- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 17 July 2020 15:59
- Hits: 4096
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 17-7-2020
“คาดไซด์เวย์ สหรัฐ-จีนตึงเครียด,กำไร-แรงงานไม่สดใส”
- • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
# ภาวะตลาดและปัจจัยก่อนหน้า : SET วานนี้ปรับลง กังวลสหรัฐ-จีนขัดแย้งกัน ปิด -6.45 จุด ที่ 1347.86 จุด มูลค่าซื้อขายบาง 48 พันลบ.ดัชนีฯปรับลงคล้ายตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน แม้ Moderna เผยวัคซีนได้ผลดี แต่กังวลสหรัฐและจีนต่างพากันคว่ำบาตรกัน กรณี อุยกูร์ และฮ่องกง ส่วนโอเปกลดการผลิตน้อยลงตั้งแต่ส.ค.63 จนถึงสิ้นปี กลับมามีแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงานและอาหาร ผู้ซื้อสุทธิมาก-รายย่อย ขายสุทธิมาก-ต่างชาติ YTD ต่างชาติขายสุทธิ 222 พันลบ.
# ปัจจัยและกลยุทธ์:
SET มีโอกาสไซด์เวย์ จากความตึงเครียดสหรัฐ-จีน กำไร2Q-แรงงานไม่สดใส น้ำมันปรับลง ปัจจัยลบคือ ความตึงเครียดสหรัฐ-จีนตัวเลขยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่ม 1.3 ล้านราย ดาวโจนส์ -135 จุด ผลประกอบการบางบริษัทน่าผิดหวัง และน้ำมันปรับลง หลังโอเปกตัดสินใจลดกำลังการผลิตน้อยลงเป็น 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่ ส.ค.-สิ้นปี 63 ด้านปัจจัยบวกคือ ตัวเลขยอดค้าปลีกและดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้น เช้านี้ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านรีบาวด์บางตลาด และดาวโจนส์ฟิวเจอร์สบวก ส่วนบ้านเรานายกฯคาดทีมเศรษฐกิจจัดตั้งได้ภายใน ส.ค.63 กลยุทธ์ระยะสั้น เข้าไว-ออกไว เล่นรอบ คาดดัชนีซื้อ-ขายในกรอบ 1330-1360 จุด ด้านกลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยยังย่ำแย่ แต่มีสัญญาณการผลิต-บริการจ้างงานดีขึ้น หลังคลายล็อกดาวน์ จึงแนะนำทยอยถอยรับหลักทรัพย์พื้นฐานดีที่แนะนำซื้อ หุ้นกลุ่มการแพทย์เข้าไฮซีซัน-BCH,BDMS,CHG,RJH,RPH หุ้นDefensive-ADVANC,CPF,CHG,OSP หุ้นปันผลสูง-KKP,TISCO,LH เติบโต-ฟื้นตัวดี- AP,MTC,PTL,TASCO,TU กลุ่มพาณิชย์,นิคมฯเด่นจากการคลาย ล็อกดาวน์-CPALL,HMPRO,AMATA ราคาเนื้อสัตว์ดี- CPF ขนส่ง-กลับมาฟื้นตัวเร็ว BEM,BTS หุ้นกลุ่ม REITs & IFFs ปันผลสูง ดอกเบี้ยในตลาดต่ำ-DIF,AIMIRT,IMPACT หุ้นท่องเที่ยวฟื้นตัว-SPA แนวรับคือ 1320-1310 จุด และ แนวต้าน 1350-1360 จุด ส่วนตัดขาดทุนต่ำกว่า 1345 จุด สิ่งที่น่าติดตาม คือ MINT ฟ้อง แมริออท ค่าเสียหาย 570 ล้านบาท ฐานนำข้อมูลไปเปิดเผย และขายข้อมูลให้คู่แข่ง (ข่าวหุ้น) หุ้น TIP กำลังเปลี่ยนโครงสร้างเป็น โฮลดิ้งส์ เพิ่มทุนก่อนแลกหุ้น 1:1 ราว ม.ค.64 และเพิกถอนออกจากตลาดฯ ส่วน BDMS ร่วมมือกับวิริยะประกันภัย คาดได้ลูกค้าเพิ่มอีก 10%แนะนำ ซื้อ BDMS นอกจากนี้กลุ่มที่อยู่อาศัย 2Q63 ยอดขายเติบโตได้เทียบ q-o-q แต่ y-o-y ทรงตัว แม้เปิดขายโครงการใหม่น้อย บ้านแนวราบขายดีแนะถ่วงน้ำหนักปานกลาง และ TLGF ประกาศกำไร 1Q63-64 ลดฮวบ -45% y-o-y จากล็อคดาวน์ แต่คาดว่าต่ำสุดแล้ว แนะนำเพียง ถือ# Stock Pick Today : PTL แนวโน้มขาขึ้น จำเป็นช่วงโควิด คาด Core profit ปี 64F (สิ้นสุดมี.ค.) 2.5 พันล้านบาท โตแข็งแกร่ง +39%YoY จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น+20.5%YoY และ GPM เพิ่มขึ้น 1.3 ppt เป็น 24.7%คาดการณ์กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 23% ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า (ปี 62-66) ปัจจัยหนุน คือการขยายกำลังการBoPET, BoPP และ Metallizer Film และอุปสงค์มีมากหลังเกิดโรคโควิด-19 จุดเด่นเป็นผู้ผลิตต้นทุนต่ำและครบวงจร แนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 27.50 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สั้น...ภาพเป็นลบ แต่อาจมีรีบาวด์ ยังให้น้ำหนักกับการลงในระยะกลาง ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ{“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”ต่อ (โดยมี“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”กดดัน)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มี“แนวรับย่อยเดิมที่ 1330”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1350 – 1360 (หรือ 1370) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1345” (แนวรับย่อย“1320 – 1310 / 1300” จุด)}
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : อุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย
Hot Issue : เกี่ยวกับหุ้นปันผล (High Dividend Stock)
Company Guide : DRT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 7.00)
STI (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.26)
Flash Note : BCH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 17.00)
BTS (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 12.80)
RJH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 28.00)
TLGF (ถือ -ราคาพื้นฐาน 18.30)
Turnover List Watch : คาดยังไม่มีหุ้นจะติด Cash Balance
