทียบกับ m-o-m ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เครื่องบินเพิ่ม 90% และผู้โดยสารเพิ่ม 178% คาดว่าจะมีผลมาจากภาครัฐกระตุ้นการท่องเที่ยว และคลายล็อกดาวน์ แม้ว่าเทียบ y-o-y จะยังลดลงมากก็ตาม ในวานนี้ ศบค.ชุดใหญ่มีการผ่อนคลายระยะที่ 6 ซึ่งเกี่ยวข้องกับคนต่างชาติให้เข้าไทยได้ เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจ คาดว่าจะเกิดประโยชน์กับ AOT ราคาพื้นฐานให้ไว้ที่60 บาท (DCF)
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพกลับเป็นลบเล็กๆ แต่อาจมีรีบาวด์ช่วงสั้นๆ ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick &Indicators เปลี่ยนกลับ(ยัง)เป็นลบเล็กๆ {“ปิดลบแรง”เหนือ“SMA10วัน”เล็กน้อย (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่ “ค่าบวก”(มี“SMA10”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1370 (หรือ 1380 – 1390) จุด {แนวตัดขาดทุน“ต่ำกว่า 1355” (แนวรับย่อย “1330 / 1310 – 1300” จุด)}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Single stock futures : รายสัปดาห์
Company Guide : TMB (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 1.30)
Flash Note : IMPACT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 19.50)
JASIF (ถือ -ราคาพื้นฐาน 9.60)
SPALI (ถือ -ราคาพื้นฐาน 14.60)
Turnover List Watch: NER-W1 และ CHAYO มีโอกาสสูงติด Cash Balance
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับลง กังวลความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน
# ตลาดถูกกดดันจากปัจจัยความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐสั่งปิดสถานกงสุลจีนที่เมืองฮิวสตันภายใน 72 ชั่วโมง ขณะที่จีนประกาศตอบโต้มาตรการดังกล่าว
- โควิด-19: จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 มีอยู่เป็นจำนวนมาก สหรัฐยังเป็นอันดับแรก
# Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 15,120,686 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 620,263 ราย โดยสหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก 4,028,733 ราย และเสียชีวิต 144,958 ราย
- สหรัฐ: มีผู้เสียชีวิตรายใหม่และติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมาก
# ข้อมูลจาก Covid Tracking Project ระบุว่า สหรัฐมีผู้เสียชีวิตรายใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนมากกว่า1,000 รายเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. ทั้งนี้ เท็กซัสและฟลอริดามีตัวเลขเฉลี่ยผู้เสียชีวิตรายใหม่จากโควิด-19 จำนวนมากถึง 6 เท่าเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกันสหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มากกว่า60,000 รายเมื่อวานนี้
+ สหรัฐ: สั่งซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์ ทุ่มเงินถึง 1.95 พันล้านดอลลาร์
# รัฐบาลสหรัฐจะจ่ายเงินจำนวน 1.95 พันล้านดอลลาร์ให้แก่ไฟเซอร์ เพื่อให้มีการผลิตและส่งมอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดสให้แก่รัฐบาล หากวัคซีนดังกล่าวได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในมนุษย์
+ สหรัฐ: นักลงทุนติดตามการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่
# นักลงทุนยังจับตาการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่เนื่องจากโครงการช่วยเหลือคนว่างงานจะหมดอายุลงในวันที่ 31 ก.ค.นี้
- • สหรัฐ: ติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐ
# นักลงทุนยังคงจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐ โดยบริษัทไมโครซอฟท์และเทสลาจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากปิดตลาดหุ้นในวันนี้
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ: ปิดบวก 165.4 จุด แม้มีความขัดแย้ง สหรัฐ-จีน แต่ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นไฟเซอร์อิงค์
# ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวบวกได้ ท่ามกลางปัจจัยบวกและลบที่เข้ามาในตลาด ตลาดถูกกดดันจากปัจจัยความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐสั่งปิดสถานกงสุลจีนที่เมืองฮิวสตันภายใน 72 ชั่วโมง ขณะที่จีนประกาศตอบโต้มาตรการดังกล่าว อย่างไรก็ดี ดาวโจนส์ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ หลังมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐจะจ่ายเงินจำนวน 1.95 พันล้านดอลลาร์ให้แก่ไฟเซอร์ เพื่อให้มีการผลิตและส่งมอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19
- น้ำมัน: WTI ปิดลบเล็กน้อย 2 เซ็นต์ หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่ง
