- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 21 October 2014 17:29
- Hits: 1907
บล.กรุงศรี : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แนวโน้มและปัจจัยการลงทุนวันนี้
ขาย หรือ รอ
ตลาดหุ้นไทยผันผวนสูงโดยรีบาวด์ในช่วงเช้าเปิดตลาด +12.4 จุดและขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 1542.60 จุดแต่ช่วงบ่ายลดลงทำจุดต่ำสุดที่ 1525.77 จุด (-2.9 จุด) ปิดตลาดที่ 1526.67 จุด (-2.04 จุด, -0.13%) ซึ่งลดลงสวนทางกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวขึ้นทุกตลาด และมีเพียง 4 กลุ่มปรับตัวขึ้นเช่น ธนาคาร ปิโตรเคมี มีเดียส์และขนส่ง มูลค่าการซื้อขายกลับมาหดตัวลงเหลือ 36,387 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติสลับซื้อสุทธิ 481 ล้านบาท (1-21 ต.ค. ขายสุทธิ 9,979 ล้านบาท) และกองทุนในประเทศสลับขายสุทธิ 89 ล้านบาท (1-21 ต.ค. ซื้อสุทธิ 1,502 ล้านบาท)
ปัจจัยการลงทุนวันนี้
ธนาคารกลางจีนมีแผนเพิ่มมาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบธนาคารวงเงิน 2 แสนล้านหยวนUS$3.26 หมื่นล้าน เพิ่มเติมจากที่ได้อัดฉีดเงินให้กับธนา คารรายใหญ่ของรัฐบาล 5 แห่ง ในวงเงิน 5 แสนล้านหยวนไปเมื่อเดือนก.ย. 57 สาเหตุมาจากการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยังอ่อนแอ
ก.พาณิชย์ ตั้งเป้ายอดส่งออกปี 58 จะขยายตัวมากกว่า 5% ขณะที่ธปท. ประเมินการเติบโตส่ง ออกไทยปี 58 ที่ 4% และมองว่าโอกาสจะกลับไปเติบโตเป็นเลข 2 หลักเช่นในอดีตคงยากมากขึ้น เนื่องจากไทยขาดการลงทุนใหม่ๆเพื่อพัฒนาศักย ภาพการผลิต และยังเผชิญกับราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ ธปท.มองว่าระยะสั้นจากนี้การส่งออกของไทยคงจะค่อยๆ ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก
รัฐมนตรีคลังมองว่าปัจจุบันเริ่มมีสัญญาณการเข้าสู่ภาวะเงินฝืด เนื่องจากผู้ที่มีรายได้น้อยหางานทำได้ยากจึงไม่มีกำลังจะใช้จ่าย ขณะที่ผู้ที่มีเงินอยากใช้เงิน แต่ไม่รู้จะใช้ทำอะไร แต่เชื่อว่าคงยังไม่เป็นความเสี่ยงต่อภาพรวมเศรษฐกิจ เพราะพื้นฐานยังแข็งแกร่งโดยเป็นเศรษฐกิจที่เกิดการหยุดชะงัก และเงินเฟ้ออยู่ คนจนไม่เงินใช้จ่ายรู้สึกฝืดเคือง ขณะที่คนรวยมีเงินไม่รู้ว่าจะนำเงินไปลงทุนอะไรจึงจะได้ผลตอบแทนเพราะยังมีความกังวล จึงทำให้ไม่มีการใช่จ่าย ไม่มีการลงทุน ดังนั้นจึงขอประเมินดูช่วงปลายปีนี้หลังรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วว่ามีผลอย่างไร จึงเตรียมหาแนวทางแก้ปัญหาเพิ่มเติม
ทิศทาง SET เมื่อวานนี้หลังการดีดตัวขึ้นแต่กลับไม่สามารถยืนได้และปรับตัวลดลงนั้นแสดงถึงภาวะตลาดที่ขาดความเชื่อมั่น ซึ่งจะเป็นปัจจัยแปรผันสำคัญในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ผลประกอบการ 3Q14 เราคาดว่าจะมีแนวโน้มอ่อนตัวได้มากกว่าคาดการณ์โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน-น้ำมัน ส่วนความผัวผวนจากเงินบาท และ US$ มีผลต่อแรงซื้อ/ขาย เชื่อว่าจะผันผวนมากยิ่งขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ถึงการประชุมเฟดสหรัฐฯในวันที่ 28-29 ต.คนี้ วันนี้เราประเมิน SET มีความเสี่ยงทางลง แนะนำขาย (STEC, ITD, TRUE) หรือรอดู
แนวโน้มการลงทุนสำหรับระยะกลาง
ลดพอร์ตหุ้นลงอีก 10%
วันนี้เราปรับลดพอร์ตหุ้นลงอีก 10% เหลือถือครอง 10% เพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสดเป็น 90% โดยจำนวนหุ้นที่ถือครองอยู่ 2 บริษัทคือ HMPRO, และ ADVANC โดยรับรู้ผลต่างจากการขายลดพอร์ตครั้งนี้ 0% (PTTEP -0.2%, CPALL +0.2%)
Accumulate: -- รอสะสมหุ้น
Trading: เลือกซื้อหุ้นเก็งกำไรเหนือ 1532 จุด ต่ำกว่า รอ
เปรียบเทียบดัชนี
สถานะพอร์ตจำลอง (เริ่มวันที่ 25 พ.ย. 56)
พอร์ตหุ้น 10% ถือเงินสด 90%
ผลตอบแทนพอร์ตจำลอง (30%) = +0.8%
ผลตอบแทนถือเงินสด (70%) = +1.6%
ผลตอบแทนรวม (100%) = +2.6%
ผลตอบแทนตลาด SET = +12.8%
พอร์ตลงทุน KSS ได้รับรู้กำไรจากการลดพอร์ต 5 ครั้งในวันที่ 2 ก.ย. ลดจาก 70% เหลือ 60% (ส่วนต่างขาดทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก -0.7%)
วันที่ 5 ก.ย. จาก 60% เหลือ 50% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +3.3%)
วันที่ 16 ก.ย. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 50% เหลือ 30% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +5.9%)
วันที่ 24 ก.ย. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 30% เหลือ 20% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +1.7%)
วันที่ 15 ต.ค. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 200% เหลือ 10% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 0%)
รวมการรับรู้ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากการลดพอร์ต 4 ครั้งคิดเป็น +10.2%
Analysts :
Kasamapon Hamnilrat Registration No. 17622
Apisak Limthumrongkul Registration No. 13130