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- • ECB มีมติคงดอกเบี้ย,วงเงินซื้อพันธบัตรในการประชุมวานนี้
# ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ0.25%
# นอกจากนี้ ECB มีมติคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme(PEPP) ที่ระดับ 1.35 ล้านล้านยูโร โดยจะซื้อพันธบัตรตามโครงการดังกล่าวจนถึงเดือนมิ.ย.2564
- สหรัฐ: ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
# กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.3 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.25 ล้านราย โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานยังคงมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 16 แม้ว่ารัฐต่างๆได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดเศรษฐกิจก็ตาม
- สงครามการค้า: เกิดสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน จำกัดการออกวีซ่าให้พนักงานบ.เทคโนโลยีของจีน
# ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุดรัฐบาลสหรัฐได้จำกัดการออกวีซ่าให้กับพนักงานของบริษัทด้านเทคโนโลยีของจีน ซึ่งรวมถึงพนักงานของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ โดยอ้างเหตุผลว่าบริษัทเหล่านั้นมีส่วนสนับสนุนรัฐบาลจีนในการละเมิดสิทธิมนุษยชน
+ สหรัฐ: ตัวเลขยอดค้าปลีก มิ.ย.และดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน ก.ค.เพิ่มขึ้นดี
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 7.5% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.0%
# ทางด้านสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านพุ่งขึ้น 14 จุด สู่ระดับ72 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนมี.ค. ก่อนที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
- ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปิดลบ 135.39 จุด ผิดหวังข้อมูลแรงงานสหรัฐ,หุ้นเทคโนฯร่วง
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ก.ค.) หลังสหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงเกินคาดซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง และข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลายลง
- น้ำมัน: WTI ปิดลบ 45 เซนต์ หลังโอเปกพลัสลดการผลิตน้อยลง
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ก.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัส มีมติปรับลดกำลังการผลิตเพียง 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ปรับลด 9.7ล้านบาร์เรล/วัน
- • ทองคำ: ปิดลบ $13.5 หลัง ECB คงดอกเบี้ย,วงเงินซื้อพันธบัตร
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ก.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและวงเงินซื้อพันธบัตรในการประชุมเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำ
- • ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- • COVID-19: สธ.แถลงสร้างความมั่นใจรับมือได้ ขอระยองทบทวนปิดสถานที่เกินจำเป็น
# นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงยืนยันความพร้อมรับมือด้านสาธารณสุขหากมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ในประเทศ แม้ขณะนี้จะยังไม่พบว่ามีคนไทยติดเชื้อจากภายในประเทศด้วยกันเองต่อเนื่องมามากกว่า 50 วันแล้วก็ตาม โดยปัจจุบัน ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์และเวชภัณฑ์ต่างๆ ตลอดจนสถานพยาบาลทั่วประเทศ ต่างมีความรู้ความเข้าใจและมีความพร้อมเป็นอย่างมากต่อการรับมือกับโรคโควิด-19 ได้มากกว่าในช่วงแรก (ม.ค.63) ที่เริ่มมีการระบาดจากจีนเข้ามาในประเทศไทย (สำนักข่าวอินโฟเควสท์)
- • การเมืองไทย: นายกฯคาดปรับ ครม.แล้วเสร็จไม่เกิน ส.ค.นี้
# โฆษกรัฐบาล เผย นายกรัฐมนตรียืนยันว่าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะทำให้แล้วเสร็จไม่เกินเดือน ส.ค.นี้ โดยจะเป็นผู้พิจารณาด้วยตัวเอง พร้อมกันนี้ มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถมาทำหน้าที่ได้โดยเฉพาะการเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่ต้องยอมรับว่าปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากสถานการ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมมาตรการ รวมถึงโครงการต่างๆในการฟื้นฟูประเทศเอาไว้แล้ว
-แนวโน้มตลาดการเงินทั่วโลกในช่วงที่เหลือของปี 63 ยังคงมีความผันผวน
# นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) มองแนวโน้มตลาดการเงินทั่วโลกในช่วงที่เหลือของปี 63 ยังคงมีความผันผวน แม้ว่าจะเริ่มเห็นเงินทุนไหลกลับเข้ามาในสินทรัพย์ต่างๆ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มดีขึ้น และเริ่มมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ทำให้นักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจกลับมา แตกต่างจากช่วงเดือน มี.ค.ที่ความกังวลโควิด-19 กระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุน ทำให้นักลงทุนต่างเทขายสินทรัพย์ต่างๆ ทั้งตราสารหนี้ หุ้น และทองคำ
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web