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และความหวังเกี่ยวกับวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ช่วยสกัดแรงขายในตลาด และทำให้สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงไม่มากนัก
- • ทองคำ: ปิดพุ่ง $21.2 หลังผู้ติดเชื้อพุ่ง ความขัดแย้งสหรัฐ-จีน ดอลล์อ่อนหนุนแรงซื้อ
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีผู้ติดเชื้อรอบสองมาก และความขัดแย้งสหรัฐ-จีน นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำ
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- • ศบค.ให้ต่อ พรก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน ผ่อนคลายเฟส 6 เกี่ยวกับให้ต่างชาติเข้าไทย แต่ยังต้องกักตัว
# ศบค.ชุดใหญ่มีมติต่อ พรก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน สิ้นสุด 31 ส.ค.63 และผ่อนคลายเฟส 6 การให้ต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยได้ คือนักธุรกิจต่างชาติ ผู้เชี่ยวชาญ แรงงานต่างด้าว 3 ประเทศคือ ลาว กัมพูชา และเมียนมา ที่มีใบอนุญาตและกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ โดยทั้งหมดจะต้องเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน
# ผลกระทบ: เป็นกลาง เพราะมีการคาดการณ์กันไปก่อนหน้าแล้วว่าจะมีการต่อ พรก.ฉุกเฉิน ด้านการคลายเฟส 6 ยังมีข้อจำกัดสำหรับต่างชาติอยู่ มีการกักตัว จึงคาดว่าตลาดฯจะไม่ได้ตอบรับเป็นข่าวดีมากนัก และต้องรอพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม เพราะเรื่องนี้มีความอ่อนไหว คือ คนไทยยังกลัวการติดเชื้อรอบ 2 จากคนต่างชาติมาก ดูได้จากกรณีทหารอียิปต์ และดญ.คณะฑูตจากประเทศซูดาน
-ยูบีเอสคาด สหรัฐจ่อขึ้นบัญชีจับตาไทยแทรกแซงค่าเงินเป็นครั้งแรก
# สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของยูบีเอส กรุ๊ปว่า ไทยและไต้หวันเข้าข่ายติดบัญชีรายชื่อประเทศที่ต้องถูกจับตาเป็นพิเศษ เพราะเข้าเกณฑ์ทุกข้อที่กระทรวงการคลังของสหรัฐได้กำหนดไว้ จากการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เป็นธรรม แต่ก็มีข่าวว่าผู้ว่า ธปท.ได้มีการชี้แจงให้ทางกระทรวงการคลังสหรัฐทราบแล้ว
+ นายกรัฐมนตรี ระบุโผ ครม.ใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว
# นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายในการตรวจสอบคุณสมบัติหลังจากตอบรับแล้ว จากนั้นจะต้องรอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ และเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน
- EXIM BANK ประเมินว่าการส่งออกไทยจะหดตัว -8 ถึง -10%
# ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ประเมินว่าการส่งออกไทยจะหดตัว -8 ถึง -10% จากเดิมที่เคยคาดว่าจะหดตัว -5 ถึง -8%
- หุ้น GOLD (Golden Land) วานนี้ร่วงแรง เพราะซื้อแล้วไปทำเทนเดอร์ฯ ไม่ทันแล้ว
# วานนี้หุ้น GOLD ปิดตลาดปรับตัวลงถึง 11.3% เนื่องจากวานนี้ แม้ซื้อแล้วจะไปทำเทนเดอร์ฯ ก็ไม่ทันแล้ว แม้การทำเทนเดอร์ฯ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายก็ตาม และฝ่ายวิจัยฯ ก็คาดว่าจากนี้ไปราคาหุ้นก็จะปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ตามที่ได้เคยเตือนไว้ เนื่องจาก FPT ซึ่งเป็นผู้ซื้อ GOLD จะถอดถอน GOLD ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ (Delist) แล้วจะกลายเป็นหุ้นที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ไปฯ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดกับกรณีของหุ้นหลายตัว เช่น ROBINS เป็นต้น
-AAV จ่อคุยซอฟต์โลนรมว.คลังคนใหม่ ระบุอั้นได้แค่ ต.ค.อาจเห็นล้มเพิ่ม
# ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้บริหารสายการบินไทยเอเชีย คาดว่าธุรกิจ สายการบินจะอั้นเรื่องสภาพคล่องได้ถึงแค่เดือน ต.ค.นี้หากยังไม่มีการเปิดให้สามารถบินเที่ยวบินระหว่างประเทศได้ก็คงตายกันหมด จึงอยากให้รัฐบาลเร่งตัดสินใจว่าจะเปิดประเทศหรือไม่ หากไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาก็อยากให้ภาครัฐพิจารณาปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ให้แก่สายการบินอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นสายการบินก็คงล้มหายตายจากไปอีกเพราะไม่มีเงินหมุนสภาพคล่อง
+ SAWAD กำไรเกินพันล. ขานรับ BFIT โตกระฉูด
# ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น งบ Q2 สวย เกิน 1 พันล้าน หลังรับรู้รายได้ BFIT 512 ล้าน โตกว่า 2,574% จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นสุทธิ 294 ล้าน ขณะที่ค่าใช้จ่ายลดลงเกือบทุกรายการ แถมรายได้หนี้สูญได้รับคืนอีก โบรกฯ มองบวกต่อหุ้นแม่และลูก ด้าน BFIT ราคาวิ่งชนซิลลิ่งวานนี้ ขณะที่ MTC มั่นใจครึ่งปีหลังเศรษฐกิจฟื้น (ข่าวหุ้น)
# ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำ ถือ ราคาพื้นฐาน 57.00 บาท
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web